The King of the Battlefield - ตอนที่ 231
ตอนที่ 231: คุณจะให้อะไรผม (1)
มันเป็นเช้าวันที่สดใส
แต่มูยองยังนอนนิ่งเหมือนศพ
เขาลองท่องบทสวดทั้งสี่เพื่อดูขีดจำกัดของตัวเอง และผลที่ออกมาทั้งหมดคือ 2 รอบ
หลังจากนั้นเขาก็หมดเรี่ยวแรงกระทั่งนิ้วยังยกไม่ได้ ยังไงก็ตามจิตสำนึกกลับชัดเจนแจ่มแจ้งมากขึ้น
อัลโนวาเป็นพลังที่ควบคุมการไหลเวียน
และนั้นทำให้เขาได้รับข้อมูลจำนวนมาก
เขาสามารถควบคุมการไหลเวียนของตัวเองด้วยอัลโนวา การไหลเวียนนั้นเป็นพลังของเหล่าเทพ และยิ่งเขาใช้มันมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขาเข้าใกล้ความเป็นเทพเจ้าที่แท้จริงเท่านั้น
ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ หากสามารถจัดการพลังนี้ได้อย่างอิสระ
ยังไงก็ตามการเข้าใกล้ความเป็นพระเจ้ามากยิ่งขึ้นก็เหมือนกับการลบตัวตนเดิมของตัวเองทิ้ง เพราะอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดจะหายไป
ดังนั้นมูยองจึงไม่อยากเป็นเทพเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเหตุผลที่เขาต้องรักษาสมดุลเอาไว้
และเขาสามารถรักษาสมดุล โดยการเพิ่มพลังของปีศาจเข้าไปผ่านการกลืนกินพวกมัน สิ่งเดียวที่สามารถคานพลังของเทพได้ก็คือเทพด้วยกันเอง
7 วันผ่านไปกว่ามูยองจะลุกจากเตียง
“ปา?”
คนแรกที่ไปหาเขาคือสโนว์
หญิงสาวที่ตอนนี้มีสติของเด็กเนื่องจากผ่านเหตุการณ์ยากลำบากหลายอย่าง เธอติดมูยองมาก พลังของเธอคือการกลืน ‘มังกร’
และผู้ที่อยู่ข้างๆเธอก็คือไฮเอลฟ์ที่ชื่อจิน
“ ท่านตื่นแล้ว”
“ เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า ข้าแค่ตามสโนว์มาเท่านั้น…“
มูยองยักไหล่และยืนขึ้น
สโนว์ซุกใบหน้าของเธอกับด้านข้างมูยองพลางยิ้มแย้ม
มูยองเก็บที่นอนก่อนจะยืนขึ้น
เขารู้สึกถึงทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวใกล้ๆ
ดูเหมือนว่าทุกคนดูยุ่งๆหลังจากสงครามสิ้นสุดลง
ในขณะนั้นจินก็สงสัยว่าทำไมมูยองถึงไม่ถามอะไรบ้างเลย
“ ท่านจะไม่ถามอะไรสักหน่อยหรือ?”
“แล้วฉันจะต้องถามเรื่องอะไรล่ะ?”
“ ก็เช่นสถานการณ์ในอาณาเขตไง? ท่านหลับไปตั้ง 7 วันนะ”
“ ฉันรู้เรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว ”
มูยองถอดเสื้อคลุมสีขาวที่เขาใส่
จินหันหน้าหนี ทว่ามูยองไม่สนใจและเปลี่ยนเป็นชุดเกราะต่อไป
“ปา!”
