The King of the Battlefield - ตอนที่ 229
“ ว่าไงนะ…”
เบซองมินจริงจัง
ลูกสาว?
จากความทรงจำที่คลุมเครือ เอลเดอร์ลิชอย่างเขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีความผูกพันกับสิ่งมีชีวิตอื่นอีกนอกจากมูยอง
และยิ่งเป็นความผูกพันที่ไม่ธรรมดานี่อีก เพราะเธอเป็นถึงลูกสาวของเขา?
“ ฉันไม่มีเวลาอธิบายมาก แต่ซูจีเป็นลูกสาวของนาย”
มูยองมองขึ้นไปที่ ‘ปราสาท’
ปราสาทที่หลุดจากผลกระทบของสนามแรงโน้มถ่วงกำลังลอยขึ้นอีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีปีศาจปรากฏเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก และปิดกั้นการล่าถอยของพวกเขา
เบซองมินตกใจ
เนื่องจากมูยองไม่มีเหตุผลที่จะโกหก เขามักพูดความจริงเสมอ หรืออย่างน้อยเขาก็ไม่เคยโกหกเบซองมิน
และหากคำพูดของมูยองเป็นจริง
คิดได้ดังนั้นท้องฟ้าของซองมินก็ราวกับจะถล่มคลืนลงมา
“ ถ้างั้น…สิ่งที่ผมตามหาตลอดมาก็คือ”
เบซองมินรู้สึกเจ็บปวดเสมอ
เขารู้สึกเหมือนสูญเสียสิ่งสำคัญตลอดเวลา
มักจะมีแรงกดดันให้เขาต้องตามหาอะไรซักอย่าง
แต่เขาไม่เคยจินตนาการว่าบางสิ่งนั้นเป็นลูกสาวของตัวเอง
“ ฉันไม่ต้องการทำให้นายสับสน จริงๆแล้วฉันก็ไม่รู้ว่าควรตัดสินใจยังไงกับเรื่องของนายเหมือนกัน ”
ถูกตัอง มูยองไม่สามารถตัดสินเรื่องนี้ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่ดี แต่ก็เป็นข้อแก้ตัวเช่นกัน
เขาไม่สามารถตัดสินได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
เบซองมิเสียชีวิตไปแล้ว และกลายเป็นลิชผู้สูญเสียความทรงจำส่วนใหญ่ในอดีต
มูยองไม่รู้ว่าการที่เขาทราบเรื่องลูกตัวเองจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเก็บเรื่องนี้ไว้… แต่เขาคิดว่าควรบอกความจริงเมื่อทั้งสองฝ่ายได้พบกัน
มันไม่ใช่สิ่งที่สามารถหลบเลี่ยงได้ตลอดไป
“ เบซูจี เด็กคนนั้นเป็นลูกสาวของผมจริงๆเหรอ…?”
“ ฉันจะเคารพการเลือกของนาย”
เขาปล่อยให้มันเป็นการตัดสินใจของเบซองมิน
เบซองมินกลายเป็นตัวตนใหม่หลังจากที่เสียชีวิต หมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องสนใจความทรงจำครั้งเมื่อยังมีชีวิตอยู่
แต่หากเขาเลือกที่จะคว้าอดีตของตนไว้ มูยองก็เคารพการตัดสินใจของซองมิน
เบซองมินรู้สึกสับสนอย่างมากในตอนนี้
เขาเป็นคนขับเบซูจีให้ไปยืนอยู่ที่ปากเหวของความตาย ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนอยากไปเองก็ตาม เขาไม่รู้สึกผิดสักนิดสำหรับการตัดสินใจครั้งนั้น แต่เขาจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า หากรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเขา?
เบซองมินตกอยู่ในพะวง เดิมทีลิชเป็นตัวตนที่ไร้ซึ่งหัวใจ แต่ตอนนี้มันกลับรู้สึกอยากปฏิเสธตัวตนของตัวเอง
‘ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลย ทำไม!’
เบซองมินประสบปัญหากับอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเป็นอย่างมาก
แม้จะทราบความจริงแล้ว แต่เขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
เขาจะคว้าทุกอย่างไว้ทันทีถ้าความทรงจำทั้งหมดปรากฏขึ้น
“ นายท่าน เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า?”
“ เธอยังไม่ตาย แต่ดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่”
มูยองและเบซูจีเชื่อมต่อกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรู้เห็นทุกอย่าง อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่ๆคือสัญญาณชีวิตของเธอกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ
เบซองมินพยักหน้า
“ ผมจะไปหาเธอ ผมอยากมองเด็กคนนั้นชัดๆสักครั้ง”
ตอนเบซองมินเห็นเบซูจีครั้งแรก เขาก็คิดว่าเธอเป็นแค่ ‘หนู’ ตัวเล็กๆเท่านั้น และไม่เคยพยายามสนใจเธอเลยหลังจากนั้น
ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น?
