The King of the Battlefield - ตอนที่ 222
บทที่ 222: ลางแห่งการทำลายล้าง (4)
เอนโรธประเมินเกี่ยวกับศัตรูผู้สามารถสังหารชาร์ซาซ่าไว้ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม…
เอนโรธเป็นที่รู้จักกันในนามของราชาปีศาจเลือดเหล็ก
ปีศาจที่แข็งแกร่งจนถูกกล่าวขานว่าไร้ซึ่งศัตรู
มีโอกาสน้อยมากที่ศัตรูของมันจะต้านทานบัลร็อกไหว แต่ถึงจะผ่านมาได้ก็ไม่มีเอาชนะตัวมันได้แน่นอน
‘แสดงให้ข้าดูหน่อยแล้วกัน’
เอนโรธบีบไม้เท้าในมือแน่น
พวกมันจะสามารถต้านทานได้นานสักแค่ไหนเชียว?
ดวงตาของเอนโรธเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กน้อยที่กำลังชื่นชมของเล่น
* * *
เฟรด้ากัดริมฝีปากจนเลือดไหลซิบ
ราชาปีศาจผู้มีอารมณ์แปรปรวน
ตามฉายาที่ได้รับมันมักจะทำอะไรแปลกๆที่ไม่มีใครคาดถึง และด้วยความที่เป็นถึงราชาปีศาจจึงไม่มีใครเคยขวาง หรือปฏิบัติต่อมันอย่างเลวร้ายได้
อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาอำนาจพลังและเกียรติยศดังกล่าว เฟรด้าจำเป็นต้องฝึกตนให้แข็งแกร่งอย่างมากที่สุด
ดังนั้นเหตุการณ์ตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่มันไม่สามารถยอมรับได้
‘ตัวตนอย่างข้าเนี่ยนะที่พ่ายแพ้!’
กึด!
มันบดเขี้ยวเคี้ยวฟัน
อันเดธตนแรกที่ปรากฏ ชื่อว่าทาร์แคนหรือเปล่านะ?
ไม่มีอะไรแปลกสำหรับการต่อสู้กับเขา เขาเป็นนักรบอันเดธประเภทหัวแข็งโดยสมบูรณ์ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าที่เฟรด้าคาดไว้ แต่เขาก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะมันได้
จากพื้นที่ต่อสู้ที่พังทลายออกเป็นวงกว้าง ทาร์แคนถูกมันกดดันเป็นอย่างมาก ปัญหาคือมีลิชตนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในขณะที่มันกำลังจะได้รับชัยชนะ
‘เอลเดอร์ลิช…ทำไมถึงมีเอลเดอร์อยู่ที่นี่?’
หากราชาปีศาจหมายถึงราชาของเหล่าปีศาจเช่นไร เอลเดอร์ลิชก็เป็นราชาของเหล่าอันเดธเช่นนั้น
และลิชที่มีชื่อเอลเดอร์นำหน้านั้นแข็งแกร่งจนกระทั่งอาจมากกว่าราชาปีศาจด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามมีเอลเดอร์ลิชเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้
นั่นคือ จ้าวแห่งความตาย!
เขาเป็นหนึ่งในสี่สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ อวตารของความตายที่แม้แต่ปีศาจยังต้องหลีกเลี่ยง
ยังไงก็ตามจ้าวแห่งความตายไม่เคยออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งซึ่งถูกเรียกว่า ‘ภูเขาแห่งความตาย’ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ถ้างั้นอะไรคือสิ่งที่เฟรดาเห็น ภาพลวงตางั้นเหรอ?
‘เฉพาะเอลเดอร์ลิชเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังจากความว่างเปล่าได้ แต่ลิชผู้นี้ดูมีพลังเวทย์น้อยกว่าจ้าวแห่งความตาย ถ้างั้นมันคือใครกันแน่? ‘
ความว่างเปล่าที่ไม่มีใครสามารถควบคุมได้
เหล่าราชาปีศาจแทบไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความว่างเปล่า ในขณะที่เทพปีศาจบางตนโอ้อวดว่าสามารถควบคุมพลังความว่างเปล่าได้ แต่เมื่อเทียบกับจ้าวแห่งความตายแล้วมันก็ดูจริงจังกว่าการละเล่นของเด็กน้อยนิดเดียวเท่านั้น
ไม่มีลิชตนไหนอีกที่สามารถควบคุมมอนสเตอร์แห่งความว่างเปล่าได้นอกเหนือจากจ้าวแห่งความตาย
อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่จ้าวแห่งความตายแน่นอน
“ หรือว่ามันเป็นผู้สืบสายเลือด?”
ตึง!
เฟรด้ากระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจทำให้พื้นที่รอบๆสั่นไหวอย่างรุนแรง
ลิชไม่สามารถมีผู้สืบทอดทางสายเลือดได้ อันเดธทุกตนล้วนเหมือนกันทั้งหมด นี่เป็นสามัญสำนึกปกติ แต่สิ่งที่มันเห็นขัดแย้งกับสามัญสำนึกเช่นนั้น
และมันไม่สมเหตุสมผลที่เขาจะเป็นศิษย์ของจ้าวแห่งความตาย โดยเฉพาะไม่มีทางที่มันจะเป็นเอลเดอร์ลิช เพราะแค่การกลายเป็นลิชนั้น นักเวทสักคนก็ต้องอาศัยระยะเวลานานกว่าสองถึงสามพันปี
กึด! กึด! กึด!
เฟรด้ากัดเล็บตัวเองราวกับคนโรคจิต
อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่ามันพ่ายแพ้ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
และมันรู้ตัวว่าสมควรต้องถอย
ความภาคภูมิใจของมันกำลังเจ็บปวด
มันพยายามที่จะได้รับความโปรดปรานจากเอนโรธ แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร และโชคดีแค่ไหนแล้วที่ตัวเองยังมีชีวิตรอด
“ เจ้ารูสเวลต์มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนในเวลานี้?”
เหลือปีศาจแค่ประมาณ 200 ตนรอบๆเฟรด้า
แม้ว่ามันจะนำปีศาจมาถึง 10,000 ตน แต่ตอนนี้เหลืออยู่เพียง 200 ตนเท่านั้น
“ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เราจะหันไปโจมตีรูสเวลต์แทน ข้าจะปล่อยให้เจ้านั้นได้รับความชอบไปไม่ได้”
เฟรดาเริ่มเคลื่อนไหวตามอารมณ์ที่แปรปรวนของตน
เมื่อมันไม่ได้รับของที่มันอยากได้ ผู้อื่นก็ต้องไม่ได้รับเช่นกัน
“ ท่านหมายความว่าจะโจมตีรูสเวลต์จริงๆเหรอ?”
“ ทหารจำนวนแค่นี้ไม่น่าจะเพียงพอนะท่าน…”
เหล่าปีศาจพยายามยับยั้งความคิดดังกล่าว
แม้ว่าปีศาจจะเป็นพวกเดียวกัน แต่ก็ไม่มีความรักหรือความจงรักภักดีระหว่างปีศาจจริงๆ
เป็นเรื่องปกติที่พวกปีศาจมักจะทำเรื่องอย่างแทงข้างหลัง มันเป็นธรรมชาติของพวกมันที่จะล่าเหยื่อที่อ่อนแอกว่าตัวเอง
ฉัวะ!
เฟรด้าหั่นคอของปีศาจที่อยู่ข้างกายทิ้ง
ตุบ!
