The King of the Battlefield - ตอนที่ 237
บทที่ 237:ดันดาเลี่ยน(สิ้นสุด)
มูยองตระหนักดีถึงความสับสนที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขารู้สึก
แต่มูยองก็ปล่อยให้พวกเขาคิดอย่างนั้น เนื่องจากการแก้ตัวคงไม่มีประโยชน์เท่าไหร่และอาจทำให้สับสนยิ่งขึ้น เพราะดันดาเลี่ยนเป็นตัวตนที่สร้างความสับสนให้ผู้อื่นเก่ง
แม้จิตวิญญาณของเขาจะหายไปก็ตาม แต่มูยองยังคงเชื่อมต่อกับดันดาเลี่ยน มูยองตัดสินใจที่จะรอจังหวะมากกว่า
‘แรงกดดันจากเทพปีศาจดูแข็งแกร่งขึ้น’
ตอนนี้มูยองเข้าใกล้ ‘รอยแยก’ ที่เกรโมรี่อาศัยอยู่แล้วจากการนำทางของดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว
ยังไงก็ตามออร่าของเทพปีศาจก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าใกล้รอยแยก
นั่นจะใช่เกรโมรี่รึเปล่า? ถ้าพลังที่ทะลักออกมาจากรอยแยกเป็นของเกรโมรี่ก็คงไม่เป็นไร
‘มันไม่ใช่เกรโมรี่’
มูยองส่ายหัว
เกรโมรี่ไม่เคยปล่อยออร่าที่ทำให้รู้สึกถึงการคุกคามเช่นนี้ และสถานที่ที่ออร่าอันน่าอึดอัดถูกปล่อยมาก็ไม่น่าจะอยู่ที่รอยแยก
“ จัดหน่วยรบเคลื่อนที่เร็วออกไปตรวจสอบพื้นที่รอบๆ และให้ทุกคนซ่อนตัวเอาไว้ ”
มูยองต้องคำนึงถึงความน่าจะเป็นที่เกรโมรี่อาจเสียท่าไปแล้ว และสั่งให้ทุกคนซ่อนตัว
หากออร่าที่ถูกปล่อยออกมาเป็นของเทพปีศาจที่สังหารเกรโมรี่และฝ่ายปฏิปักษ์ มูยองจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากขึ้น
แน่นอนว่ามูยองสามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเห็นตัว แต่ฝ่ายนั้นก็ย่อมสัมผัสถึงมูยองได้เช่นกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่เขาส่งหน่วยสอดแนมออกไปเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมจากจุดที่อีกฝ่ายไม่สามารถหาเขาเจอ
คุณอาจคิดว่านั่นอาจเป็นเทพปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์ก็ได้ แต่พวกเขาจะปล่อยออร่ามุ่งร้ายออกมาเช่นนี้หรือไม่?
และผู้ที่เล็งเป้าไปที่เกรโมรี่แน่นอนว่าต้องมาจากฝ่ายสนับสนุน พวกมันจ้องกำจัดเผ่าพันธุ์ทั้งหมดที่ขัดขวางตนอยู่แล้ว
หลังจากรอประมาณครึ่งวัน ทาร์แคนและหน่วยสอดแนมก็กลับมา
พวกเขาจับปีศาจกลับมาด้วย
ร่างกายของมันมอมแมม ใบหน้าบูดเบี้ยว แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงพลังเวทมนตร์ที่แข็งแกร่ง
“ บ้าไปแล้ว”
เมื่ออาซูลเห็นปีศาจตนนั้นก็สบถออกมาขณะที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
ทาร์แคนเดินเข้าไปรายงานมูยองเกี่ยวกับปีศาจ
“ เจอปีศาจมากมายเลย ดูเหมือนว่าจะมากกว่าหนึ่งล้านตน โชคดีที่เราจับได้ตัวหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม”
มูยองถาม
“ หัวหน้ากลุ่ม? กลุ่มของใคร?”
“เลราเจ! เทพปีศาจแห่งสมรภูมิรบ!”
ผู้ที่ตอบไม่ใช่ทาร์แคน แต่เป็นอาซูล
อาซูลดูเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง มันแตกต่างจากตอนที่เขาสั่นกลัวเมื่อมองเอนโรธ เขาเหมือนรู้เรื่องความชั่วร้ายของมัน
‘เลราเจ ฮึ’
เทพปีศาจลำดับที่ 14, เลราเจ
มันเป็นเทพปีศาจที่เกี่ยวข้องกับ ‘สมรภูมิรบ’ โดยแท้จริง และเงื่อนไขในการดับสูญของมันนั้นง่ายมาก
นั่นคือ ‘การพ่ายแพ้ในสงคราม’
มูยองสามารถกำจัดมันได้ หากทำให้มันพ่ายแพ้ในสนามรบ
ยังไงก็ตามในสงครามทุกครั้งที่ผ่านมามันยังไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว
“ ตอนนี้ข้าขอเตือนเจ้าจริงๆ ถ้าหากยังอยากมีชีวิตที่ยืนยาวอย่าเป็นศัตรูกับเลราเจ ”
อาซูลพูดด้วยความจริงใจ
มูยองลูบคางครุ่นคิด
เลราเจเป็นเทพปีศาจที่แข็งแกร่งแน่นอน มันเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุด อย่างน้อยก็ในสงคราม มูยองมีกองกำลังและไพ่ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้น้อยกว่ามันมาก
ประการแรก มีราชาปีศาจมากกว่าสามสิบตนภายใต้เลราเจ พวกมันอาจอ่อนแอกว่าเอนโรธ แต่หากเผชิญหน้ากับพวกมันทั้ง 30 ตนในครั้งเดียวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
หากมูยองกำลังไปที่นั่น นั่นก็ไม่ต่างจากผีเสื้อที่บินตรงเข้าไปหาเปลวเพลิง
มูยองรู้สึกได้ถึงสายตาอันแหลมคมกำลังทิ่มแทงเขาอยู่ใกล้ๆ มูยองเผชิญกับความยากลำบากหลายครั้งและไม่เคยแพ้ถึงตอนนี้ ดูเหมือนเขาเชื่อว่าตนสามารถทำทุกสิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สำหรับสถานการณ์นี้เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ แม้ว่าจะคำนวณตัวแปรหลายตัว
“ ฉันควรพูดคุยอย่างละเอียดกับไอ้ปีศาจหัวหน้าตัวนี้”
หากเขาต้องการที่จะเข้าใจศัตรูอย่างละเอียดก็ต้องซักถามปีศาจตัวนี้ก่อน
กองทัพปีศาจจำนวน 2 ล้านสองแสนตน ราชาปีศาจอีก 30 ตนที่ทำงานให้มัน นั่นหมายความว่า มันเป็นกองกำลังขนาดมหึมาที่ประกอบไปด้วยกองทหารขนาดใหญ่กว่า 30 กอง สองตนในนั้นอยู่ในระดับเดียวกับชาร์ซาซ่า
หัวหน้ากลุ่มยังกล่าวอีกว่า ที่เลราเจนำกองทัพเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ก็เพื่อจัดการเกรโมรี่ และสิ่งที่มันบอกย่อมเชื่อถือได้เนื่องจากมูยองถามหลังจากที่เปลี่ยนมันเป็นอันเดธแล้ว
เมื่อมูยองฟังเรื่องนี้แล้วก็เดาว่า เลราเจอาจรู้เงื่อนไขการดับสูญของเกรโมรี่
‘ขนาดฉันยังไม่รู้เงื่อนไขการดับสูญของเกรโมรี่เลย’
ดันดาเลี่ยนบอกว่ารู้เงื่อนไขการดับสูญของเทพปีศาจทั้งหมด แต่นั่นเป็นเรื่องโกหก เขาสามารถเข้าใจได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า มูยองต้องหาข้อมูลสำหรับส่วนที่เหลือด้วยตัวเอง
‘นั่นยังไม่พอ’ เขาไม่มีข้อมูลมากพอที่จะเอาชนะเลราเจได้
เหลือแค่ติดต่อกับเกรโมรี่ให้ได้และร่วมมือกัน ยังไงก็ตามตอนนี้ทางเดินสู่รอยแยกโดนขวางเอาไว้
มูยองส่ายหัว เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วความน่าจะเป็นที่จะเอาชนะเลราเจได้คือ 0 แม้ว่าเขาจะเป็นพันธมิตรกับเกรโมรี่อย่างลับๆ ความน่าจะเป็นนั้นก็ไม่เกิน 1%
เทพปีศาจที่เก่งกาจในสนามรบ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเขาในสงคราม เขาจำเป็นต้องพุ่งเข้าใส่ความพ่ายแพ้หรือไม่?