เป็นเพราะการเห็นเธอทำให้อารมณ์ของเขาแปรปรวนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนนี้อย่างน้อยเขาก็อยากเผชิญหน้ากับเธอดีๆสักครั้ง
‘ฉันต้องการพบเธอ ต้องการมองเธอไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีภาพที่ชัดเจนปรากฏขึ้นในหัวของฉัน ‘
มันยังไม่สายหากได้เผชิญหน้า และสนทนากันเป็นเรื่องเป็นราวเพื่อหาข้อสรุป
ยังไงก็ตามตอนนี้เขาต้องช่วยเบซูจีก่อน ภารกิจช่วยเหลือผู้ที่กำลังเดินไปสู่ความตาย นั่นเป็นสิ่งที่ดูไม่เข้ากับลิชเอาซะเลย
มูยองเผยรอยยิ้มจางๆ
“ ฉันจะเปิดทางให้นายเอง”
เส้นทางหลบหนีของพวกเขาถูกปิดกั้น พวกเขาไม่สามารถทำอะไรกับปีศาจนับหมื่นที่ถูกเสริมความแข็งแกร่ง ด้วยจำนวนกำลังพลเพียงเท่านี้
ฟูม!
เปลวเพลิงลุกไหม้โหมกระหน่ำขึ้น
ปีกทั้งหกของมูยองกลายเป็นปีกแห่งเปลวเพลิงขนาดใหญ่โต
จากนั้นมูยองก็หลับตาลงแล้วพูดบางอย่าง
“ ในทุกสรรพสิ่ง ย่อมมีแสงส่องถึงเสมอ”
ฟว๊างง!
บนท้องฟ้าถูกลำแสงเจาะทะลุกลายเป็นหลุมกว้างใหญ่
และผืนดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยความสว่างไสว
“อ๊ากกก!”
“ซะช่วยข้าด้วย! เจ็บเหลือเกิน!”
“ม้ายย! อ๊าก!”
ปีศาจที่ถูกลำแสงสัมผัส ร้องด้วยความเจ็บปวด
พลังเทวะของมูยองได้รับการเสริมความแข็งแกร่งด้วยบทสวดของอัลโนวา
อัลโนวาเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนหรือบทสวดสั้นๆเอาไว้
หากคุณเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์นั้น คุณก็สามารถแสดงความแข็งแกร่งนี้ได้เพียงแค่ท่องบทสวด
ทว่าแม้แต่มูยองก็ไม่สามารถเข้าใจบทสวดทั้งหมด เขาสามารถจดจำบทสวดที่แข็งแกร่งได้บางบทเท่านั้น
“ จงแผดเผาให้เหมือนเปลวเพลิง และซัดใส่ดั่งคลื่นแห่งท้องทะเล”
วูม!
ปีกของมูยองขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมก่อนจะกลืนปีศาจทั้งหมดในระยะโจมตี
ปีศาจมากกว่าหนึ่งแสนตัวเสียชีวิตด้วยการโจมตีเพียงสองครั้ง
แม้จะยังเหลืออยู่จำนวนอีกมาก แต่พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับสิ่งที่จู่ๆก็เกิดขึ้น
วูบ!
ร่างของมูยองดูซวนเซ
‘บทสวดของอัลโนวาเปลืองแรงค่อนข้างมาก’
อย่างมากที่สุดสามครั้ง นั่นคือจำนวนบทสวดที่มูยองสามารถท่องได้ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองคงไม่สามารถทนได้มากกว่านั้น
ชิ้ง!
มูยองดึงความโกรธเกรี้ยวออกมา
เขานำความโกลาหลมาสู่ศัตรู และเปิดเส้นทางให้แก่พวกพ้องขึ้นสำเร็จแล้ว และซองมินไม่ควรพลาดโอกาสนี้
“ ยังไม่สายถ้านายจะไปตอนนี้”
หลังจากพูดจบ มูยองก็ชูดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวขึ้นสูง
เหล่าวิญญาณทุกตน, อันเดธ, โอการ์และทาร์แคนมองไปที่มูยอง
“ตามฉันมา ถึงเวลาทำลายศัตรูของเราแล้ว”
* * *
“แกเป็นใคร?”
ปัง!
