The King of the Battlefield - ตอนที่ 286-287
บทที่ 286-287 : สงครามเทพปีศาจ (จบ)
มูยองคว้าเท้าของเดียโบลที่กําลังบดขยี้ตัวเองอยู่ ผลักกลับไปจนมันล้มลง และลุกขึ้นยืนโดน ไม่หันไปมอง จากนั้นมูยองก็ยื่นมือไปทางวูฮีก่อนที่จะหลุดออกจากการควบคุมของโซโลมอนแบบงงๆ ถ้าโซโลมอนมีอิทธิพลต่อวูฮีเพราะพันธะสัญญา มูยองก็มีอิทธิพลต่อวิธีเพราะสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
” ที่รักจําวูฮีได้แล้วเหรอ?”
“นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน”
วูฮีร้องไห้อีกครั้งเพราะในที่สุดเธอก็จะได้อยู่กับมูยอง ในขณะที่โซโลมอนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ เจ้าเอาชนะเสียงกระซิบจากความมืดมิดได้งั้นหรือ?”
ความมืด! มันคอยพูดกรอกหูมูยองเกี่ยวกับความสิ้นหวัง และความไร้ประโยชน์ของสิ่งที่ทํา เพื่อให้เกิดความท้อแท้แต่มูยองไม่ยอมฟังเสียงนั้น
“ ไม่มีทางที่ใครจะสามารถเอาชนะเสียงกระซิบได้!”
โซโลมอนประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขารู้ว่าทั้งหมดล้วนตกอยู่ในความสิ้นหวังก่อนที่จะกลายเป็นเทพ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างถูกกลืนกินโดยความมืด แน่นอนว่ามูยองย่อมจะเป็นหนึ่งในนั้น ยังไงก็ตามความเชื่อมั่นของโซโลมอนหายไปเมื่อเห็นมูยองยืนอยู่อย่างผู้ได้รับชัยชนะ นอกจากนั้น บาดแผลส่วนใหญ่ของเขายังได้รับการเยียวยา และเหนือยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดโซโลมอนรู้สึกได้ถึงความเป็นเทพของมูยอง เขาได้เหยียบย่างเข้าไปในความเป็นเทพเจ้า หากได้รับอนุญาตการเปลี่ยนแปลงของมูยองจะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้า
“ เดียโบล จงสังหารมันทันทีหลังจากที่มันออกจากกระดองนั้น!
โซโลมอนเริ่มรู้สึกกดดัน เพราะหากมูยองกลายเป็นเป็นตัวตนระดับเทพจริงๆ เขาจะสูญเสียทูตสวรรค์แห่งกาลเวลาและคําอธิษฐานแห่งปาฏิหาริย์ไป
เดียโบลคํารามตอบรับคําสั่งของโซโลมอน ในขณะที่วพูดวยความสิ้นหวัง
“ไม่มีประโยชน์ เราไม่สามารถฆ่าเดียโบลได้”
“ฉันรู้”
“แล้วคุณจะทํายังไง?”
มูยองรู้ว่าเดียอาโบลไม่สามารถถูกฆ่า เขาพูดกับวูฮี
“ ฉันจะลบไอ้ภาพลวงตา” นั่นได้ยังไง
“ เราต้องโน้มน้าวผู้หญิงที่อัญเชิญเดียโบล”
วูฮีชี้ไปที่สโนว์
ตอนยังไม่สูญเสียความทรงจํา เธอมีปีกสีดําที่บ่งบอกถึงการร่วงหล่น และปีกสีขาวที่บ่งบอกว่าเธอเกี่ยวข้องกับทูตสวรรค์ อย่างไรก็ตามเธอสูญเสียความทรงจําทั้งหมดหลังจากกอัญเชิญเดียโบลออกมา และตอนนี้เธอติดตามมูยองเพราะคิดว่ามูยองเป็น“พ่อ”ของเธอ
สโนว์ไม่ได้รับอันตรายอะไรเลยแม้ว่าเธอจะอยู่ในระยะการโจมตีของเดียโบลก็ตาม มูยองยืนยันได้จากไฮเอลฟ์จินซึ่งเธอก็อยู่ที่นั่นด้วย
“ เดียโบลฆ่าเธอไม่ได้ แต่เธอสามารถลบตัวตนของเดียโบลได้”
” ฉันควรทํายังไงดี?”
