The King of the Battlefield - ตอนที่ 235
ตอนที่ 235: แล้วเจ้าจะให้อะไรข้า (จบ)
มูยองรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
มีบางอย่างแทรกแซง และพยายามจะช่วงชิงจิตวิญญาณของเขาออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับประสบการณ์เช่นนี้ หากระดับพลังของมูยองอยู่ต่ำกว่าปัจจุบันแม้เพียงเล็กน้อย เขาคงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว
‘ครั้งแรกเลยที่เจอนักเวทที่มีทักษะแบบนี้’
พลังดังกล่าวไม่ใช่พลังเทวะที่มาจากเทพเจ้า มันเป็นพลังของนักเวทที่มีฝีมือไปจนถึงจุดสูงสุดเท่านั้น ผู้ที่ก้ามผ่านพลังไปจนถึงจุดที่สามารถสร้างวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์เทียมได้ และผู้ที่มีทักษะของนักเวทดังกล่าว ต้องเป็นผู้นำของดาร์คเอลฟ์
มันเป็นไปได้อย่างมากที่นักเวทคนนี้จะเป็นดันดาเลี่ยน ไม่มีทางที่นักเวทระดับนี้จะปรากฏตัวออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
มูยองมองไปที่ทางเข้าเมือง ไม่มีอะไรขวางกั้นนอกจากบาร์เรียอันหนึ่ง มันน่าจะเป็นการป้องกันสุดท้ายของเมือง
‘แข็งแกร่งทีเดียว’
บาร์เรียดังกล่าวดูไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำลายได้ในทันที มูยองคิดว่าคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามคืนในการกำจัดบาร์เรียนี้ ไม่ว่าจะใช้ความแข็งแกร่งขนาดไหนไปทำลายมัน ดังนั้นมูยองจึงตั้งใจเดินเข้าไปในบาร์เรียตรงๆ การจะทำแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของคนๆนั้นๆด้วย
“รอที่นี่”
“กระผมขอตามนายท่านไปดีกว่า”
แล้วเบซองมินก็ติดตามมูยองไป
มูยองไม่ได้หยุดเขา ระดับอย่างเบซองมินคงไม่ยากที่จะผ่านบาร์เรียไปได้
จากนั้นพลังโจมตีจากบาร์เรียก็โจมตีใส่พวกเขาเหมือนฝูงผึ้ง
วิ้ง!
อย่างไรก็ตาม ทิวทัศน์เปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาก้าวผ่านบาร์เรียไปแล้ว
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอาคารสูงและรูปปั้นหินขนาดใหญ่ นอกจากนี้เหล่าดาร์คเอลฟ์พร้อมด้วยอาวุธครบมือก็ล้อมอยู่รอบๆมูยองและเบซองมิน
“ เป็นการต้อนรับที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
ยังไงก็ตามเหล่าดาร์คเอลฟ์ไม่ได้หุนหันเข้ามาโจมตี อาจเป็นเพราะพวกมันจำการทำลายล้างบนภูเขาได้ หรือไม่ก็พวกมันมัวจ้องปีกทั้งหกของมูยองอยู่
ส่วนมูยองเขาไม่ได้แม้แต่เหลือบสายตาไปทางเหล่าดาร์คเอลฟ์ มีเพียงจุดเดียวที่มูยองจับตามอง ชายสวมหน้ากากแพะที่กำลังมองพวกเขาจากยอดอาคารที่สูงที่สุด!
“ จัดการพวกรอบๆนี่ที”
“ขอรับ”
เบซองมินชูคฑาขึ้นเตรียมรบ
พรึ่บ! มูยองสยายปีก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น
ฟูม! ปีกทั้งหกข้างลุกโหมไปด้วยเปลวเพลิง ก่อนที่เขาจะบินพุ่งขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว
ชายสวมหน้ากากแพะยืนอยู่ที่นั่น
มูยองรู้สึกถึงทุกอย่างทันทีเห็นมัน ไม่ว่าจะเป็นพลังเทวะเทียม ความศรัทธา ความวุ่นวาย สิ่งเหล่านั้นต่างผสมปนเปกันอยู่
“ผู้ที่สามารถต่อกรกับพลังแห่งเทพได้อย่างทัดเทียม เจ้าคือใครกันแน่? !”