เอนโรธกระแทกไม้เท้าใส่พื้น
ในเวลาเดียวกันระยางสีดำเมื่อมก็พุ่งขึ้นไปปกคลุมร่างของผู้บุกรุก
มันไม่คิดว่าจะมีใครสามารถล้มปีศาจนับไม่ถ้วนจนมาถึงศูนย์กลางของปราสาทเช่นนี้ได้
ทุกคนนอกจากเอนโรธถูกสังหารจนหมด แต่ของมันแน่อยู่แล้วที่เอนโรธยังมีชีวิตอยู่
ผู้บุกรุกปิดปากของเธอแน่น ถึงแม้จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากร่างกาย แต่เธอก็ยังไม่ตาย ยังไงก็ตามชัดเจนว่าเธอคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เอนโรธส่ายหัวขณะมองไปที่ผู้บุกรุก
“ ข้าคงถามผิดไป ให้ข้าถามอีกครั้ง เขาคือใคร’?”
เอนโรธมองเบซูจีแล้วก็รู้สึกได้ว่ายังมีบางคนที่เหนือกว่าเธออยู่
เขาไม่ได้ฆ่าซูจีทันที เพราะรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของผู้ที่แข็งแกร่ง
ผู้หนึ่งที่คอยชักใยเรื่องทั้งหมดให้เกิดขึ้น และบางทีนั่นอาจเป็นตัวจริงของผู้ที่สังหารชาร์ซาซ่า
เขาไม่กังวลเรื่องเบซูจีหรือว่าลิช แต่เป็นใครอีกคนที่อยู่เหนือกว่านั้นมากกว่า
“ หรือว่ามันจะเป็นเทพปีศาจ? เป็นตัวตนที่มาจากอีกโลกหนึ่งเหมือนเดียโบลงั้นหรือ?”
เบซูจีนั้นมีความเชื่อมโยงกับ ‘ใครบางคน’
เอนโรธสัมผัสได้ถึงช่องว่างที่มันไม่รู้ และช่องว่างที่ยิ่งใหญ่นี้…ไม่ได้อยู่ในระดับระหว่างราชาปีศาจ มันเป็นช่องว่างที่มันสามารถรู้ได้จากตัวตนเหนือธรรมชาติหรือไม่ก็เทพปีศาจ แต่มีบางอย่างที่แตกต่าง มันไม่เคยรู้สึกถึงช่องว่างแบบนี้
เบซูจียิ้มเล็กน้อย
นั่นก็ถือเป็นคำตอบที่เพียงพอแล้ว
“ เป็นประเภทที่ไม่ชอบให้พูดจาดีๆสินะ”
เอนโรธอยากรู้อยากเห็น มันรู้สึกอยากตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่มันพยายามควบคุมจิตใจของเบซูจี
การย้ายจิตสำนึกเป็นความสามารถพิเศษของเอนโรธ การเล่นกับจิตสำนึกที่ศัตรูอดกลั้นไว้อย่างสมบูรณ์นั้นเป็นสิ่งที่มันชอบ
มันกางมือออกไปดึงผมของเบซูจี จากนั้นก็เขียนอักษรรูนบางอย่างลงบนไม้เท้า
“ ข้าะถามเจ้าอีกครั้ง เขาเป็นใคร’? บอกตัวตนที่เชื่อมโยงอยู่กับเจ้ามา”
มันใช้เวลาไม่นาน
ยังไงก็ตามเบซูจียังไม่ตอบคำถาม
เธอแค่หัวเราะออกมาแปลก ๆ
จากนั้นเธอก็เป็นลม
มันไม่สำคัญว่าเธอจะหมดสติหรือไม่ถ้าการควบคุมจิตใจทำงานได้อย่างถูกต้อง หากเป็นปกติเบซูซี่น่าจะต้องตอบคำถามของเอนโรธไปแล้ว
มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นถ้าเธอไม่ตอบ
‘การควบคุมจิตใจของข้าไม่ได้ผล’
มันแทบไม่อยากเชื่อที่พลังของตัวเองไม่ได้ผล!