สโนว์พยายามปีนขึ้นไปบนตัวเขา มูยองจึงคว้าคอเธอจากด้านหลังเอาไว้ก่อนจะโยนไปที่เตียง
ยังไงก็ตามสโนว์หัวเราะอย่างสนุกสนาน แต่มูยองไม่สนใจและออกจากห้องไป
หลังจากนั้นมูยองก็เห็น
“ทาร์แคน”
ทาร์แคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูมาหลายวันแล้ว
เขาถือผ้าผืนหนึ่งที่บรรจุของบางอย่าง
ทันทีที่มูยองออกไป ทาร์แคนก็แกะผ้าออก
“ ข้าได้รับภาชนะแห่งชีวิต ถ้าเป็นเจ้าน่าจะสามารถกู้คืนมันได้”
หินอ่อนที่มีแสงสีม่วงล้อมรอบขนาดเท่าศีรษะ
นี่คือ ‘ภาชะแห่งชีวิต’
วัตถุที่ลิชใช้เก็บรักษาพลังชีวิตของตนไว้
ชีวิตของเบซองมินอยู่ในหินอ่อนก้อนนี้
ลิชจะไม่ตายหากยังมีภาชนะแห่งชีวิต
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้หากกายเนื้อถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
“ เบซองมินเป็นเอลเดอร์ลิช ฉันไม่สามารถคืนชีพเขาด้วยส่วนผสมปกติ”
“ บอกสิ่งที่เจ้าต้องการ ข้าจะไปหาพวกมันเอง”
มูยองมองที่ทาร์แคนราวกับไม่คาดคิด
พวกเขาสนิทกันแบบนี้เสมอเหรอ?
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเริ่มสนิทตั้งแต่ผ่านหลายสิ่งมาด้วยกัน
นั่นถือว่าเป็นเรื่องดี มูยองจึงบอกสิ่งที่ต้องการด้วยคำตอบง่ายๆ
“ กระดูกของนาย”
“ กระดูกของข้า…….?”
ทาร์แคนตกใจไปครู่หนึ่งสำหรับคำตอนที่น่าขนลุกดังกล่าว เนื่องจากเป็นกระดูกของเขาเองที่สามารถฟื้นคืนชีพเบซองมินได้
ยังไงก็ตาม มันมีเหตุผลว่าทำไมมันต้องเป็นกระดูกของทาร์แคน
“ กระดูกของพวกนายมีความคล้ายคลึงกันมาก นอกจากนั้นต้องใช้ร่างของราชาแห่งความตายเพราะเขาก็เป็นเอลเดอร์ลิชเหมือนกัน”
ตัวตนของสี่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดไม่รวมเทพปีศาจ
หนึ่งในนั้นคือราชาแห่งความตาย ราชาแห่งความตายก็เป็นเอลเดอร์ลิชเหมือนเบซองมิน ดังนั้นจึงง่ายต่อการฟื้นคืนชีพเขาด้วยการใช้ร่างกายนั้น
แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
เขาปล่อยให้ทาร์แคนเฝ้าอาณาเขตเองตามลำพังไม่ได้ และหากมูยองไปที่นั่นแผนของเขาก็จะผิดเพี้ยนไป
‘ฉันต้องไปหาเกรโมรี่ก่อน’
เทพปีศาจ เกรโมรี่!