คำตอบคือไม่ มันเป็นการดีกว่าที่จะถอยออกมาเตรียมตัว และคิดถึงวิธีอื่น
“ เราจะถอยกันก่อน”
เขาตัดสินใจถอย เนื่องจากเขาไม่สามารถตอบคำถามสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันได้
การเอาชนะเทพปีศาจทั้งหมดคือภารกิจที่มอบให้เขา แต่ความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นคือ ‘0’ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรกับเลราเจได้ เขาจะทำอย่างไรกับเทพปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าเขา?
เขาต้องตรงเข้าไปรับความพ่ายแพ้หรือไม่ นั่นเป็นสิ่งโง่นักหากทำลงไป
เขาจะกลับไปและปรับปรุงตัวเอง เพิ่มกองกำลังให้มากขึ้นและเสริมสร้างความแข็งแกร่ง แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ความจริงคือพวกเขาไม่สามารถเอาชนะเลราเจเพียงลำพังได้
หรือจะหาความร่วมมือจากเทพปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์… แต่หากเขาไม่ได้รับการยอมรับจากเกรโมรี่ มันคงเป็นการยากที่จะได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าเทพปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์ตนอื่น
ในตอนแรก เหตุผลที่เขาพยายามที่จะรับการยอมรับจากเกรโมรี่คือการควบคุมเทพปีศาจ และสร้างความสับสน
‘ฉันจะไปทำได้ยังไง?’
เขาขบฟันแน่นและรู้สึกกดดัน เขาคิดอะไรโง่ๆเช่นนั้นได้อย่างไร?
เขามั่นใจในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ได้ยังไง?
เขาไม่เข้าใจ และไม่แม้แต่จะพยายามเข้าใจ
เพราะ…เขาไม่สามารถกลายเป็น ‘มูยอง’ ได้อย่างแท้จริง
―นายไม่ยอมแพ้เร็วไปหน่อยเหรอ?
มีเสียงดังก้องอยู่ในหัวของเขา
มูยองขมวดคิ้ว ไม่สิ ‘ดันดาเลี่ยน’ ที่สวมหน้ากากของมูยองต่างหากที่ขมวดคิ้ว
“ได้ยังไง? จิตวิญญาณของเจ้าต้องหายไปแล้วนี่?”
สัญญาเกิดขึ้นเมื่อมูยองตกลง ดันดาเลี่ยนสามารถควบคุมร่างกายของมูยองได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นดันดาเลี่ยนก็เริ่มเลียนแบบมูยอง เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นมูยอง
แต่มันไม่สามารถเข้าใจได้ ที่มันไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จ
― ฉันก็แค่ซ่อนจิตวิญญาณของตัวเองเอาไว้
ตัวตนในหัวของตัวเองกำลังเยาะเย้ยมัน
ดันดาเลี่ยนปั่นป่วน
ซ่อนวิญญาณ
มันเป็นไปได้ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถซ่อนโดยที่ดันดาเลี่ยนผู้ซึ่งควบคุมร่างกายอยู่ไม่สังเกตเห็น
―ขอบคุณนายมากดันดาเลี่ยนที่ทำให้ฉันรู้หลายๆอย่าง
เสียงของมูยองตัวจริงดังขึ้น
ดันดาเลี่ยนเบิกตากว้าง
อย่าบอกนะ?ว่ามันคาดคะเนเงื่อนไขการดับสูญของข้าได้แล้ว?
มูยองซ่อนตัวตนไว้และค้นหาความลับทั้งหมดของมัน… !
― ก็ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษนะ ห้ามให้ใครรู้ชื่อจริง ห้ามทำภารกิจล้มเหลว!
ภารกิจที่ว่าคือภารกิจของร่างกายที่ควบคุมเอาไว้ และดันดาเลี่ยนก็สรุปว่าภารกิจของมูยองนั้นเป็นไปไม่ได้
สุดท้ายหนึ่งในเงื่อนไขก็ถูกเปิดใช้งาน ตอนนี้เงื่อนไขการดับสูญของดันดาเลี่ยนจะครบทันทีที่มูยองเรียกชื่อจริงของมัน
“หยุด! เจ้ายังต้องการความช่วยเหลือจากข้าในการทำลายเทพปีศาจตนอื่น แม้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเจ้า แต่มันเป็นไปได้สำหรับข้า ถ้ามีข้าอยู่เจ้าจะสามารถเข้าใจทุกอย่างจากพวกมันและเอาชนะพวกมันได้!”
―ดันดาเลี่ยนนายมันก็ทำได้แค่เลียนแบบ นายครอบครางร่างของฉัน แต่ไม่ได้เข้าใจทุกสิ่งเกี่ยวกับฉันเลย
เขาจะถอยง่ายๆเมื่อเลราเจอยู่ต่อหน้างั้นเหรอ มันช่างโง่เหลือเกิน? แม้ว่ามันจะดูเป็นไปไม่ได้ เขาก็ไม่ควรสรุปผลลัพธ์ก่อนที่จะได้เผชิญ อย่างน้อยนี่ก็ไม่ใช่วิธีการที่มูยองชอบใช้
แม้ว่าดันดาเลี่ยนจะเลียนแบบมูยอง แต่เขาก็ไม่สามารถกลายเป็นมูยองได้ สุดท้ายมันก็เป็นเพียงการลอกเลียนแบบ นั่นคือเหตุผลที่คนอื่นรู้สึกแปลกๆยามที่ดันดาเลี่ยนคุมร่าง
― จาเมสครั้งหนึ่งนายเคยเป็นมนุษย์นี่ แล้วนายกลายเป็นเทพปีศาจได้ยังไง?
“อ๊าก!”
ดันดาเลี่ยนบีบหน้าอกตัวเอง
แม้แต่มูยองก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อแอบดูความทรงจำบางส่วนของดันดาเลี่ยน เขาไม่อาจเข้าใจได้ทุกอย่าง เนื่องจากช่วงเวลาที่ดันดาเลี่ยนใช้ไปนั้นเยอะเกินไป
ยังไงก็ตามมีเรื่องหนึ่งที่มูยองรู้ นั่นคือดันดาเลี่ยนไม่ได้เป็นเทพปีศาจตั้งแต่แรก
มันเคยเป็นมนุษย์
“ เจ้าจะต้องเสียใจหากรู้ความจริง เจ้าจะหลงทางจนสูญเสียเป้าหมาย เพราะไม่มี “ความหวัง” อยู่ในโลกใบนี้!”
มันเดินโซเซ
ฟูม!
ปีกของเขากางออกและเริ่มลุกไหม้
เปลวเพลิงแผดเผาดันดาเลี่ยนในร่างของมูยอง
เปลวเพลิงแห่งการชำระล้าง พลังของกาเบรียลได้ถูกเปิดใช้งาน ชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์จากความเสื่อมเสีย
ดันดาเลี่ยนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้น…ทั่วทั้งร่างก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้เกิดจนกลายเป็นสีดำ และวิญญาณของดันดาเลี่ยนก็หายไป
ตุบ!
มูยองลุกขึ้นยืนหลังจากยึดร่างคืนได้ ในขณะที่ยังมีควันไฟลอยคลุ้งอยู่รอบๆ
เขาน่าจะตายไปแล้ว แต่มูยองเป็นผู้อมตะ เขาไม่ตายง่ายๆเพราะถูกไฟไหม้
มูยองมองดูท้องฟ้า ขอบคุณที่กองทัพของเขาไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
เขาแสดงออกอย่างซับซ้อน
‘ขนาดความรู้สึกที่ยังหลงเหลืออยู่ยังน่าอึดอัด’
มูยองเห็นความทรงจำของมัน แต่เขาไม่รู้ว่าอะไรจริงหรือไม่ในนั้น หมายความว่าความทรงจำของมันขาดความถูกต้อง
‘โซโลมอน, โลกที่ถูกทำลายและอาจรวมถึงเทพปีศาจตนอื่นๆด้วย … ‘
มูยองส่ายหัว ผลลัพธ์ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่ง ที่เขาต้องทำยังเหมือนเดิม
มูยองสร้างผิวหนังขึ้นใหม่และเหม่อมองไปยังที่ห่างไกล ดันดาเลี่ยนเอาแต่พูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มูยองคิดว่ายังมีโอกาสอยู่บ้าง
‘สกายลอร์ด’
ดูเหมือนว่าดันดาเลี่ยนไม่รู้ว่าร่างนี้เป็นที่น่าหลงใหลของเหล่ามอนสเตอร์