เดียโบลไล่ตามมูยองมาติดๆตั้งแต่เขาเริ่มออกวิ่ง
“ คุณต้องทําให้สโนว์เชื่อว่าเดียโบลเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะมันเป็นเทพที่เกิดมาจากความปรารถนาของเธอเอง”
จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนฆ่าสโนว์?”
“ อย่าให้เกิดเรื่องแบบนั้น! เพราะจะทําให้เดียโบลได้รับความเป็นอมตะ!”
มูยองรู้สึกโล่งอกเนื่องจากเขาไม่อยากฆ่าผู้หญิงที่คิดตนเองคือพ่ออยู่แล้ว
ในอดีตเธอเคยเป็นนักบุญมาก่อน แต่ตอนมูยองพบกับสโนว์อีกครั้งเธอก็กลายเป็นนักบุญชั้นสูงของลัทธิบูชาเดียโบล สโนว์เชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเทพปีศาจใต้และต้องเผชิญหน้า กับการสูญพันธุ์ ดังนั้นเดียโบลจึงเป็นความหวังเดียวที่จะช่วยโลกนี้ เธอจึงอัญเชิญเดียโบลออกมาเพราะเธอเชื่อมั่นว่าเทพปีศาจผู้ยิ่งใหญ่จากโลกอื่นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
อย่างไรก็ตามความเชื่อของเธอผิด
“ ปะป๊า!”
สโนว์วิ่งเข้าหามูยอง แม้รองเท้าของเธอหลุดจะหายไปแล้วและยังมีบาดแผลที่ฝ่าเท้า ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจากความกลัวที่มีต่อเดียโบล
“ความหวังกลายเป็นความหวาดกลัว
“เธอไม่ต้องกลัวหรอก”
มูยองลูบหัวสโนว์ขณะพูด เขาจะขจัดความกลัวนี้ได้อย่างไร?เขาคิดวิธีที่จะลบล้างความกลัวของสโนว์ และทําให้เธอเชื่อว่าเดียโบลเป็นเพียงภาพลวงตาไม่ออก บังคับให้เชื่อก็คงไม่มีประโยชน์ เพราะหากยังมีความสงสัยในใจเดียโบลก็จะไม่หายไป ดังนั้นมูยองจึงตัดสินใจว่าเขาควรจะพูดอย่างจริงใจ
“ สโนว์ฉันไม่รู้ว่าเธอยังจําได้ไหม แต่ถ้ายังจําได้ ฉันอยากบอกว่าเธอเข้าใจผิด”
มูยองดําเนินต่อไปด้วยความยากลําบาก เนื่องจากเขาไม่คุ้นเคยกับการปลอบประโลมใคร
“ สิ่งแรกที่เธอต้องเปลี่ยนคือตัวเอง ถ้าเธอไม่สามารถเอาชนะความกลัวของตัวเอง เธอก็ไม่สามารถทําอะไรได้ และท้ายที่สุดความกลัวของเธอยังจะถูกส่งต่อไปให้คนอื่น”
การอัญเชิญเดียโบลหมายถึงความหวาดกลัวของเธอชนะ สโนว์เห็นความหวังจากเดียโบลเพราะเธอคิดว่าตัวเองทําอะไรไม่ได้แล้ว เธอสลัดความกล้าทิ้งไป มูยองจ้องไปที่ดวงตาของสโนว์เหมือนจะมองลึกลงไปในจิตใจ
“ แต่ถ้าตอนนี้เธอยังไม่สามารถควบคุมความกลัวได้” มูยองจับไหล่ของสโนว์แน่น
“ ขอให้เชื่อฉัน เชื่อว่าฉันจะชนะ เชื่อว่าฉันจะช่วยโลก ถ้าเธอเชื่อฉันฉันจะทําสิ่งเหล่านั้นเป็นไปให้ได้”
หนทางที่สโนว์เลือกสําหรับการช่วยโลกนั้นผิดเพี้ยน หลักฐานที่สนับสนุนเหตุผลดังกล่าวรายล้อมอยู่รอบตัวมูยอง นี่ไม่ใช่การช่วยให้รอด ตรงกันข้าม เดียโบลนั้นแผดเผาโลกทั้งใบเหลือเพียงเถ้าถ่าน สโนว์คงไม่ต้องการให้ผลลัพธ์มันออกมาเป็นเช่นนี้แน่นอน สโนว์ต้องการช่วยโลกอย่างแท้จริงแม้ว่าเธอจะเลือกวิธีการที่ผิด สโนว์ต้องเผชิญกับความเป็นจริงและก้าวไปอีกขั้น มูยองเพียงแค่เป็นผู้ที่จูงมือเธอออกมา
สโนว์เริ่มรวบรวมสติ และพูดช้าๆ
“หนูเชื่อค่ะ”
มันเป็นประโยคแรกที่สโนว์พูดหลังจากที่เธอสูญเสียความทรงจํา สโนว์มองมูยองโดยตลอด เธอเฝ้าดูเขาลุกขึ้นหลังจากล้มลงซ้ําแล้วซ้ําเล่า เธอรู้ว่ามูยองกําลังพูดความจริงและเขามีพลังที่จะทําให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ สโนว์แน่ใจว่ามูยองมีพลังนั้น
เขาจะไม่บังคับให้เธอเชื่อว่าเตียโบลเป็นภาพลวงตา แต่จะบอกว่าเขาสามารถเอาชนะมันได้ พอสโนว์เริ่มเชื่อมูยองก็พยักหน้าและหันกลับไป ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรอีก เพราะศรัทธาจะกลายเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
“ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งนั้น! เจ้าไม่มีวันเอาชนะเดียโบลได้หรอก!”
คําพูดของโซโลมอนเป็นเหมือนมนต์สะกด เพราะเขาต้องการให้มูยองเห็นว่าไม่สามารถเอาชนะเดียโบลได้ มันเป็นการสะกดจิตรูปแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้โซโลมอนจบแล้ว เพราะมูยองไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
“ คุณไม่ใช่เทพเจ้า”
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มูยองก็จะต่อด้านความคิดนี้ และจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่มีอะไรแตกต่างกัน ดาบของเขาเริ่มส่งเสียงร้องหวีดหวิว โดยไม่จําเป็นต้องค้นหาองค์ประกอบอีกต่อไป มูยองกําลังฟันเดียโบลที่เป็นภาพลวงตาจนมันค่อยๆสลายหายไปเหมือนควัน
“ เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ ”
โซโลมอนเดือดดาลเนื่องจากกระแสของเกมได้เปลี่ยนไป เดียโบลไม่สามารถทําอะไรกับมูยองได้อีก
เผ่าพันธุ์ที่ล้มเหลวอย่างมนุษย์จะบรรลุถึงความเป็นเทพได้อย่างไร? แต่ไม่ว่าโซโลมอนจะพยายามปฏิเสธอย่างไร มูยองก็เป็นมนุษย์ที่ทําให้สิ่งเหล่านั้นเป็นไปได้
คําว่าเป็นไปได้โซโลมอนมองไม่เห็นและปฏิเสธที่จะจดจํามัน เขาปฏิเสธความเป็นไปได้ที่มีอยู่ในทุกเผ่าพันธุ์และต้องการกําจัดพวกมันทิ้ง แน่นอนว่าโซโลมอนไม่ต้องการรับทราบ ยังไงก็ตาม เดียโบลเริ่มหายไปเมื่อถูกดาบของมูยองสัมผัส นี่คือความจริงที่ไม่ว่าโซโลมอนจะพยายามปฏิเสธมันแค่ไหน!
“มันเป็นผลของความเป็นเทพหรือไม่? การโจมตีของเดียโบลไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมูยองได้อีกต่อไปเพราะ “เทพปลอมๆ” ย่อมพ่ายแพ้ให้แก่ “เทพตัวจริง” และหลังจากที่มูยองกําจัดเดียโบลจบสิ้นซากปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น
ทุกอย่างกลับคืนมาแม้กระทั่งผืนดินที่พังทลาย ไม่ว่าจะเป็นปีศาจที่ตายแล้ว เกรโมรี่หรืออาม่อนที่ใกล้จะดับสูญ ตลอดจนผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของมูยองก็กลับมาด้วย
“น่าทึ่งมาก” เป็นการเปิดหูเปิดตายิ่ง ทุกอย่างกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่าง ไรก็ตามร่องรอยบนร่างกายของมูยองจากการต่อสู้กับเตียโบลไม่ได้หายไป
“ไม่อยากเชื่อเลย” อาม่อนพูดขณะที่ยืนขึ้น เขาเป็นเจ้าแห่งเวทมนตร์ แต่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันคือปาฏิหาริย์ แม้ยังมีความรู้สึกซับซ้อนแต่เขาก็ฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ
“ มูยอง เจ้าชนะแล้ว”
เกรโมรี่อ้าปากค้างขณะมองไปรอบๆ เธอเข้าใจสถานการณ์แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดขึ้น
โซโลมอนกัดฟันแน่นขณะที่ความพยายามของมันไม่ได้ผลอะไรเลย
“ แล้วเจ้าจะเสียใจที่ทําลายเดียโบล”
“เสียใจ?”
โซโลมอนสิควรเป็นคนที่เสียใจ เพราะมันคงไม่เป็นแบบนี้ถ้าไม่เข้ามาหาเรื่องมูยอง ยังไงก็ตาม การกระทําของเขาเป็นโอกาสที่มูยองต้องการ เพราะตอนนี้ระดับของมูยองได้เพิ่มขึ้นหลายระดับ ไปยังจุดที่ที่เขาไม่สามารถเข้าถึงได้หากเขาเผชิญหน้ากับเทพปีศาจ
ทว่าตอนนั้นเองที่โซโลมอนมองท้องฟ้าและขมวดคิ้ว
“ เจ้าจิ้งจอกสารเลวอยู่ที่นี่แล้วหรือ?”
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดําราวกับจะประกาศว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น
เมฆปกคลุมทั่วท้องฟ้า จากนั้นฝนก็เริ่มตกลงมา
“นี่มัน…”
มูยองสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด มันไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังปริมาณเวทมนตร์ที่เอ่อล้นจนน่าตกใจอีก
โซโลมอนจ้องไปที่มูยอง
“ ไม่มีใครหยุดมันได้หากปราศจากเดียโบล มอบอาร์คโนวากับอัลพอลลิน่ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นทั้งเจ้าและทุกสิ่งที่เจ้าเชื่อจะหายไป!”
โซโลมอนดูสิ้นหวังและกลัวสิ่งที่กําลังจะเกิดขึ้น มูยองแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือตัวตนที่เทพปีศาจทั้งหมดหวาดกลัว จากปฏิกิริยาของโซโลมอนและเวทมนตร์ที่ควบแน่นจํานวนมหาศาลนี้ มูยองคิดออกได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
“ บาอัลกําลังมาใช่ไหม”
“ บาอัลเหรอ ใช่พวกเจ้าเรียกมันแบบนั้น”
คําพูดของโซโลมอนฟังดูสําคัญจนน่าคิด ยังไงก็ตามตอนนี้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงจนแทบทําให้ท้องฟ้าแตกออก ปีศาจจํานวนมากจากทั่วทุกแห่งหนต่างแหงนมองขึ้นไปบนด้านบน และไม่ว่าจะเป็นราชาปีศาจ หรือเทพปีศาจต่างรวมตัวกันใกล้ๆกับมูยองอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้โจมตีมูยองหรือโซโลมอน หากแต่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าพายุหมุนขนาดใหญ่เท่านั้น
“ทํานบาอัล!”
“ ท่านบาอัล!”
เหล่าปีศาจตะโกนอย่างบ้าคลั่ง และ “เขา” ก็ปรากฏตัวออกมาจากใจกลางพายุหมุน
“นั่นคือบาอัลจริงๆหรือ?”
มูยองขมวดคิ้วทันทีที่เห็นบาอัล แม้จะเห็นอยู่เต็มตาแต่มูยองยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ผู้ปกครองของเหล่าเทพปีศาจทั้งมวล ตัวตนที่ยืนอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ตัวตนเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถต่อต้านโซโลมอนได้! ทุกคนเรียกเขาว่า “บาอัล”
อย่างไรก็ตามมูยองไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีกกันแน่ เพราะตอนนี้ทั้ง “บาอัลและโซโลมอน” ที่เขาเห็น ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์ภายนอกที่เหมือนกันเท่านั้น แต่ความรู้สึกของทั้งคู่ที่เขารับรู้ยังเหมือนกันอีกด้วย