ราชาปีศาจเหล็กเอนโรธ พลังที่แท้จริงของมันคือการควบคุมและครอบงำ
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มันสามารถเสริมกำลังปีศาจหลายแสนตนในเวลาเดียวกันได้
แต่เห็นได้ชัดว่าพลังของเอนโรธไม่ได้ผล
เมื่อมูยองออกจากอารามสีคราม เขาได้ถ่าย ‘กลไกการป้องกันตัวเอง’ ไว้บนตัวเบซูจี
มันเป็นมาตรการที่จะไม่บอกให้คนอื่นรู้ถึงการดำรงอยู่ของมูยอง กลไกดังกล่าวมี ‘การป้องกันทางจิต’ ที่แข็งแกร่ง
การล้างสมอง ‘หวังซุงหลิน’ อยู่ในระดับท๊อบคลาส บางรายละเอียดมันยังยอดเยี่ยมกว่าของเอนโรธเสียอีก
เมื่อเปรียบเทียบกับเอนโรธที่ผลักดันมันด้วยพลังเวท หวังซุงหลินนั้นได้เข้าไปจัดการจิตใจของเหยื่ออย่างเป็นระบบ
มูยองเตรียมการพวกนี้ไว้สำหรับหวังซุงหลิน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่มันจะถูกเจาะทะลวงได้อย่างง่ายดาย
จากนั้นสีหน้าของเอนโรธก็เปลี่ยนไป
“ ข้าติดกับของศัตรูหรือนี่…!”
ฟูว!
ในขณะนั้นเสาเพลิงขนาดใหญ่ก็ลุกขึ้นบนปราสาท และเพลิงที่ลุกโชติช่วงก็ห้อมล้อมไปทั่วบริเวณ ทำให้บาเรียที่ปกป้องปราสาทละลายลงทันที
เมื่อตกอยู่สถาวะไร้การป้องกันปราสาทก็เริ่มดิ่งร่วง
มันเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวที่แม้แต่เอนโรธก็ไม่สามารถเลียนแบบได้
จากพลังนี้มันมั่นใจได้เลยว่า บางคนที่มันต้องการรู้ ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ฮ่า!
เอนโรธส่งเสียงคำรามออกมา
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ
ผู้นั้นสังหารเหล่าปีศาจ และปรากฏตัวขึ้นเองราวกับว่ากำลังรอช่วงเวลานี้
หรือบางที
มันอาจจะตกเป็นผู้ที่ถูกล่อลวง นับตั้งแต่การตายของชาร์ซาซ่าแล้วก็เป็นได้
มันอาจเกิดมาเพื่อล่า แต่มันก็เป็นผู้หนึ่งที่ถูกล่าเช่นกัน
“ ข้าคือเอนโรธ ราชาปีศาจแห่งเหล็กผู้ยิ่งใหญ่! เจ้าคิดว่าข้าจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายงั้นหรือ!”
มันไม่สามารถยอมรับได้
มันเป็นคนที่วางกับดัก การล่าเป็นตำแหน่งที่คู่ควรกับมันเท่านั้น
เอนโรธปฏิเสธความจริงที่ว่าตนเป็นผู้หนึ่งที่ตกหลุมพราง
บูม!
บูม!
บูม!
ยังไม่จบแค่นั้น มีบางอย่างกำลังมา
แต่พลังนี้ไม่ได้เป็นของ ‘ผู้นั้น’
ใครบางคนกำลังเจาะทะลวงปราสาทอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีบาเรียปกป้องปราสาทอีกต่อไป
ด้วยพลังเวทที่น่ากลัว เขากำลังเจาะปราสาทโดยใช้เทคนิคขยายพลังเวท
เอนโรธหันหลังกลับ
และในเวลาเดียวกันมันก็กล่าวขึ้น
“ เอลเดอร์ลิช…!”
เอลเดอร์ลิชปรากฏตัวอยู่กลางห้อง
มันดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
เพราะ ‘ผู้นั้น’ สามารถปรากฏตัวได้ตลอดเวลา แต่คนที่มากลับเป็นลิช?
เอนโรธยอมรับศักยภาพของลิชตนนี้ แถมยังคิดที่จะเอามาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาด้วย แต่มันเปลี่ยนใจแล้ว
หากทั้งหมดนี้เป็น ‘แผน’ ของผู้นั้น เอนโรธตัดสินใจสังหารลิชและผู้หญิงตรงหน้าเพื่อทำลายแผนการของผู้นั้นดีกว่า
“ เจ้าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้หรือ!”
“ ฉันไม่ได้มาเพื่อเอาชนะแก”
เบซองมินเหลือบมองไปยังจุดหนึ่ง
เบซูจียังมีชีวิตอยู่ เธออยู่ในสภาพที่แย่มาก แต่สิ่งสำคัญคือเธอยังมีชีวิตอยู่
ดูเหมือนว่าเธอจะแค่หมดสติไป
เบซองมินตัวสั่นเทิ้มเมื่อเห็นเบซูจี ถ้าเขามีดวงตาดั่งเช่นมนุษย์ คงเห็นแววตาที่สั่นไหวระเรื่อไปแล้ว
เบซองมินดึงสายตาไปยังเอนโรธอีกครั้ง
และพูดด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“ ฉันแค่มาที่นี่…เพราะไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียใจ”