The King of the Battlefield - ตอนที่ 224
อย่างไรก็ตามไม่มีเวลาให้เธอได้ตอบสนอง ไม่ใช่เพราะว่าเธอมัวแปลกใจอยู่ เพียงแต่ลิชดังกล่าวนั้นเกินไป ร่างของเธอถูกมัดด้วยมือสีดำทันที
“อู้ อี้! อื้อ!”
เธอพยายามอ้าปากพูดแต่ก็เปล่าประโยชน์ จากนั้นลิชก็เข้ามาหาพร้อมกับโดเกบิ และเอลฟ์
“มนุษย์?”
“ ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน?”
หลังจากเห็นใบหน้าของซูจีทุกคนก็รู้สึกแปลกใจ
ดีที่พวกเขาไม่ได้สังหารเธอทันที
อย่างไรก็ตาม ซูจีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัวเวทแห่งความมืดอันหนาแน่นที่เธอรู้สึกได้ก่อนหน้านี้
‘เขาไม่ใช่ลิชธรรมดา!’
ไม่ว่าจะเป็นมือเหล่านี้ที่ผูกมัดเธอไว้ รวมถึงความรู้สึกที่ได้รับนั้นอยู่เหนือกว่าลิชทั่วไป
ทว่า…มีบางสิ่งแปลกๆ ในขณะที่ทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้น เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
“ เธอเป็นสายลับหรือ?”
ลิชพูดอย่างเฉยเมย น้ำเสียงของเขาเย็นชามากเสียจนทำให้เธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ซูจีรู้สึกราวกับว่าศีรษะจะต้องถูกแยกออกจากร่างกาย หากเธอตอบว่า ‘ใช่’ ออกไป
มือที่ปิดปากของซูจีเปิดออก
เธอได้รับโอกาสให้พูด
‘ฉันควรทำไงดี?’
ถึงลิชตนนี้ดูจะคุ้นเคยแปลกๆ แต่เขาก็ยังดูน่ากลัวอยู่ดี เพราะยังไงซะลิชก็เป็นตัวตนที่ทำให้สิ่งมีชีวิตอื่นต้องรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณอยู่แล้ว
ความปรารถนาในการต่อสู้ของเธอหายไป และถึงแม้ว่าเธอจะสู้ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะชนะได้
‘ฉันต้องพูดอะไรสักอย่าง’
ไม่มีอะไรดีขึ้นหากเธอปิดปากเงียบ
“ ฉันคิดว่า ฉันเป็นแขกของท่านลอร์ด “
เธอพูดในสิ่งที่ได้ยินมาก่อนหน้า
แน่นอนว่าเธอไม่เคยพบลอร์ดที่ว่ามาก่อน แต่เนื่องจากพวกเขาบอกอย่างนั้น เธอเลยคิดว่าควรตามน้ำไป
ลิชดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ ท่านลอร์ดงั้นเหรอ?”
เธอไม่แน่ใจว่าทำไม แต่คำว่า ‘ลอร์ด’ ดูเหมือนจะเป็นตั๋วผ่านทางที่ปลอดภัย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง แต่มันก็ทำให้ลิชต้องคิดทบทวน
“ คำพูดของเธอดูคลุมเครือนะ ฟังดูเหมือนเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นแขกสักเท่าไหร่? อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่งั้นฉันจะทำให้เธอทรมานด้วยความเจ็บปวดจนรู้สึกอยากตาย”
เล็บแหลมคมสัมผัสไปที่คางของซูจีเบาๆ หัวใจของเธอเต้นแรง ในขณะนั้นเธอรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
รู้สึกได้เลยว่าพลังแห่งความตายกำลังท่วมท้นอยู่ภายในร่างของเธอ พลังของลิชกำลังแทรกซึมผ่านเข้าไปในจิตใจของซูจีอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เธอโกหก
“ หลังจากต่อสู้กับอัศวินแห่งความตายฉันก็สลบไป…พอตื่นขึ้นมาอีกทีฉันก็อยู่ที่ปราสาทแห่งนี้ พวกคุณเป็นใคร แล้วฉันอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ซูจีบอกความจริง เพราะถ้าเธอโกหกไม่เนียนพอ ลิชจะจับได้ทันที
“ เธอเป็นแขกของทาร์แคนเหรอ?”
ซองมินดึงมือตัวเองกลับมาแล้วลูบคาง ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้โกหก
ทาร์แคน? อัศวินแห่งความตายชื่อทาร์แคนงั้นหรือ?
