The King of the Battlefield - ตอนที่ 210
บทที่ 210 : สกายลอร์ด (2)
มูยองตกอยู่ในห้วงของความคิด
ในเมื่อจับมือกับเกรโมรี่ได้ก็คงไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะจับมือกับปีศาจตนอื่นอีก
ไม่ใช่แค่ต้องขยันและอดทน แต่เพื่อบรรลุเป้าหมายแล้วมูยองพร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง
“ ฉันจะไปเจอปีศาจนั่น”
“ ผมต้องการเวลาประมาณ 7 วันเพื่อติดต่อเขา จะเป็นไรไหมถ้าคุณต้องพักผ่อนในหมู่บ้านไปก่อนระหว่างนี้? ถึงจะไม่สะดวกสบายมากนัก แต่…”
ซองมินดูประหม่าอยู่บ้าง เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาสร้างและพัฒนาขึ้นเอง ดังนั้นเขาจึงไม่มั่นใจเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้ขัดข้องอะไร”
เขาไม่ได้อยากแค่ทัศนียภาพหมู่บ้างแห่งนี้เฉยๆ แต่อยากตรวจสอบเหล่ามือสังหารที่อาศัยอยู่ที่นี่อีกครั้งมากกว่า ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากจะพลาดอะไร การก้าวไปข้างหน้าแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือเป็นเรื่องดี ถึงคนๆเดียวจะสร้างความแตกต่างไม่ได้ แต่หากเป็นทุกๆคนหรือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่รวมตัวกันแล้วย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้
ยังมีอีกหลายสิ่งที่มูยองไม่รู้ แต่เขารู้จักความเป็นจริงเหล่านั้น
***
ฟุ่บ!
เหล่ามือสังหารเงารวมตัวกันบนยอดกิ่งไม้สูง
ทุกคนสวมหน้ากาก และมูยองคือผู้นำของพวกเขา
หงึก!
หลังจากมองตามกันพวกเขาก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
นั้นคือสัญญาณสำหรับการเริ่มภารกิจ
เป้าหมายคือชายที่ชื่อว่าไลอ้อนคิง
เขาถูกเรียกว่าไลอ้อนคิงเพราะมีหนวดสีน้ำตาลเหมือนแผงคอของสิงโต อาวุธของเขาคือดาบใหญ่ที่สลักลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของสิงโตเอาไว้ พลังทำลายของมันสามารถทำให้เหล่าศัตรูทั้งหลายสิ้นชีพราวกับใบไม้ร่วงมาแล้วนักต่อนัก
ทำไมต้องฆ่าเขา?
แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลในการกระทำดังกล่าว ทั้งหมดก็แค่ปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น มือสังหารทุกคนที่รวมตัวกัน ณ สถานที่แห่งนี้ต่างก็เหมือนกัน
“ เหอะ! แห่กันมาเต็มเลยสินะไอ้พวกลูกหมา”
การโจมตีเริ่มขึ้นบนเนินเขาแคบๆ
เทคนิคการลอบสังหารรวมถึงกับดักหลากหลายรูปแบบต่างแสดงประสิทธิภาพออกมา พวกมันเลือกโจมตีเฉพาะจุดอ่อนของไลอ้อนคิง
อย่างไรก็ตามไลอ้อนคิงยังไม่ตายแม้จะได้รับบาดเจ็บรุนแรง
ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายดุจดั่งดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างก่อนตกดิน มือสังหารต่างรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอันไม่คาดคิดจากเขา
เมื่อไม่สามารถล่าถอยได้เหล่ามือสังหารจึงตัดสินใจเลือกผู้เสียสละ
เริ่มต้นจากผู้ที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม พวกเขาสละตัวเองเข้าสู่การโจมตีของไลอ้อนคิงโดยไม่ลังเล ในขณะที่ไลอ้อนคิงผ่าร่างมือสังหารผู้สละตน มือสังหารคนอื่นๆก็โหมโจมตีไลอ้อนคิงจากด้านหลัง
นั่นคือวิธีการเสียสละผู้อ่อนแอ และผู้เข้มแข็งจำเป็นต้องรอดชีวิตเพื่อสังหารไลอ้อนคิงต่อไป จนสุดท้ายมีเพียงมูยองเท่านั้นที่ยังยืนอยู่
“ แค่ลูกหมาฝูงหนึ่ง แกคิดว่าจะฆ่าสิงโตได้งั้นเหรอ…?!”