เธอขอให้มูยองรวบรวมชิ้นส่วนของรอยแยกสามชิ้น เพราะมีชิ้นส่วนของรอยแยกถึงสามชิ้นในไม้เท้าของเอนโรธแ มูยองจึงได้ครบหมดแล้ว และตอนนี้ชิ้นส่วนทั้งหมดที่มูยองมีอยู่ก็คือ 4 ชิ้น
ถึงเวลาที่จะก้าวเข้าไปในสมรภูมิของพวกเทพปีศาจสักที
ปีศาจอย่างอามอนคงตระหนักได้ถึงความโชคร้ายของเอนโรธแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงสำคัญที่เวลา หากยังล่าช้ามูยองอาจจะเป็นคนโชคร้ายคนต่อไป
ทาร์แคนกำหมัดและพยักหน้า
“เยี่ยม งั้นเอากระดูกของข้าไปได้เลย..ชุบชีวิตเจ้านั้นขึ้นมา”
“ แค่ถ้านายทำอย่างนั้นอาจต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการสร้างกระดูกใหม่”
“ มันไม่สำคัญเท่าชีวิตของเอลเดอร์ลิชหรอก”
กระดูกของทาร์แคนสามารถงอกใหม่ได้ ปัญหาคือว่ามันใช้เวลานาน แต่ทาร์แคนไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
“ตามฉันมา”
ทาร์แคนเดินตามมูยองขณะถือภาชนะแห่งชีวิตของเบซองมินไว้
ภายในพื้นที่ใต้ดินที่ทั้งลึก และมืดสลัว มูยองเริ่มทำงานทันที
การฟื้นฟูร่างกายของเบซองมินนั้นไม่ยาก ขอแค่มีส่วนผสมเท่านั้น
แต่มีประเด็นที่เขาต้องคิด
เขาจะสร้างทุกอย่างเหมือนเดิม หรือเขาจะเสี่ยงเพิ่มอะไรบางอย่างไปดีไหม?
การควบคุมเวทย์มนตร์ของเบซองมินอยู่ในอันดับต้นๆ มันสูงยิ่งกว่าของมูยองอีก
อย่างไรก็ตามร่างกายของซองมินไม่อาจแบกรับพลังได้ แม้ว่าเขาจะกลายเป็นเอลเดอร์ลิช แต่รากฐานของเขาก็ยังเป็น ‘มนุษย์’
การใช้กระดูกของทาร์แคนเป็นวัตถุดิบคงดีขึ้นแค่นิดหน่อยเท่านั้น
‘มันยังไม่พอ’
มูยองก้มลงมองดูร่างของตัวเอง
‘ผิวของผู้อมตะแพร่กระจายไปทั่วร่างของฉัน’
ผิวของผู้อมตะได้สร้างผิวหนังและร่างกายของมูยองขึ้นใหม่
ตอนนี้ร่างกายปัจจุบันของมูยองนั้นไม่ต่างกับยาวิเศษที่มีค่าที่สุดในโลก
ไม่ว่าจะเป็นกระดูกของมังกร? หรือหัวใจของนกฟีนิกซ์?
ส่วนผสมชั้นยอดเหล่านั้นยังมีคุณค่าต่ำกว่าร่างกายของมูยองเสียอีก
คิดได้ดังนั้น มูยองจึงตัดผิวและเลือดของเขาเทลงไปผสมกับกระดูกของทาร์แคน
นอกจากนั้นมูยองยังผสมผมและเล็บของตัวเองลงไปเพิ่มด้วย
โครงร่างของซองมินถูกก่อขึ้น และปกคลุมด้วยเวท
ยังไม่หมดแค่นั้น
‘ชิ้นส่วนของรอยแยก’
ภารกิจของเขาคือรวบรวม 3 ชิ้น แต่ตอนนี้เขามีถึง 4 ชิ้น
เหลืออีกชิ้นหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะฝังมันลงไปในร่างของเบซองมินในตำแหน่งหัวใจ
ถึงจะดูแปลกๆ แต่ชิ้นส่วนของรอยแยกสามารถเพิ่มขีดจำกัดให้การเพิ่มพลังเวทได้