แต่ซูจีส่ายหัว
“ ฉันไม่ใช่แขกของใครทั้งนั้น ฉันไม่ได้อยากเข้ามาที่นี่”
“ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้โดยตนเองอยู่แล้ว”
ลิชพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นหันไปพูดกับเอลฟ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อลันซ์ ฉันคิดว่าเธอคงแค่หลงทางเข้ามา ช่วยนำเธอกลับไปหน่อย”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เอลฟ์เพศชายร่างผอมโค้งคำนับ และทำตามคำสั่งของเขาอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นเขาก็จับแขนของซูจี บังคับให้เธอลุกขึ้น และเริ่มฉุดเธอออกไป
ในขณะที่ถูกลากออกมา สายตาของเธอก็ยังคงจ้องอยู่ที่ลิช
ความรู้สึกนี้คืออะไร?
ราวกับว่าเคยพบเขาที่ไหนมาก่อน…
เธอรู้สึกอย่างนั้น
ซองมินหันร่างอีกครั้งกลับเข้าไปในห้อง
จะต้องมีเหตุผลที่ทาร์แคนนำมนุษย์เข้ามาในอาณาเขต
เนื่องจากทาร์แคนเป็นหนึ่งในผู้ที่เขาเชื่อถือได้ ซองมินจึงยังไม่ควรทำอะไรกับ ‘แขก’ ที่เขาพามา
“ มอนสเตอร์ที่มีร่างสีดำขนาดใหญ่โต..”
ภายในห้องมีคริสตัลสองสามลูกปรากฎอยู่
และภายในคริสตัลนั้น มีภาพของสัตว์ร้ายสีดำปรากฏขึ้น
มันเป็นภาพจากเวทมนตร์ค้นหา ที่ซองมินกระจายไปทั่วอาณาเขต
อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมันสูงมาก มีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถจับภาพร่างของมันได้
สิ่งที่ทราบแน่ๆคือมันแข็งแกร่ง และบางทีอาจจะมากกว่าที่ซองมินคาดไว้ด้วยซ้ำ
เขารู้สึกเหมือนไม่มีใครในดินแดนอีกแล้ว ที่สามารถต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับมันได้ นอกเหนือจากมูยองลอร์ดของเขา
ปัญหาคือเขาไม่เข้าใจเจตนาของมอนสเตอร์ตัวนี้
นอกจากท่องไปทั่วอาณาเขตของพวกเขา มันต้องการอะไรอีกหรือเปล่า?
‘หืม?’
ซองมินสะบัดหัว
ด้วยเหตุผลบางอย่าง มีบางสิ่งดึงดูดความสนใจของเขา
หลังจากเห็นผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็นสายลับเมื่อสักครู่นี้ เขาก็รู้สึกเกิดความสับสน
‘เหมือนฉันเคยเห็นเธอมาก่อน’
ซองมินโบกคฑาอัญเชิญกระทิงสีดำ
หลังจากขึ้นไปนั่งอยู่ด้านบนของมัน ซองมินก็จมอยู่ในความคิดพลางลูบคางตนเองไปมา
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูจะยังมีอายุยังไม่มากนัก เธอน่าจะอยู่ในช่วงปลายของชีวิตวัยรุ่น
ยังไงก็ตามเขารู้สึกเหมือนเคยเห็นเธอมาก่อน
ซองมินไม่เคยลืมใครที่เคยพบเห็น ดังนั้นสำหรับกรณีที่เขาจำไม่ได้…
‘หรือฉันเห็นเธอก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำไป?’
ความทรงจำของซองมินไม่สมบูรณ์
เขาพยายามจำ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะปรากฏในใจเขา
แม้ว่าเขาจะมีความรู้สึกรุนแรงในการ ‘ตามหาอะไรซักอย่าง’ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ทว่าความรู้สึกที่คุ้นเคยและความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร?
เธอเป็นคนที่เขาตามหาใช่หรือไม่?