ฉึก!
มูยองแทงมีดเข้าไปกลางหน้าผากของไลอ้อนคิงก่อนจะเดินจากไปโดยไม่นึกเสียใจเพื่อนร่วมทีมที่ต้องตายไปก่อนหน้านี้ทั้งหมด แม้จะเหลือมูยองเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น มูยองก็ไม่รู้สึกถึงอารมณ์ใดๆ
มันเป็นโลกที่ผู้อ่อนแอต้องตกตาย และเพียงผู้เข้มแข็งมีชีวิตอยู่ ก็แค่นั้น
***
พอลืมตาขึ้นมูยองก็เห็นเพดานด้านบน
‘หมู่บ้านของซองมิน…’
มูยองส่ายหัว
ความฝันรู้สึกเหมือนจริงมากจนมูยองสงสัยว่ากำลังฝันอยู่หรือไม่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา อย่างไรก็ตามในไม่ช้ามูยองก็จำได้ว่าตัวเองได้รับเชิญไปที่หมู่บ้านของซองมินและมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับดีๆแบบนี้
และดูเหมือนว่าเขาจะหลับอยู่บนเตียงมาสองสามวันแล้ว
สถานที่แห่งนี้ทำให้เขารู้สึกดี
มูยองลุกขึ้นและเดินออกไปหลังจากเตรียมตัวอยู่ครู่หนึ่ง
ผู้คนจำนวนมากที่เคยเป็นมือสังหารอาศัยอยู่ที่นี่
“คิกคิกคิก”
“อ่าา อ่าาา…”
อย่างไรก็ตามพวกเขาดูน่าสังเวชมาก บางคนเอนกายพิงบ้านไม่ก็กลิ้งตัวลงบนพื้นพร้อมกับหัวเราะราวคนเสียสติ นี่เป็นอาการของพวกที่ไม่สามารถหลุดออกจากอาการถูกล้างสมองของหวังซุงหลิน
ในหมู่พวกเขามีนักฆ่าที่มูยองเห็นในความฝันเมื่อสักครู่ด้วย
มูยองมองดูพวกเขาอย่างละเอียด และเกิดความรู้สึกแปลกๆที่ไม่ทราบเหตุผล
แน่นอน มูยองไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
การล้างสมองของชุงหลินเป็นสิ่งที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง หากใครบางคนไม่สามารถเอาชนะมันด้วยตนเองปฏิกิริยาโต้กลับจะยิ่งรุนแรง
“เจ้านายให้ผมมาตามคุณ”
ชายสวมหน้ากากปรากฏขึ้นด้านหน้ามูยอง
เขาก็เป็นมือสังหารเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาสามารถเอาชนะการล้างสมองได้ในระดับหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นผู้แจ้งข้อมูล
“ เจ้านายให้แจ้งอีกว่า แขกที่เชิญมาถึงแล้ว”
มูยองพยักหน้า
มันเร็วกว่าที่คาดไว้เล็กน้อยเนื่องจากใช้เวลาเพียงห้าวันหลังจากเข้ามาในหมู่บ้านเท่านั้น แน่นอนว่าเขาต้องการเห็นปีศาจตนนี้เพราะมันอาจเป็นปีศาจที่เขาคุ้นเคยก็ได้
***
ชายที่มีผมและผิวสีดำสนิทกำลังนั่งดื่มชา
มูยองรู้ทันทีที่เห็นเขา นั่นเป็นปีศาจที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว มันแข็งแกร่งจนกระทั่งนำพาพลังแห่งความมืดเข้ามาในหมู่บ้านด้วย
‘หืม?’
ปีศาจหันศีรษะไปมองทิศที่มูยองเดินเข้ามาจากนั้นรูม่านตาของมันก็ขยายขึ้น เป็นเพราะมันมองเห็นพลังความมืดจากมูยองหรือไม่?
“เจ้าคือใคร? ข้าไม่เคยเห็นราชาปีศาจเหมือนเจ้ามาก่อน…”
เขากล่าวว่ามูยองเป็นราชาปีศาจ
ถูกต้องเขากล่าวเช่นนั้นก็ไม่ผิด
อย่างไรก็ตามมูยองอยากรู้เหตุผล
“ ทำไมนายถึงคิดว่าฉันเป็นราชาปีศาจ”
“ เพราะข้าก็เป็นราชาปีศาจไง เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือที่ราชาปีศาจจะรับรู้ตัวตนซึ่งกันและกัน?”
มูยองยกปลายคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
หนึ่งเทพปีศาจมีราชาปีศาจอยู่ใต้ปกครองนับสิบนับร้อยตน ดังนั้นไม่มีทางที่มูยองจะรู้จักพวกมันทั้งหมด
“ เอาล่ะยังไงเจ้าก็มาเพื่อเจรจาการค้าขายใช่มั้ย มันไม่สำคัญว่าข้ากับเจ้าจะอยู่ฝ่ายไหนถูกหรือเปล่า? ”
ราชาปีศาจพูดก่อนเพื่อตรวจสอบว่าพวกเขาพร้อมที่จะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนกันหรือไม่
มูยองดูไม่เหมือนปีศาจปกติ…ถ้าเขาเป็นราชาปีศาจจริงๆก็นับว่าเป็นราชาปีศาจที่ไม่ธรรมดา
มันต้องตรวจสอบปฏิกิริยาของฝ่ายตรงข้ามก่อน เพราะราชาปีศาจหลายตนต้องทำตามสิ่งที่เทพปีศาจสั่งเท่านั้น
“ ใช่มันไม่สำคัญ”
มูยองตอบก่อนจะลงไปนั่งที่ฝั่งตรงข้าม
แป๊บเดียวซองมินก็ชงชาอีกหนึ่งถ้วยแล้วเดินเข้ามา
“ นี่คือชาที่ผมเป็นคนปลูกเอง”
ซองมินวางถ้วยไว้ที่ด้านหน้ามูยองอย่างระมัดระวัง
“ น่าประหลาดใจเสียจริง ที่ตัวตนอย่างเอลเดอร์ลิชจะยอมติดตามผู้ใด … ”
ชายอีกคนพูด
เอลเดอร์ลิชเป็นตัวตนที่เทียบเท่าได้กับลิชคิง! แน่นอนว่าเอลเดอร์ลิชมีอาณาเขตของตนเอง ปกติพวกเขาจะมีฐานะเป็นดั่งราชาและไม่อยู่ภายใต้ใคร ในความเป็นจริงเอลเดอร์ลิชสามารถคุกคามราชาปีศาจได้อย่างไม่ยากเย็นโดยการรวบรวมเหล่าลิชและอันเดธทั้งหลายแหล่ เพราะอย่างนั้นการที่เอลเดอร์ลิชติดตามใครสักคนจึงเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“ เพื่อความสะดวกเราเรียกเขาว่า ‘อาซูล’ และบุคคลนี้คือเจ้านายของผม ‘มูยอง”
“ ช่างเป็นชื่อที่แปลกนัก ”
ปีศาจเพศชาย อาซูลพูด
ซองมินไม่รู้จักชื่อเต็มของเขา แต่มันไม่สำคัญหากประวัติการค้าของเขาเป็นเรื่องจริง
“ งั้นมาเริ่มธุรกิจกันเถอะ”
“ เจ้าต้องการผ่านทางที่สกายลอร์ดขวางอยู่หรือ”
“ ใช่ ถูกต้อง”
“ จำนวนเท่าไหร่ที่อยากพาข้ามไป?”
มูยองพูดโดยไม่ล่าช้า
“ ไม่ต่ำว่า 60,000 คน”
มันมากเกินที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นยันต์และพาข้ามไป
ขณะที่มูยองตอบอาซูลลูบคางของเขา
“ กองทัพขนาด 60,000 …มันก็ไม่ยากเกินไปนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะนำมาแลกเปลี่ยนล่ะนะ”
“ แล้วนายต้องการแลกเปลี่ยนอะไร?”
“ ข้าชอบสะสมของแปลก และมันต้องเป็นของที่ไม่สามารถพบเห็นได้โดยง่าย”
จากคำกล่าวดูเหมือนเขาจะอยากได้ของที่มีความลึกลับและน่าค้นหา
หากกล่าวถึงความลึกลับ จริงๆตัวของมูยองก็อาจเรียกได้ว่าความลึกลับหนึ่ง แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมอบตัวเองให้กับอาซูล หรือมูยองอาจจะมอบไอเท็มบางอย่างให้เขาแทน?
“ สิ่งนี้น่าจะมากพอ”
มูยองนำเกราะหุ้มขาแห่งการทำลายล้างออกมา มันเป็นไอเท็มที่สามารถอัญเชิญบารอนได้ ทุกคนที่เคยเห็นต่างต้องการครอบครองมัน และเพราะมูยองสวมอุปกรณ์ของคิงสเลเยอร์แล้วเขาจึงไม่ต้องการมันอีกต่อไป
ทว่าอาซูลดูเหมือนจะไม่ตื่นเต้นสักเท่าไหร่
“20,000 นาย สำหรับอุปกรณ์นี้ข้าพาทหารของเจ้าไปได้แค่ 20,000 นาย ไม่ใช่ 40,000”
“ ไม่โลภมากไปหน่อยเหรอ”
“ เจ้าคิดว่าสกายลอร์ดคืออะไร? สกายลอร์ดกลืนกินได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผ่านตัวตนเช่นนี้ได้อย่างปลอดภัยเห็นได้ชัดว่าราคาของมันย่อมสูงมากเป็นธรรมดา”
มูยองก็รู้เช่นกันว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีไว้เพื่อสกัดกั้นเดียโบล ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับความสูญเสียครั้งใหญ่อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามมูยองไม่สามารถมอบอุปกรณ์ที่เขาสวมใส่ในปัจจุบันได้
และระหว่างที่มูยองครุ่นคิด…
“ แล้วถ้าเป็นชิ้นนี้ล่ะ นี่เป็นไอเทมที่เรียกว่า ‘ชิ้นส่วนความยุ่งเหยิง’ ”
ซองมินส่งผลึกหินให้เขา
อาซูลพยักหน้าหลังจากที่ได้ดู
“ อืมๆ มันเป็นไอเทมที่ปลุกเจ้าให้กลายเป็นเอลเดอร์ลิช แม้ว่าจะเป็นชิ้นเล็กๆแต่ก็น่าสนใจมาก”
อาซูนวางผลึกหินไว้ข้างๆจากนั้นเขาก็พูดต่อ
“ เอาล่ะข้าจะเคลื่อนย้ายกองทัพของเจ้า 60,000 นายผ่านสกายลอร์ดภายในสามวัน แล้วเจอกันที่ ‘ภูเขานิลกาฬ ‘”
กึก!
อาซูลลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา ในขณะที่ได้รับทุกสิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็จากไปโดยไม่สนใจอะไรอีก
‘ราชาปีศาจผู้ที่ไม่เคยแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา’ และนอกจากนี้สำหรับราชาปีศาจที่ไม่มีผู้ติดตามมาด้วยนั้นหายากมาก
มูยองดื่มชาจนหมดและลุกขึ้นจากที่นั่ง
ถ้าต้องไปที่ภูเขานิลกาฬ แม้ว่าเขาจะรีบเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้มันก็ยังถือว่าช้า
***
เส้นทางไปยังภูเขานิลกาฬนั้นค่อนข้างใกล้กับเส้นทางเพื่อไปยังดินแดนเทพปีศาจ
และคุณสามารถเห็นดินแดนเทพปีศาจได้จากยอดเขา
พอมูยองยืนอยู่บนจุดดังกล่าวก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอยู่พักนึง
“ตัวใหญ่มาก”
เป็นขนาดใหญ่โตจนไม่รู้จะกวาดสายตาหลบไปทางไหน ไม่มีคำพูดใดจะสามารถอธิบายได้มากกว่านั้น
‘สกายลอร์ด’ เป็นงูตัวใหญ่
ใหญ่จนคับฟ้าหรือกระทั่งสามารถทะลุผ่านออกไปไกลกว่านั้นได้
มูยองรู้สึกได้ถึงความตะกละและความโลภจากมัน มันคล้ายกับอำนาจแห่งความโลภภายในความโกรธเกรี้ยวมาก
เขาไม่เคยคิดเลยว่าสกายลอร์ดจะเป็นมอนสเตอร์ประเภทหนึ่ง ยังไงก็ตามมันเป็นถึงมอนสเตอร์ที่มีไว้เพื่อหยุดเดียโบล เนื่องจากเพลิงของเดียโบลเป็นเหมือนกับต้นกำเนิดแห่งเปลวเพลิง หากไม่ใช่พลังแห่งความโลภที่สามารถดูดกลืนได้ทุกอย่าง ย่อมไม่สามารถหยุดยั้งเปลวเพลิงดังกล่าวได้
นอกจากนี้มูยองรู้สึกถึงพลังอำนาจบางอย่างจากมัน
พลังนักล่าของลูซิเฟอร์กำลังบอกเขาเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่คนๆเดียวแน่ที่สร้างมันขึ้นมา แต่ต้องเป็นการทำงานร่วมกันของเทพปีศาจที่แข็งแกร่งอย่างต่ำสองสามตน
ตึง!
ไม่นานหลังจากนั้นชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
เขาคืออาซูลพร้อมอาวุธครบมือ อุปกรณ์ที่เขาสวมใส่นั้นไม่ธรรมดา และทั้งหมดเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากมูยอง
“ ช่างเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่”
อาซูลมาเพียงลำพัง
เขาชื่นชมกองทัพของมูยองซึ่งรวมตัวกันภายใต้ร่มเงาของภูเขา จำนวน 60,000ไม่มากเลยเมื่อเทียบกับกองทัพของราชาปีศาจตนอื่น อย่างไรก็ตามทหารแต่ละ 60,000 นายของมูยองนั้นมีเอกลักษณ์
ในความเป็นจริงมูยองก็มั่นใจเช่นนั้น กองทัพของราชาปีศาจส่วนมากไม่มีใครเทียบกับเขาได้ และพวกมันสามารถรับมือได้อย่างยาวนาน หากต้องต่อสู้กับกองทัพของราชาปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นคือสิ่งที่อาซูลตระหนักได้หลังจากเห็นพวกมัน
– ข้าได้กลิ่นของดันดาเลี่ยน!
เมอร์ดูดันโผล่ออกมาหลังจากประตูของเส้นทางแห่งนรกภูมิถูกเปิดออก
เมอร์ดูดันวนเวียนอยู่รอบอาซูลราวกับเป็นบ้า
อย่างไรก็ตามชื่อที่เมอร์ดูดันพูดออกมากวนใจมูยองเป็นอย่างมาก
‘ดันดาเลี่ยน?
มูยองรู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง
ในอดีตเมอร์ดูดันตายหลังจากถูกหลอกโดยดันดาเลี่ยน แม้เมอร์ดูดันจะเป็นถึงราชาแห่งท้องทะเล แต่เขาก็ยังตายโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความตายที่ไร้สาระมาก
ปฏิกิริยาของอาซูลกลายเป็นผิดปกติเมื่อได้ยินสิ่งที่เมอร์ดูดันกล่าว
“ …อย่าเชื่อมโยงข้ากับเจ้าสารเลวนั่น”
อาซูลมีสีหน้าบูดบึ้งทันที