เมื่อปีศาจตัวหนึ่งกลายเป็นศพที่เหลือก็นิ่งเงียบ
เส้นเลือดบนคอของเฟรด้าปูดโปงในขณะที่พูด
“ การกลับไปมือเปล่าก็หมายถึงความตายด้วย”
รูสเวลต์จะต้องคิดสังหารมันเหมือนกัน
“ ก่อนที่เราจะถูกโจมตี ดังนั้นเราจะโจมตีมันก่อน พวกแกยังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
เฟรด้านำกองกำลังของตน 10,000 นายมาที่นี่ จากความสูญเสียที่เกิดขึ้นทำให้พลังการต่อสู้ของเฟรด้าถูกลดทอนลงอย่างมาก
รูสเวลต์คงจะไม่นั่งอยู่เฉยๆรอให้เฟรด้าโจมตีก่อนเป็นแน่
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเหล่าปีศาจที่เหลือไม่ได้พยายามรั้งเฟรด้าอีกต่อไป
“ถ้างั้นตอนนี้รูสเวลต์อยู่ที่…”
ตูม! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น
จู่ๆสิ่งมีชีวิตสีดำก็บินลงมาจากฟากฟ้า
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันโดดลงมาจากด้านบนอย่างรวดเร็ว และหลุดรอดจากการรับรู้ของเฟรด้า
มอนสเตอร์ที่มีร่างกายสีดำขนาดใหญ่ด้านหลังปรากฎปีกสี่คู่
“บัลร็อก … ?”
มันมีสองเขาเหมือนแพะ ร่างกายใหญ่โต และใบหน้าของมันทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงดุจเปลวเพลิงจากขุมนรก
บัลร็อกเป็นปีศาจแข็งแกร่งที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
ตอนนี้พวกมันส่วนใหญ่ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว และมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อาศัยอยู่ในอันเดอร์เวิล์ด เนื่องจากพลังอันแข็งแกร่งของพวกมัน เทพปีศาจจึงจับพวกมันด้วยตนเองและควบคุมพวกมันเอาไว้
เอนโรธเก็บบัลร็อกไว้ตัวหนึ่ง
ด้วยการใช้เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งทำให้สามารถกักขังบัลร็อคเอาไว้ได้
บางครั้งมันถูกส่งไปยังสนามรบ แต่เมื่อใดก็ตามที่ทำเช่นนั้น แม้แต่ปีศาจก็ไม่สามารถช่วยได้แต่ต้องตกใจกับฉากที่เห็น
เพราะมันโจมตีศัตรูและพันธมิตรโดยไม่เลือกหน้า
บัลร็อกจัดเป็นนักล่าชั้นสูงและเป็นผู้ทำลายล้างโดยสมบูรณ์แบบ
แต่ทำไมบัลร็อกถึงอยู่ในสถานที่นี้?
กรรรรรร
บัลร็อกก้มหน้าลงมองไปทางเฟรด้า
จากการจ้องมองนั้นไม่มีทางที่เฟรด้าจะอ่านความตั้งใจอันชั่วร้ายของมันไม่ออก
นั้นเป็นสายตาชั่วร้ายที่ต้องการเพียงการทำลายล้างเท่านั้น!
“หยุดมันไว้!”
เมื่อได้รับคำสั่งเหล่าปีศาจก็กางปีกถืออาวุธพร้อมกับร่ายเวทมนตร์ทันที
“Σ? Αγαπ?…… .”
“Γει? Σου!”
บูม! บรึม!
เวทมนตร์จำนวนมากสาดใส่ร่างของบัลร็อก
หมอกควันจากการระเบิดหนาเต็มพื้นที่ มันเป็นการโจมตีวงกว้างที่รุนแรงมาก หากพวกมันถูกเวทมนตร์โจมตีโดยตรงเช่นนี้คงไม่มีใครรอดชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม
ตึง!
บัลร็อกยังเคลื่อนไหวดีอยู่ภายในหมอกควัน
หากมีการเคลื่อนไหวถึงจะด้วยความรวดเร็วหมอกควันก็ย่อมถูกรบกวน แต่จากหมอกควันที่ดูเหมือนจะยังไม่เคลื่อนไหว บัลร็อกกลับปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของปีศาจทุกตนแล้ว
บัลร็อกใช้มืออันใหญ่โตบดขยี้ปีศาจราวกับเป็นของเล่น
เมื่อมันอ้าปากกว้างสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และยามที่มันกระพือปีกเลือดเนื้อของเหล่าปีศาจก็ถูกตัดปลิวว่อนกระจัดกระจาย
บัลร็อกเคลื่อนที่มายืนอยู่หน้าเฟรด้า
“ เจ้ากล้าแยกเขี้ยวใส่ข้างั้นรึ!”
เฟรด้าขมวดคิ้วขณะใช้หอกที่สร้างขึ้นมาจากหางของตัวเอง
หากใครถูกหอกเวทเล่มนี้แทงเข้าไปจะถูกสังหารโดยทันที หอกเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเฟรด้า รวมถึงเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของมันด้วย
กึงง! อย่างไรก็ตามหอกเวทไม่สามารถแทงผ่านชั้นผิวหนังของบัลร็อกได้
หรือเป็นเพราะมันใช้พลังไปหมดแล้วในการต่อสู้ก่อนหน้า?
“ นี่เป็นไปไม่ได้…!”
เมื่อหอกเวทไม่ได้ผลดวงตาของเฟรดาก็เบิกกว้างอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเฟรดาไม่เคยคิดเลยว่านี่จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่มันจะได้รับรู้
กร๊วบ!
บัลร็อกอ้าปากแล้วเขมือบร่างกายท่อนบนของเฟรด้า
ฮูมม
จากนั้นมันก็ส่งเสียงครางออกมาราวกับพอใจ
อย่างไรก็ตามมันเลียริมฝีปากแล้วหันมองไปรอบๆราวกับยังไม่อิ่ม
ภาพที่ปรากฏในสายตาของนักล่าอย่างมัน ปีศาจที่กำลังทรุดตัวลงตัวแข็งทื่อทั้งหมดนั้นคือเหยื่อที่กำลังรอให้มันเขมือบ
***
เปรี๊ยะ!
ผิวของเขาปริแตกถูกทำลาย และงอกใหม่ขึ้นหลายครั้ง
เขารู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้ว่าเขาจะฝึกซ้อมอย่างหนักในฐานะนักฆ่า แต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดขนาดนี้
เขารู้สึกราวกับวิญญาณจะต้องแหลกสลาย หากสมดุลผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
กระบวนการบีบอัดพลังของความเป็นอมตะเข้าไปในมนุษย์
แน่นอนว่ามันคงไม่ราบรื่น
“ยอมแพ้เถอะ เจ้าทนความเจ็บปวดนี้ไม่ได้หรอก”
เสียงบางคนดังขึ้น
มูยองตระหนักว่าบุคคลที่พูดกับเขาอยู่คือลูซิเฟอร์
“ มอบพลังนั่นให้ข้า หากข้าได้รับพลังอมตะ เจ้าจะไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป”
ด้วยการส่งผ่านพลังอำนาจนี้แก่ลูซิเฟอร์ มูยองสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้
ลูซิเฟอร์กำลังล่อลวงเขาด้วยการบอกว่าทุกสิ่งจะถูกแก้ไขหากสละสิทธิ์ในการควบคุมนี้ให้แก่มัน
สิ่งที่กล่าวไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก
ยังไงก็ตามลูซิเฟอร์ไม่ได้โกหก มันแค่เกลี้ยกล่อมเขาอย่างชาญฉลาด
มูยองไม่ตอบกลับ
เขาแค่ต้องอดทนเท่านั้น ทั้งหมดที่มูยองสามารถทำได้คือกัดฟันทนต่อไป
“ หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ ความเจ็บปวดนี้จะไม่สิ้นสุดลง พลังของความเป็นอมตะจะทำลายเจ้า หากวิญญาณและร่างกายของเจ้าเสียหาย ข้าก็จะพลอยได้รับอันตรายไปด้วย ดังนั้นข้าจะให้เจ้ายืมความแข็งแกร่งของข้า หากเจ้าไม่ยอมรับข้าจะปล่อยเจ้าให้รับความเจ็บปวดทั้งหมดนี้เพียงลำพัง”
ปัจจุบันวิญญาณของมูยองและวิญญาณของลูซิเฟอร์ผูกติดอยู่ด้วยกัน
ในสถานะดังกล่าวถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับมูยอง ลูซิเฟอร์ก็จะไม่ปลอดภัย
นั่นคือเรื่องถูกต้อง มันคือความจริง ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ลูซิเฟอร์จะต้องเป็นกังวล
อย่างไรก็ตามหากมูยองส่งผ่านพลังอำนาจนี้ให้มัน มันจะส่งพลังดังกล่าวกลับคืนให้มูยองหรือไม่?