‘มันบังเอิญเกินไป’
ไม่เป็นอย่างนั้นแน่
แต่ถ้าใช่ ชะตากรรมคงกำลังเล่นตลกกับพวกเขา
และซองมินไม่เชื่อในโชคชะตา
ไม่มีทางที่อะไรก็ตามที่เขาตามหาจะมาหาเขาซะเอง
แม้ว่าเธอจะดูเหมือนสิ่งนั้น แต่เธอก็อาจเป็นแค่หนึ่งในสิ่งมากมายที่เขาเคยผ่านมาก็ได้
‘เอาไว้ชนะสงครามนี้เมื่อไหร่ ฉันค่อยออกตามหาความทรงจำที่หายไป’
เอนโรธนั้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาราชาปีศาจทั้งหมด
หากพวกเขาชนะมันได้ ก็เท่ากับสามารถก้าวหน้าไปอีกขั้นสำหรับการต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจ
มูยองคาดหวังเป็นอย่างมากสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้
และบทบาทของซองมินก็คือการดึงเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้จนกว่าเอนโรธจะเดินทางมาถึง
‘เพื่อชัยชนะของเขา’
มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ซองมินผู้ซึ่งสูญเสียความทรงจำได้ตระหนักถึง
แม้เขาจะเป็นเพียงเบี้ยสำหรับชัยชนะของมูยองก็ตาม
* * *
“ ข้าขออภัย ขออภัย ขออภัยจริงๆ!”
สาวใช้ก้มขออภัยเอลฟ์ที่ชื่ออลันซ์ไม่หยุด
“ ไปขอบคุณท่านจอมเวทย์ที่เมตตาเถอะ ”
“เจ้าค่ะ!”
หญิงสาวดูดีใจกับสิ่งที่เอลฟ์พูดก่อนออกไป
พอเอลฟ์หายไปจากสายตา สาวใช้ก็เริ่มพูด
“ เฮ้อ ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าไปไหน การกระทำของเธออาจทำให้ชีวิตของพวกเราจบสิ้นซะแล้ว”
“ฉันขอโทษจริงๆ”
ซูจีพูดอย่างสุจริต
หากเธอฟังที่สาวใช้พูด พวกเขาคงจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
“ แต่เราโชคดีนะ เพราะท่านจอมเวทค่อนข้างใจดี แต่ถ้าเธอถูกท่านการ์มูสจับแล้วล่ะก็…เฮ้อ! ไม่อยากจะคิดเลย”
“ ใครคือการ์มูสเหรอ?”
“ คนที่พาเหล่าคนแคระมาอาศัยอยู่ในอาณาเขตนี้น่ะ ทักษะการสร้างของเขายอดเยี่ยมมากเลย!”
ทักษะการสร้าง…
ดูเหมือนว่าเธอกำลังพูดถึงทักษะของช่างตีเหล็ก
“ เราคงปล่อยให้เหตุการณ์อย่างเมื่อกี้เกิดขึ้นไม่ได้อีก คราวนี้ตามฉันมาดีๆล่ะ ฉันจะพาเธอชมปราสาทเอง”
“ขอบคุณ”
สาวใช้จัดเสื้อผ้าของเธอแล้วเริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง
“ นี่คือห้องครัว นี่คือห้องเก็บของ นี่เป็นห้องวิจัยเวทมนต์ และนี่เป็นห้องหลอมโลหะ… ”
การแสดงออกของซูจีเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง
และท่ามกลางการแสดงออกของเธอ ดูเหมือนมันจะเต็มไปด้วยความ ‘ประหลาดใจ’
อันดับแรกเลย ทุกอย่างล้วนใหญ่โต สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดมีขนาดใหญ่มาก
ซูจีอาศัยอยู่ในเมืองเกรทซิตี้ เธอเคยเห็นอาคารขนาดใหญ่จำนวนมากมาย
ทว่าที่นี่กลับไม่ด้อยกว่าเกรทซิตี้เลย บางพื้นที่ยังดูดีกว่าด้วยซ้ำ
‘ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?’
เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะมีกลุ่มใหญ่ขนาดนี้อาศัยอยู่ในดินแดนเทพปีศาจ
นับว่าสั่นสะเทือนอารมณ์ของเธอเป็นอย่างมาก เนื่องจากเธอคิดมาตลอดว่าเกรทซิตี้เป็นเมืองที่เยี่ยมที่สุด
สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือ มีเผ่าพันธุ์ต่างๆอาศัยอยู่ในแต่ละส่วนของอาณาเขต
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในพื้นที่ของเผ่าอื่น แต่พวกเขาก็ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี ฉากของที่นี่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังฝันไป
“ นี่คือห้องสุรา ตามชื่อเลยมันมีไว้เพื่อใช้เก็บเหล้า”
“ ห้องสุรา?”
แน่นอนว่าสถานที่ที่เธอสนใจมากที่สุดย่อมคือห้องสุรา
“ สำหรับที่นี่เธอสามารถเข้าไปได้ อยากเข้าไปมั้ย?”