มีความเป็นไปได้ที่ชิ้นส่วนของรอยแยกจะระเบิด แต่มันก็มีคุณสมบัติที่จะทำให้เวทมนตร์มั่นคง มันเป็นการเดิมพันชนิดหนึ่ง
ถึงจะเป็นไม้เท้าที่มาจาก ‘อามอน’ ก็ตาม แต่ขนาดเอนโรธยังฝังมันไว้ได้อย่างปลอดภัยเลย แล้วทำไมมูยองถึงจะทำไม่ได้
‘ศิลปะแห่งความตาย’
มูยองสร้างจินตนาการขึ้นมาใหม่
เขาจะฟื้นคืนชีพเบซองมินในร่างกายที่มั่นคงยิ่งขึ้นและมีศิลปะมากขึ้น
<เดธลอร์ดส่ายหัว>
<เขาตระหนักถึงผู้ใช้ ‘มูยอง’ และตัดสินว่าไม่มีความหมายที่จะต้องจับตามองอีกต่อไป>
<สำหรับผู้ที่ได้รับความเป็นอมตะ เดธลอร์ดจะมอบพรสุดท้ายให้กับผู้ที่สร้างเส้นทางของตนขึ้นมาได้>
<อันดับของ ‘ศิลปะแห่งความตาย’ กลายเป็นระดับ ‘EX’ และเพิ่มความสามารถพิเศษขึ้น>
<ความสามารถ’การให้สิทธิ์’ ถูกเปิด เพื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของผู้ใช้มูยอง สิ่งนี้จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเมื่อใช้ทักษะ ‘ศิลปะแห่งความตาย’ และจะไม่มีคำอธิบายใดๆในความสามารถพิเศษเหล่านั้น มีเพียงผู้ใช้ ‘มูยอง’ เท่านั้นที่สามารถค้นหาและพัฒนาความสามารถของมันได้>
<ราชาลิช ‘เบซองมิน’ ถูกสร้างขึ้นใหม่เป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น>
<‘ให้สิทธิ์ ???’ เสร็จสิ้นแล้ว>
ชื่อ: เบซองมิน
เลเวล: 645
ประเภท: เอลเดอร์ลิช (ลิชคิง)
พละกำลัง 550 ความว่องไว 540 ความอดทน 350
ความฉลาด 700 สติปัญญา 700 ต้านทานเวท 660
ความยุ่งเหยิง 700 พลังเวท 580
+ สามารถใช้ประโยชน์จากทักษะเนโครแมนเซอร์ได้ทั้งหมด (SS Rank)
+ เนื่องจาก ‘สายเลือดแห่งแสง’ ทักษะนักบุญสามารถใช้ได้ (อันดับ S)
+ เนื่องจากชิ้นส่วนของรอยแยก สร้างความมั่นคงให้กับการเพิ่มพลังเวท (สูงสุด 1.3 เท่า)
+ สามารถใช้ ‘สามประตู’ ได้
+ สามารถอัญเชิญ ‘แม่มดเบียทริซ’ ได้
+ ด้วยค่าความฉลาด เขาจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เห็น
+ ได้รับภูมิปัญญาของ ‘จอมเวท’
+ มีศักยภาพที่สามารถพัฒนาได้ไม่มีที่สิ้นสุด
+ พันธนาการอันแข็งแกร่ง (มูยอง, ทาร์แคน, เบซูจี)
เขาเปลี่ยนไป
แค่ดูค่าสเตตัส คุณก็สามารถบอกได้เลยว่าเป็นตัวตนที่พิเศษ
ตัวเลขที่มากกว่าแม้แต่ปีศาจอย่างชาร์-ซาซ่า
ถึงไม่ดีเท่ากับเอนโรธ แต่เขาก็ได้รับสิ่งอื่นๆมากกว่า ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว
‘โดดเด่น’ร่างที่เขาสร้างขึ้นเหมือนกับปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง
‘สิทธิ์ … ฉันให้อะไรไป?’
แม้แต่มูยองก็ได้รับการเพิ่มระดับ
เนื่องจากเดธลอร์ดยอมแพ้ต่อการประเมินศักยภาพมูยอง และยอมรับตัวตนพิเศษของเขา
ด้วยเหตุนี้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์จึงถูกเปิดใช้งาน มันเป็นพลังในการ ‘ให้สิทธิ์’ แก่ผู้อื่น ทว่ามูยองก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าเขาสามารถให้สิทธิ์อะไรได้
อย่างไรก็ตามมูยองยังคงพึงพอใจ
และตอนนี้เขาควรให้ความสนใจกับเบซองมินที่เสร็จสมบูรณ์มากกว่า
อย่างแรกเบซองมินสามารถขยายพลังเวทได้อย่างมั่นคงเหมือนที่มูยองคิด และดูเหมือนว่าจำนวนทักษะของเนโครแมนเซอร์ที่เขาสามารถใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้เขายังได้รับภูมิปัญญาของ ‘จอมเวท’ หมายความว่าความเร็วในการเรียนรู้ทักษะจะต้องเพิ่มขึ้น
ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อเปรียบเทียบกับทักษะการเรียนรู้สิ่งที่เห็นของทาร์แคนอันไหนจะดีกว่ากัน
‘พันธนาการอันแข็งแกร่ง?’
มูยองไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่คงไม่มีอะไรแย่หากยังมีชื่อของเขาอยู่ในนั้น
อาจเพราะมีกระดูกของทาร์แคน เลือดของมูยอง และอื่นๆผสมอยู่เหรอ?
หลังจากนั้นไม่นาน เบซองมินก็ยืนขึ้นพร้อมกับร่างใหม่โดยที่ภายนอกยังเหมือนเดิม
“ ขอบคุณเจ้านาย”
เบซองมินประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง และโค้งคำนับอย่างลึกซึ้งต่อมูยอง
“ ผมรู้สึกได้ถึงพลังที่เอ่อล้น”
“ นายแข็งแกร่งขึ้น”
“ ถ้าสู้กับเอนโรธตอนนี้ ผมรู้สึกได้เลยว่าคงไม่แพ้ง่ายๆอีก”
มูยองยิ้ม
แม้แต่เอนโรธก็เป็นอันเดธแล้วตอนนี้
มูยองควรให้พวกเขาสู้กันเพื่อดูว่าใครแข็งแกร่งหรือไม่
ในขณะเดียวกัน เบซองมินจ้องไปที่มูยอง
“ เจ้านาย…เด็กคนนั้นสบายดีไหม”
“ นายหมายถึงซูจีเหรอ?”
“ครับ”
เบซองมินทำลายตัวเองเพื่อช่วยซูจี เห็นได้ชัดว่าเขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง
“ เธอยังมีชีวิตอยู่”
“ เป็นยังงั้นสินะ”
“ แต่เธอไม่สามารถตื่นได้”
“…… .”
เบซองมินสั่นคลอนอยู่ครู่หนึ่ง
มูยองพูดต่อไป
“ มันยากที่จะเข้าใจ แม้ว่าร่างกายของเธอจะปลอดภัย แต่เธอกลับไม่ยอมตื่นจากการหมดสติ ”
“ผมจะไปดูเธอหน่อย”
“ ทำตามที่นายต้องการเถอะ”
ขณะที่ซองมินกำลังจะไป เขาก็เห็นซากกระดูกที่กระจัดกระจาย
“นั่นคือ..?
“ ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
ทาร์แคนคงเขิน และไม่อยากให้ซองมินรู้
และมูยองก็ไม่อยากฟังทาร์แคนบ่นด้วย
“…ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ผมจะติดตามคุณไปตลอดชีวิต “
เบซองมินออกจากชั้นใต้ดินอย่างรีบร้อน
มันเกี่ยวข้องกับเบซูจี ดังนั้นมูยองจึงปล่อยให้เขาไป
แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ
“ ทาร์แคน …การกู้คืนนายคงไม่ง่าย”
เขาเพลินกับการคืนชีพเบซองมินจนใช้กระดูกของทาร์แคนมากเกินไป
ผลที่ตามมาก็คือ ทาร์แคนเหลือแต่ซากเท่านั้น
นี่มันยิ่งกว่าการฟื้นฟูธรรมดาจะทำได้
มูยองมองดูตัวเอง
‘ซี่โครงน่าจะใช้ได้’