มันเป็นการเล่นละครตบตาที่น่าประทับใจ ไม่สิเป็นการแสดงที่น่าประทับใจมากกว่า ความตั้งใจแสดงในบทบาทจนกระทั่งลืมเลือนตนเอง ยังไงก็ตามมันไม่สามารถหลอกตามูยองได้
คนแรกก็เมอร์ดูดัน เขาถูกดันดาเลี่ยนหลอกจนสูญเสียร่างไป หลังจากนั้นมูยองก็ได้เจอกับอีกหลายการกระทำของดันดาเลี่ยน และทุกคนที่ถูกมันหลอกก็จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
ทว่ามูยองแตกต่างจากคนเหล่านั้น
“หยุดเล่นละครได้แล้วดันดาเลี่ยน”
มูยองรู้ว่าสิ่งมีชีวิตในร่างปลอมๆนั้นคือดันดาเลี่ยน ตอนแรกมูยองคิดว่าหากหามันไม่เจอเขาจะสังหารสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในบริเวณรอบๆเพือค้นหามัน ทว่าโชคดีที่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
“ แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเจ้ากำลังพยายามทำให้ข้าสับสนงั้นหรือ”
คำพูดไม่ได้ผลเพราะอาซูลได้กล่าวเอาไว้ว่า มันจะเผยร่างจริงก็ต่อเมื่อถูกสังหารเท่านั้น ถ้ามูยองฉีกหน้ากากของมันออก ดันดาเลี่ยนก็จะปรากฏตัว!
สวูม
มูยองดึงความโกรธเกรี้ยวออกมา
หากคำพูดไม่ได้ผล เขาก็คงต้องแสดงให้มันเห็นด้วยการกระทำเท่านั้น
มูยองเองก็ไม่ได้เป็นคนใจกว้างตั้งแต่แรก เขาเย็นชาพอที่สามารถทำอะไรก็ได้หากมีความต้องการ ความจริงข้อนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แม้ว่าเขาจะได้รับทักษะ ‘เห็นทุกข์สุขของสรรพสิ่ง’ ก็ตาม
“ ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้แด่เทพเจ้า”
กล่าวจบชายสวมหน้ากากแพะก็คว้ากริชแทงเข้าที่ลำคอของตนเอง
ฉูด! เลือดไหลเจิ่งนองลงที่พื้นก่อนจะค่อยๆกลายเป็นสัญลักษณ์เวทที่พื้น
เลือดดังกล่าวปลดปล่อยพลังเทวะออกมา จากนั้นรอบๆก็เกิดการสั่นสะเทือน พลังของมันถือว่าอยู่ในระดับเดียวกับวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
‘เวทสังเวย’
มูยองตระหนักถึงเวทมนตร์ที่ชายสวมหน้ากากแพะใช้ มันไม่ใช่พลังเทวะจริงๆ นี่เป็นแค่การบีบเวทมนตร์ที่มีความบริสุทธิ์สูงออกมา เพื่อเลียนแบบพลังเทวะ
“ นายกำลังอธิษฐานไปที่เทพตนไหนกัน?”
“ แน่นอนว่านั่นคือเทพประจำเผ่าดาร์คเอลฟ์ของเรา!”
“ ไม่ใช่เทพดันดาเลี่ยนหรอกเหรอ?”
มูยองยิ้มเยาะ
ปีศาจไม่ใช่ตันตนที่น่าเคารพนับถือ จริงๆคำว่าเทพไม่เหมาะสมกับพวกมัน เพราะพวกมันไม่ได้อยู่ในการ ‘วัฏจักร’ ทุกสิ่งในโลกทั้งหมดล้วนเวียนว่ายอยู่ใน ‘วัฐจักร’ การไม่อยู่ในวัฏจักรนั้น หมายความว่าตัวตนนั้นไม่ได้อยู่ร่วมกับโลก
จากนั้น หอกสีแดงเข้มก็ออกมาจากวงเวทที่ชายหน้ากากแพะสร้างขึ้น
“ ไม่มีสิ่งใดที่หอกนี้แทงทะลุไม่ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเทพเจ้า”
“น่าประทับใจ”
มูยองร้องอุทานออกมาง่ายๆ
แม้ว่าวัตถุโบราณศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้จะถูกสร้างขึ้นมาอย่างรีบเร่งก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าอย่างน้อยมันก็สามารถกลายเป็นอาวุธที่ดีได้
ในเวลาเดียวกันเขาก็งอกจากหน้าผากของมูยอง
ชายหน้ากากแพะจะสามารถแทงมูยองได้แม้ในโลกที่ช้าลงหรือไม่? ดูเหมือนว่าชายสวมหน้ากากแพะจะสับสนเล็กน้อย เมื่อเจอกับการเคลื่อนไหวฉับพลันของมูยอง และสุดท้ายดาบของมูยองก็ไปถึงหน้าผากของมันก่อนที่จะทันได้ตอบสนอง
ฉัวะ!
มันเป็นแผลที่ปราณีต หน้าผากถูกเปิดออก และสมองก็ไหลทะลักออกมา
การต่อสู้ระยะประชิดเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับนักเวท การไม่สามารถกำจัดมูยองก่อนที่เขาจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรจากความพ่ายแพ้ที่ถูกกำหนดไว้แล้ว
‘น่าประทับใจ’
ดูเหมือนคำพูดของชายหน้ากากแพะก็ไม่ผิดเช่นกัน ถึงจะพลาดวัตถุประสงค์ แต่หอกก็แทงเข้าไปที่หน้าอกของมูยอง
มีเวทมนตร์จารึกอยู่ในตัวหอก มันพุ่งเข้าหามูยองโดยอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่ผู้ใช้สกิลนี้ตายก่อนที่หอกจะพุ่งเข้าไปที่หัวใจของเขา
ยังไงก็ตามร่างกายของมูยองที่ได้รับผิวหนังของผู้อมตะนั้นแข็งแกร่งมาก คมหอกเจาะเข้าร่างของเขาได้เพียงครึ่งเดียวแล้วก็หยุดชะงักลง ถึงชายหน้ากากแพะไม่ตาย มูยองก็ไม่เป็นอะไรอยู่ดี
ตุบ!
ศพของชายคนนั้นล้มลงกับพื้น
ท่าทางของมูยองขึงขังขึ้น
‘เขาไม่ใช่ดันดาเลี่ยน?’
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หากคำพูดของอาซูลเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงควรจะเกิดขึ้นทันทีที่ร่างกายนี้กลายเป็นศพ
มูยองรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงออร่าปีศาจที่อยู่หลังหน้ากากแพะ แต่ถ้าไม่ใช่ชายคนนี้ งั้นใครล่ะ?
ซูววว
ศพของชายสวมหน้ากากแพะกลายเป็นฝุ่นและปลิวไป
เห็นดังนั้นมูยองก็คิดอะไรบางอย่างออก
‘มันเพิ่งจะย้ายร่างไป’
มูยองพยักหน้าให้กับความคิดตัวเอง
วิญญาณได้ย้ายไปอีกร่างหนึ่ง ในขณะที่ร่างเดิมตาย แต่มันคงไปไหนได้ไม่ไกล
มูยองมองไปที่บริวเณใต้หอคอย
เบซองมินอัญเชิญมอนสเตอร์ต่างๆออกมาสู้กับพวกดาร์คเอลฟ์ แน่น่อนว่ามันจะต้องเป็นหนึ่งในดาร์คเอลฟ์เหล่านั้น
แต่กลิ่นของพวกมันสับสนปนเปกันมาก ทำให้แม้แต่มูยองก็ไม่สามารถแยกแยะว่าใครเป็นใครได้
ชิ! มูยองรู้สึกหงุดหงิด
เป้าหมายของเขาคือจัดการสิ่งต่างๆให้เร็วที่สุด
เขาควรจะฆ่าทุกคนหรือไม่? แต่ไม่จำเป็นต้องทำอะไรยุ่งยากแบบนั้น
ท่ามกลางพลังที่มูยองครอบครอง เขามีสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้ธรรมชาติของทุกสิ่งเด่นชัดขึ้น
เรียลลิตี้มาเบิ้ล ความรกร้างอันว้างเปล่า!
‘ความรกร้างว่างเปล่า’
เขาเปิดใช้งานเรียลลิตี้มาเบิ้ลครอบคลุมพื้นที่ขนาดกว้าง กว้างเสียจนซ้อนทับกับบาร์เรียของเมืองๆนี้
นี่เป็นสิ่งที่มีแต่มูยองเท่านั้นสามารถทำได้ ในไม่ช้าอาคารขนาดใหญ่ทั้งหมดก็หายไป และสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นซากปรักหักพัง
บางอย่างในนั้นกลายเป็นขนาดเล็กลง บางอย่างก็กลายเป็นขยายใหญ่ขึ้น บางอย่างยังกลายเป็นสว่างไสว และบางอย่างก็กระทั่งกลายเป็นดวงดาว แต่มีอยู่อย่างหนึ่งในนั้นที่ดึงดูดความสนใจของมูยองเป็นพิเศษ
แพะดำตัวหนึ่งที่เดินด้วยสองเท้า!
ดูเหมือนกันกำลังงงๆและกำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ราวกับว่าไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกเปิดเผย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง การต่อสู้ของเวซองมินก็สิ้นสุดลงพอดี
เหล่าดาร์คเอลฟ์ต่างพากันสับสนสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พวกมันกำลังสำรวจสภาพแวดล้อมของตัวเอง และแพะดำก็กลายนเป็นสิ่งที่น่าจับตามองที่สุด
“ นั่นคือร่างจริงของ ‘เทพเจ้า’ ที่พวกนายรับใช้”
มูยองสยายปีกบินเข้าไปหาดันดาเลี่ยน
“เทพเจ้า…”
“ นั่นหรือคือรูปลักษณ์ ‘เทพเจ้า’ ของเรา? ”
พวกดาร์คเอลฟ์ต่างตะลึงงัน
ถึงจะมองออกว่ามันเป็นแพะตัวสีดำ แต่จริงๆแล้วควรบอกว่ามันคือตัวประหลาดมากกว่า
มันมีตาสามดวง ปากสองปาก โดยที่มีร่างกายครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิง และอีกครึ่งหนึ่งเป็นผู้ชาย
ถ้ายังบอกว่าไม่แปลก ก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว?
จากนั้นแพะดำดันดาเลี่ยนก็มองไปที่มูยอง
“ มีวิธีนี้เช่นนี้ด้วยสินะ”
มันแสดงความสนใจ ดันดาเลี่ยนพูดด้วยโทนเสียงปกติที่ฟังดูกระชับ
ดูเหมือนว่ามันจะคาดไม่ถึง ใครจะคิดว่ามีคนที่สามารถหาตามปีศาจผู้ซึ่งซ่อนตัวได้?
ดันดาเลี่ยน กล่าว
“ เจ้าเป็น…ตัวตนที่น่าสนุกจริงๆ ข้าเหมือนจะเคยเห็นพลังเทวะของเจ้าจากบางแห่ง แต่ก็มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ ยังไงก็ตามข้าแน่ใจว่าพลังครึ่งหนึ่งนั้นเป็นของลูซิเฟอร์เทวฑูตตกสวรรค์ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของใครกันนะ?”
ไม่แปลกสำหรับเจ้าแห่งการโกหกที่จะมีสายตาทะลุปรุโปร่งกว่าผู้ใด เนื่องจากไม่มีใครเคยเห็นพลังของลูซิเฟอร์จวบจนถึงปัจจุบันนี้
สมแล้วที่เป็นถึงเทพปีศาจ และมูยองทำได้แค่กังวลใจเท่านั้น
แค่มองมันก็รู้ความลับของมูยองแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นปล่อยให้มันผ่อนคลายกว่านี้แล้วคงรู้ใส้รู้พุงทุกอย่างแน่
จากนั้นเขาก็จะสูญเสียร่างกาย รวมถึงวิญญาณของตน
“ นายอยากรู้เหรอ?”
“ก็ไม่มากนัก”
มันไม่ติดกับง่ายๆ เพราะดันดาเลี่ยนไม่จำเป็นต้องขอความจริงจากมูยอง มันสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการผ่านการโกหกได้เอง
มูยองไม่ได้วางแผนที่จะพูดคุยอีกต่อไป หากมันปฏิเสธเขาจะใช้กำลังแล้ว
เทพปีศาจแห่งการโกหก ถ้ามันอยู่คนเดียวโอกาสชนะก็ไม่ใช่ศูนย์
มูยองกำดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวแน่นก่อนจะพูด
“ มอบปัจจัยในการทำลายเทพปีศาจทั้งหมดที่นายรู้มาให้ฉัน”
มันคือปัจจัยการดับสูญ เงื่อนไขในการทำให้เทพปีศาจสูญพันธุ์ ข้อมูลที่จำเป็นในการฆ่าพวกมัน!
ข้อมูลที่มูยองมีนั้นเป็นเพียงขั้นต่ำสุด เนื่องจากในชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามระหว่างเทพปีศาจ
ดันดาเลี่ยนมองมูยองด้วยดวงตาทั้งสามดวง มันไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจใดๆ แต่กลับค่อนข้างสนใจมูยองมากกว่า