“ไปสิ ไปๆ”
ซูจีตอบทันที
สาวใช้ยิ้มแย้มขณะที่เข้าไปในห้องสุรา
สถานที่นั้นใหญ่โต มันเป็นที่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ซูจีเคยเห็นมา
“ มีคนมากมายชอบดื่มเหล้า กว่าจะเป็นแบบนี้ได้เราต้องปรับปรุงใหม่อยู่หลายครั้ง”
สาวใช้อธิบายต่อไปอย่างตื่นเต้น
ซูจีซึ่งกำลังฟังอย่างระมัดระวัง ไม่สามารถช่วยได้แต่ต้องกังวลเมื่อพวกเขามาถึงกลางห้อง
“ ยักษ์นั่นคือ?”
“ไหนล่ะ? ้อ้อ!
ยักษ์ที่มีเปลวไฟลุกท่วมร่างตนหนึ่งนั่งอยู่ที่มุมห้องกำลังดื่มเหล้าอยู่
มันเป็นไฟทาร์ มอนสเตอร์ที่รู้จักกันดีว่าแข็งแกร่งและดื้อรั้นที่สุด!
นอกจากนี้ไฟทาร์ตนนี้ยังดูไม่เหมือนไฟทาร์ทั่วไป
ซูจีดูกลัวหน่อยๆ แต่สาวใช้ที่มาด้วยกันกลับมีท่าทีขึงขังก่อนจะเดินปรี่เข้าไป
“โอการ์! ท่านมาแอบอยู่ในนี้อีกแล้ว! ข้าบอกท่านตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าดื่มให้มันมากนัก!”
“ ข้าคงกลายเป็นผู้ผิดบาป หากไม่ยอมดื่มสุรารสเยี่ยมของพวกเอลฟ์”
ไฟทาร์ที่ถูกเรียกว่าโอการ์ตะโกนตอบ
จากนั้นโอการ์ก็เหลือบมองไปที่ซูจี
“ ข้าไม่เคยเห็นเธอมาก่อน หรือว่านี่คือลูกของเจ้า?”
“ท่านกำลังพูดอะไร! ข้ายังสาวยังแส้ และยังไม่เคยแต่งงาน!”
“ ข้าจะไปรู้เร๊อะ พวกเจ้าดูเหมือนกันไปหมด มีแต่มูยองที่ดูแตกต่าง ทำไมพวกเจ้าไม่ลองสวมเขาบนหัวดูบ้างล่ะ?”
“ อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เลิกดื่มได้แล้ว!”
“ เข้าใจแล้วน่า…เจ้านี่น่ารำคาญเหมือนแมลงวันจริงๆ ให้ตายเถอะ แค่ดื่มสุราข้าก็ยังทำไม่ได้งั้นเหรอนี่”
โอการ์ลุกขึ้นพร้อมกับเช็ดริมฝีปาก
ไฟทาร์ถูกมนุษย์ข่มขู่ ซูจีเพิ่งเคยเห็นแบบนี้เป็นครั้งแรก
แต่ทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้าง หลังจากทบทวนคำพูดของโอการ์
‘มูยอง!
“ฮะ?”
“ เมื่อกี้คุณพูดคำว่ามูยองใช่มั้ย?”
“ ทำไมข้าจะเรียกมูยองว่ามูยองไม่ได้?”
โอการ์เกาหัว
ใจของซูจีเต้นเร็ว
มีทั้งความกังวล ประหลาดใจ และความสุขอยู่ในนั้น
เธอไม่คิดว่าจะมีใครใช้ชื่อ ‘มูยอง’ อีก
“ ไม่ใช่อย่างนั้น…คุณรู้จักมูยองใช่ไหม?”
“ มูยองคือราชาของที่นี่ใครจะไม่รู้จัก เจ้ากำลังมองข้าเป็นตัวตลกหรือ? ”
ราชา…!
เมื่อเธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้กระทั่งสาวใช้ก็บอกเธอว่าซูจีมาเยี่ยมท่านลอร์ด
อัศวินแห่งความตายทาร์แคน พาเธอมาที่นี่เพราะเขารู้ว่าเธอเกี่ยวข้องกับมูยองใช่ไหม?
‘พี่ชายอยู่ที่นี่’
เธอรู้ว่าเขายังไม่ตาย
เธอรู้ว่าเขาเป็นผู้โจมตีเกรทซิตี้
หากหาเขาเจอ เธออยากจะถามเขาว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม เธอยังรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าเขาอยู่ใกล้ๆนี่เอง
เธอคงโผกอดเขาไปแล้วหากตอนนี้เขาอยู่ข้างๆ
“ พาฉันไปเจอท่านลอร์ดได้ไหม”
จากนั้นสาวใช้ก็ส่ายหัว
“ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก ไม่มีใครสามารถเข้าไปในห้องของท่านลอร์ดได้”
“ทำไมล่ะ?”
“ มันเป็นคำสั่งของท่านลอร์ด ฉันไม่รู้อะไรนอกเหนือจากนี้แล้ว ถ้าอยากรู้จริงๆเธอลองไปถามการ์มูสดูได้นะ เขาอาจจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติม”
หลังจากฟังเธอพูดจบ โอการ์ก็พูดแทรกเข้ามาพอดี
“ โอ้ เจ้ากำลังจะไปพบการ์มูส? ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปกับเจ้า ข้าอยากเจอเขาอยู่พอดี”
“ ท่านจะไปขอสุราจากการ์มูสใช่ไหม?”
“อะแฮ่ม”
โอการ์กระแอม
***
“ ไม่ เจ้าเข้าไปไม่ได้”
หลังจากได้ยินเรื่องราวของซูจีแล้ว การ์มูสก็ส่ายหัว
รู้สึกเหมือนคำว่า ‘ไม่มีทาง’ เขียนติดอยู่บนใบหน้าของเขา
“ ฉันต้องพบเขา”
“ ้เจ้าไม่สามารถพบเขาได้ในตอนนี้ นอกจากนี้เขาไม่ใช่คนที่คนนอกเช่นเจ้าจะสามารถพบได้”
“ ถ้าอย่างนั้นฉันต้องทำยังไง”
“ ไม่มีอะไรที่เจ้าสามารถทำได้ ข้าจะให้มนุษย์ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนพบเขาได้ยังไง?”
“ แต่คนที่พาฉันมาที่นี่คืออัศวินแห่งความตายที่ชื่อทาร์แคนนะ..”
“ข้าไม่สนเรื่องนั้น”
การ์มูสยังคงยืนกราน
เขาเป็นเหมือนดั่งกำแพงหิน
จากนั้นโอการ์จึงถามบ้าง
“ มูยองยังไม่ออกมาอีกเหรอ? นี่มันก็ผ่านไปตั้งสามวันแล้วนะ”
“ น่าจะต้องรออีกสักหน่อย กระบวนการในการสร้างความเป็นนิรันดร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ใครจะทำก็ทำได้ แม้ผู้นั้นจะเป็นลอร์ดของเราก็ตาม”
“ ข้าไม่กังวลหรอก เขาเป็นมนุษย์ที่ดูเหมือนทำได้ทุกอย่าง ยังไงก็เถอะเจ้ามีสุราเหลืออยู่ไหม?”
“ เจ้ากลายเป็นพวกขี้เมาแล้ว”
“ สุราคือความโรแมนติก คนที่ไม่รู้จักความรักไม่เข้าใจข้าหรอก “
“เจ้านี่มัน…”
คลืน!
จู่ๆในขณะนั้นทั้งปราสาทก็สั่นไหว
มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอกของปราสาท
ปู่นนนนน!
แตรเขาสัตว์ถูกเป่าต่อจากนั้นทันที
หลังจากได้ยินเสียงนี้ การแสดงออกของโอการ์ก็จริงจังขึ้น
“ ศัตรูมาถึงแล้ว ”
“ เสียงแตรดูผิดปกติไปจากทุกที มีมอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นหรือ?”
โอการ์เป็นคนแรกที่มีปฎิกิริยา
จากนั้นการ์มูสก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกันราวกับว่ามีบางอย่างที่ต้องทำ
“ อ่าว แล้วฉันล่ะ?”
“ รออยู่ที่นี่เงียบๆ! ”
นั่นคือคำแนะนำทั้งหมดที่พวกเขาให้
ในท้ายที่สุดซูจีก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
อยู่ตามลำพัง …
ไม่มีใครจับตามองดูเธออีก
‘โอกาสดีแบบนี้พลาดไม่ได้แล้ว ‘
คราวนี้ซูจีวางแผนที่จะระวังตัวมากขึ้น เธอไม่อยากถูกลิชจับตัวอีก
ซูจีลดการปรากฏตัวของเธอให้มากที่สุด และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับเงา
‘พี่มูยองอยู่ที่นี่’
มีคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้พบกันอีกอยู่ที่นี่
การบอกให้เธอรออยู่เฉยๆนั้นไม่ต่างไปจากการถูกทรมาน
และตอนนี้ซูจีก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่แล้ว