นั่นคงไม่เกิดขึ้นเป็นแน่
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขอคืนพลังอำนาจที่ลูซิเฟอร์ได้รับไปแล้วกลับคืนมา
ในอดีตมูยองซ่อนวิญญาณบางส่วนของตัวเองไว้เพื่อตีกลับลูซิเฟอร์ แต่วิธีการนั้นคงไม่ได้ผลเป็นครั้งที่สอง!
วืด! วืด!
ร่างกายของเขาหดตัวก่อนที่จะขยายอีกครั้ง
แม้ว่ามูยองจะมีประสบการณ์ในการย้ายเอ็นถ่ายกระดูก แต่นี่เป็นสิ่งที่แตกต่างจากความเจ็บปวดประเภทนั้นอย่างสิ้นเชิง
“ เจ้าไม่เจ็บปวดหรือไง? แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแต่มนุษย์ย่อมมีขีดจำกัด หากยังเป็นสิ่งมีชีวิตเจ้าไม่มีทางต้านทานพลังของความเป็นอมตะได้หรอก หรือเจ้าวางแผนที่จะกลายเป็นอันเดธหลังจากที่ตายงั้นหรือ? เหมือนลิชที่เจ้าสร้างขึ้น? อืมนั่นก็เป็นความคิดที่ไม่เลว”
มันค่อนข้างพูดมาก
ปกติแล้วลูซิเฟอร์ไม่ใช่คนพูดมากแบบนี้
ลูซิเฟอร์อาจตระหนักว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการยึดอำนาจจากมูยอง
อย่างไรก็ตามถึงอย่างนั้นมูยองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แม้ว่าความคิดเขาจะอ่อนแอลงด้วยความเจ็บปวด แต่มูยองก็ไม่พลาดสิ่งเล็กๆน้อยๆนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูซิเฟอร์มีทีท่าหมดหวัง
“อ่า!
และแล้วมูยองก็ตระหนักได้
วิญญาณของพวกเขาถูกผูกติดเข้าด้วยกัน
หากมูยองอ่อนแอ ลูซิเฟอร์ก็อ่อนแอเช่นกัน
จนถึงตอนนี้ลูซิเฟอร์แค่ปกป้องตนเอง
มันปกป้องตัวเองจากพลังของกาเบรียลเช่นเดียวกับพลังอื่นๆที่มูยองครอบครอง
มันปิดกั้นพลังอื่นๆเพื่อไม่ให้ตัวเองสูญเสียตัวตนไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้เหมือนประตูถูกบังคับให้เปิด เมื่อวิญญาณของมูยองอ่อนแอลง มันจึงไม่มีพลังมากพอสำหรับการป้องกันตัวเองได้อีก
พลังของกาเบรียลไม่ใช่ประเภทที่จะกระตุ้นอย่างรุนแรง แต่หากเป็นพลังของความเป็นอมตะลูซิเฟอร์รู้ตัวว่ามันอาจถูกดูดกลืนได้
ลูซิเฟอร์มั่นใจว่ามูยองคงไม่เข้าใจความจริงนี้
และถ้ามูยองอ่อนแอลงกว่านี้อีกเล็กน้อยมันก็อาจจะฝืนต่อไปไม่ไหว
นั่นคือเหตุผลที่มันพยายามล่อลวงเขา
“ ส่งผ่านการควบคุมมา ข้าจะพยายามต่อต้านความแข็งแกร่งของพลังอมตะให้ ในนามของข้าลูซิเฟอร์ … ”
“อ่อใช่แล้ว เจ้าจะยังคงได้รับความเป็นอมตะอยู่”
ในขณะนั้นเอง มูยองก็ยื่นมือออกไปคว้าวิญญาณของลูซิเฟอร์