The King of the Battlefield - ตอนที่ 276
บทที่ 276 สงครามเทพปีศาจ (4 Part 1)
อามอน!
คือเทพปีศาจที่เป็นเจ้าแห่งเวทมนตร์
เทพปีศาจระดับสูงที่ครองที่นั่งอันดับ 7!
มูยองถึงกับหยุดชั่วครู่ เพราะแม้แต่มูยองก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาปรากฏตัวเร็วขนาดนี้
‘ปกติเทพปีศาจระดับสูงไม่ชอบร่วมมือกันทำงาน’
แล้วทำไมอามอนถึงมาที่นี่?
หากมีบางสิ่งที่ทำให้อามอนสนใจ ก็คงจะเป็นเรื่องของเอนโรธเรื่องเดียว
เดิมทีเอนโรธเป็นราชาปีศาจภายใต้คำสั่งของอามอน
มูยองลบเวทที่อามอนร่ายใส่เอนโรธโดยการทำให้มันกลายเป็นอันเดธ และแน่นอนว่าไม่มีทางที่อามอนผู้ที่เก่งด้านเวทมนตร์จะไม่รับรู้
นอกเหนือจากนั้น….ผู้ที่ทำหน้าที่สืบข้อมูลคนนั้นอาจเป็นผู้บอกเขาว่าเอนโรธถูกมูยองควบคุมแล้ว แม้ว่าจะมีการคาดการณ์ไว้บ้าง แต่เวลาก็เร็วกว่าที่คาดไว้
‘อามอนกำลังเล็งมาที่ฉัน”
มูยองสรุปความคิดของเขา
ถ้าคู่ต่อสู้คนแรกคืออามอนเขาอาจจะไม่สามารถรับมือได้ กล่าวตามตรงอามอนเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับมูยองเลยก็ว่าได้
ในความทรงจำของดันดาเลี่ยน อามอนทำหน้าที่เป็น “ผู้ประสานงานเชิงกลยุทธ์” นั่นหมายความว่าเขามีบทบาทในการกำกับบาอัลและเทพปีศาจอื่นๆ
เขาได้รับการยอมรับว่ามีทักษะที่ยอดเยี่ยมที่แม้แต่ดันดาเลี่ยนก็ไม่ทราบถึงความสามารถของอามอน และ จริงๆแล้วมีหลายอย่างที่ไม่มีผู้ใดรับรู้
“ เป็นคู่ต่อสู้ที่เลวร้ายมาก”
“ คุณจะยอมแพ้งั้นเหรอ?”
มูยองกระแทกเสียงใส่เกรโมรี่อย่างเด็ดขาด ส่วนในด้านของเองเกรโมรี เธอตระหนักดีถึงพลังของอามอนดี
ปีศาจจำนวนมากวิ่งเข้าไปสกัดเทพปีศาจที่ทำลายโล่บาเรียที่สร้างโดยคิงธ์ออฟเดอะเดธ แต่แค่เพียงการดีดนิ้วของอามอนปีศาจเหล่านั้นก็ระเบิดกลายเป็นผุยผง
ไม่ต่างจากแมลงเม่าที่กำลังบินเข้ากองไฟ ทหารปีศาจร่วงลงร่างกายกระจัดกระจายกลายเป็นแอ่งเลือด
แค่ 5 นาทีเขาก็จะเดินมาถึงที่นี่
เกรโมรี่ส่ายหัว
“ อามอนเป็นหนึ่งในฝ่ายพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของบาอัล หากเราเอาชนะเขาได้ฝ่ายพันธมิตรจะต้องชะงักการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน”
“ คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดี ”
“ ข้าแค่ไม่อยากแพ้”
เกรโมรี่ประสานมือเข้าด้วยกัน ไม่เหมือนตอนที่สู้กับเลราเจเพราะตอนนี้เธอหายดีแล้ว
วูม! วูม! วูม!
ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเกรโมรี่ถูกปกคลุมไปด้วยโล่สีชมพู
ครืน!
จากนั้นรูปปั้นเทพธิดาปีศาจขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่พื้นด้านหน้าของเกรโมรี่ ในขณะเดียวกันนั้นพลังโจมตีของอามอนก็ถูกทำให้อ่อนแอลง
“ ความสามารถของบาเรียนี่คือลดพลังเวทย์มนตร์ นี่คือทั้งหมดที่ฉันทำได้”
เธอพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากพอแล้ว
อามอนเจ้าแห่งเวทมนตร์ค่าตัวเลขพลังเวทย์ของเขาคงเกิน 1,000 ไปแล้ว ถ้าสัญชาตญาณของมูยองถูกต้องมันเกิน 1,500 ไปแล้วแน่ๆ
อามอนเป็นเทพปีศาจระดับสูง การที่เกรโมรี่รับมือกับมันได้แม้ว่าจะไม่มีผลมากนักก็ตาม แต่ทำให้การโจมตีของอามอนลดลงอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว นี่ยังไม่นึกถึงเรื่องที่เธอสร้างโล่มานาให้กับกองกำลังนับล้านของตัวเองอีก
มันเป็นการกระทำที่เกินสามัญสำนึก ไม่ว่ามูยองจะเห็นมันกี่ครั้งก็รู้สึกชื่นชม
อย่างไรก็ตามมูยองไม่สามารถเพียงยืนชื่นชมเฉยๆได้
“ ทาแคน ฉันจะนายเข้าไป”
ทาแคนขี่มังกรกระดูกถูกเรียกว่า “อัศวินมังกร” ยืนด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าควรทำหน้าที่อะไรอยู่แล้ว
“ไปกับคริมสันบาร็อคช่วยกันปิดรอยแตกนั่น เราต้องป้องกันไม่ให้โล่ของคิงธ์ออฟเดอะเดธพัง”
โล่ดังกล่าวจะหยุดปีศาจเทพได้นานแค่ไหน? เพราะมันพังแน่นอนอยู่ที่ว่าจะพังตอนไหน สิ่งที่มูยองทำได้คือถ่วงเวลาให้มากที่สุด ดังนั้นพวกเขาควรกันอามอนไว้ และพยายามหาหนทางที่จะชนะ
“ตกลง.”
ทาแคนบินขึ้นไปบนมังกรกระดูก ส่วนคริมสันบาร็อคหันไปมองมูยองครู่หนึ่งก่อนจะกระพือปีกตามไป
มูยองกางปีกทั้งสี่ของเขาออก หยิบหอกของกาเบรียลออกมา และทำการแยกพลังของลูซิเฟอร์ ในขณะนั่นเองเขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง มันเหมือนกับว่าเขากำลังถูกจ้องมองอยู่
‘ไพม่อน?’
มันเป็นความรู้สึกคล้ายๆกับตอนที่เขาสู้กับเลราเจ เหมือนใครบางคนกำลังสอดแนมเขา
ไพม่อนเป็นผู้เดียวที่มีทักษะเช่นนี้
บางทีสาเหตุที่ตัวโหดอย่างอามอนมาถึงที่นี่ได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะไพม่อน และมีความเป็นไปได้ที่การต่อสู้ครั้งนี้จะไปถึงหูของบาอัลด้วย
เขาควรทำอย่างไร?
เขาควรจัดการกับการจ้องมองของไพม่อนก่อนไหม? เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการกับอามอนโดยที่ยังมีความระแวง หรือบางทีนี่อาจเป็นเวลาที่มูยองจะใช้ทักษะที่ตัวเองซ่อนไว้เป็นไพ่ตาย
‘แต่… .. มันแปลกแฮะ’
การเคลื่อนไหวของการจ้องมองของไพม่อนนั้นแปลกประหลาด
เขาไม่ได้มองไปที่มูยอง
เขาไม่ได้มองเกรโมรี หรือแม้แต่อามอน
สิ่งที่เขามองคือสิ่งที่อยู่ไกลออกไป
เขากำลังดูบางสิ่งที่แม้แต่มูยองก็ยังตรวจไม่พบ
มูยองสามารถตรวจจับการสอดแนมที่น่าอัศจรรย์ของเขาได้ แต่ไพม่อนยังไม่รู้ตัว
มูยองหันไปมองสถานที่ที่เวทสอดแนมของไพม่อนมองอยู่
เขาหลับตาขยายความรู้สึกของตัวเองให้กว้างขึ้น และทำเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมอย่างสมบูรณ์
และ……เขาก็พบ
มีอีกคนหนึ่งเฝ้าดูสงครามครั้งนี้เช่นเดียวกับไพม่อน
ช่างเป็นการโกหกที่บังเอิญ ข้อมูลที่กระจายออกไปเพื่อสร้างความสับสนให้กับศัตรูกลายเป็นความจริง
‘โซโลมอน’
เขาอยู่ที่นี่
ใบหน้าของมูยองเริ่มเคร่งเครียด
***
“ เจ้าพวกหนอนแมลงนี่กล้าดียังไง!!”
เมืองของลาอุมเทพปีศาจอันดับที่ 40เริ่มถูกไฟเผาไหม้
เงื่อนไขการดับสูญ “การทำลายเมืองของมัน” ได้บรรลุแล้ว
ในขณะนี้พลังของลาอุมรวมไปถึงสมุนปีศาจของมันได้ลดน้อย และเริ่มล่าถอยออกมาทีละนิด
อย่างไรก็ตามกองกำลังที่ประกาศ ‘สงครามศักดิ์สิทธิ์’ ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพดีเช่นกัน
“ ฮูวว ให้ตายเถอะ!”
“ ไม่หมดไม่สิ้นสักที!”
“ อาา”
สนามรบเต็มไปด้วยคำสาปแช่งเสียงกรีดร้องและเสียงดาบที่กำลังกรีดผ่านเนื้อ นั่นคือภาพทั้งหมดที่พวกเขาเห็น มีผู้เสียชีวิตมากมาย อย่างไรก็ตามการเข่นฆ่าย่อมปรากฏในสงครามเสมอ
ในด้านของลาอุม มันไม่ย่อมไม่ยอมถูกทุบตีแต่เพียงฝ่ายเดียว
“ ข้าจะสังหารพวกแกทั้งหมด ข้าจะแสดงให้เห็นว่าผู้ทำลายที่แท้จริงเป็นยังไง!”
ไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหน ลาอุมก็ยังเป็นเทพปีศาจ ทุกครั้งที่มันกระแทกเท้าลงที่พื้นก็เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วบริเวณ
ตรึม! ตรึม! ตรึม! ตูมมม !!
ไม่มีใครหยุดการพุ่งโจมตีของลาอุมในร่างแรกแรดยักษ์ได้
พลังของมันสามารถถล่มสิ่งปลูกสร้างได้อย่างสบายๆ มีทหารมากมายถูกเหยียบแบนติดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของมัน
“ ไอ้แรดบ้าพลัง !”
” ใครก็ได้! หยุดมันที!! “
แม้ว่าเมืองทั้งเมืองจะถูกทำลายก็ยังไม่เพียงพอแต่การโจมตีของเทพปีศาจ โดยเฉพาะการที่ไม่มีใครสักคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมอร์ลินและฮันซุงกำลังเผชิญหน้ากับลาอุม
“หัวหน้า! ถอยเถอะ!”
“ ฮึก…!”
คิมแทฮวานเพิ่มพลังใจจนถึงขีดสุด ไม่รู้ว่าเขาฆ่าปีศาจไปกี่ตัวแล้ว