The King of the Battlefield - ตอนที่ 244
บทที่ 244: ราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทา (2)
ภาพรวมขณะนี้กองกำลังเลราเจมีจำนวนถึงหนึ่งล้านครึ่ง และถึงแม้กองกำลังของเกรโมรี่และมูยองจะรวมกันก็ยังน้อยกว่า
สกายลอร์ดพยายามอย่างยิ่งที่จะกินเลราเจอย่างดื้อรั้น ถึงจะดูโง่ๆแต่ดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าใครเป็นศัตรูตอนนี้
เลราเจเองก็กำลังใช้พละกำลังหยุดยั้งสกายลอร์ด แน่นอนว่าตำแหน่งเทพแห่งสงครามไม่ได้รับมาอย่างมั่วๆ
ในทางตรงกันข้าม มูยองและเกรโมรี่นั้นค่อนข้างเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ในกรณีของเกรโมรี่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ปีศาจสายต่อสู้ แต่เวทมนตร์ของเธอกลับเกี่ยวข้องกับการป้องกัน
‘เธอสามารถสร้างโล่ขนาดใหญ่ให้กับฝ่ายตนได้’
แม้แต่มูยองก็รู้สึกประทับใจ โล่ดังกล่าวการโจมตีปกติไม่สามารถทำอะไรได้ และมันสามารถป้องกันการโจมตีได้สองครั้งที่มาจากปีศาจอันดับสูง ความเสียหายที่พันธมิตรได้รับนั้นลดลงอย่างมาก
เหนือสิ่งอื่นใดนี่เป็นพลังของเกรโมรี่ที่ไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย หากเธอไม่เสียพลังไปกับการซ่อมรอยแยก เธอจะกลายเป็นฝ่ายสนับสนุนที่ดีมากสำหรับการต่อสู้ในอนาคต
สถานการณ์ของการต่อสู้นั้นชัดเจนดี มูยองคุมสมามรบไว้หมดแล้ว
ทว่ามูยองกลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างจากบริเวณอื่น
‘มีอีกคนหนึ่ง’
หากไม่ใช่มูยองคงยากที่จะรู้สึกถึง มีผู้ที่มีทักษะหลบซ่อนระดับสูงอยู่ใกล้ๆ ต้องขอบคุณประสาทสัมผัสอันเฉียบคมซึ่งได้รับมาจากพลังครึ่งเทพ ทำให้มูยองสามารถสัมผัสถึงตัวตนนั้นได้
‘มีเทพปีศาจอีกตนหนึ่ง…มันคือใคร’
มูยองมั่นใจในสิ่งที่รู้สึก เขารู้เพียงมีคนๆหนึ่งแอบซ่อนอยู่ แต่ที่เหลือล้วนยังดูลึกลับ
หากเป็นศัตรู…การที่มีเทพปีศาจอีกตนเข้าร่วมการต่อสู้ พวกเขาแพ้แน่นอน แม้แต่มูยองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขายังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเทพปีศาจสองตนได้ในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นมีความเป็นไปได้ที่เทพปีศาจจะมีผู้ติดตามมาอีกเช่นราชาปีศาจอื่น
และผู้ใต้บังคับบัญชาของมัน
มูยองอ่านสถานการณ์ไม่ออก ทำได้แค่ระวังตัวเอาไว้ เพราะมูยองต้องคอยตอบสนองให้ทันเวลาหากผู้นั้นเคลื่อนไหว ยังไงก็ตามเทพปีศาจตนนั้นกลับเพียงสังเกตสนามรบจากระยะไกล
‘เขามีเป้าหมายอะไร’
ไม่ใช่ฝ่ายปฏิปักษ์แน่นอน ไม่งั้นคงมาช่วยแล้ว และปีศาจที่ไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายปฏิปักษ์ ก็มีแต่เป็นของฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น
‘ฝ่ายสนับสนุนที่ต้องการกำจัดทุกอย่างนอกเหนือจากเผ่าพันธุ์ตัวเอง และทุกคนที่ขัดขวางแผนการ ‘
จากข้อมูลภายในความทรงจำของดันดาเลี่ยนมีบางส่วนเกี่ยวข้องกับเทพปีศาจ ในนั้นบอกว่าฝ่ายสนับสนุนแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
1.กลุ่มหวังประโยชน์ ที่ต้องการเก็บบางเผ่าพันธุ์ไว้เพื่อใช้เป็นทาสของเผ่าตน
2.กลุ่มหัวรุนแรง ที่กล่าวว่าเพียงเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้นที่สมควรดำรงอยู่บนโลก
3.กลุ่มกลาง ที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
สิ่งที่แน่นอนคือ มันเป็นหนึ่งในสามกลุ่มเหล่านั้น
‘เขาไม่ได้มาจากกลุ่มหัวรุนแรง’
เพราะไม่อย่างนั้นคงจู่โจมมาแล้ว
“แมลงตัวจ้อย! เจ้าคิดเหรอว่าสามารถเอาชนะเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้!”
บูม! บูม! บูมมมม!
เลราเจปล่อยหมัด ขณะที่สกายลอร์ดเซไปมาด้วยพลังระเบิดอันรุนแรง
มูยองรู้สึกประหม่าเล็กน้อย สกายลอร์ดควรหยุดยั้งเทพปีศาจได้ แต่เลราเจกลับสามารถตอบโต้มันคืนอย่างแข็งแกร่ง
บางทีเลราเจอาจจะไม่ใช่เทพปีศาจแห่งสงคราม แต่เป็นเทพปีศาจแห่งความแข็งแกร่ง?
มูยองหวังว่าพวกมันทั้งคู่จะได้รับความเสียหาย แต่ดูเหมือนว่าเลราเจยังคงมีความได้เปรียบอยู่มาก
มูยองกะจะเคลียร์พื้นที่รอบแล้วโจมตีเลราเจ แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับบุคคลที่สาม
‘ฉันต้องรู้ความตั้งใจของเขา ไม่ว่าเขาจะแค่มาดูหรือวางแผนอะไรอยู่ก็ตาม ‘
พรึ่บ!
มูยองกางปีกออก ขนหลายพันเส้นถูกปล่อยออกจากปีกทั้งสี่คู่ในเวลาเดียวกัน เป้าหมายคือพื้นที่ว่างเปล่าตรงนั้น
เป็นเพราะมูยองไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนเกี่ยวกับศัตรูที่ซ่อนตัวเขาจึงโจมตีไปยังพื้นที่ว่างแทน หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆมูยองย่อมสามารถสังเกตเห็นได้ และตามที่คาดไว้มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงขึ้น
ปัง!
ขนเส้นหนึ่งร่วงลงพื้นราวกับชนเข้ากับกำแพง
“ สังหารมัน! สังหารเจ้าเถ้าสีเทานั่น!”
ราชาปีศาจภายใต้เลราเจก็ไม่ได้โง่เหมือนกัน สำหรับพวกมันมูยองเป็นตัวตนที่น่ารังเกียจ
อย่างไรก็ตามความสนใจของมูยองอยู่ที่อีกมุมหนึ่ง เขาเดินไปยังตำแหน่งที่เทพปีศาจตนที่สามซ่อนตัวอยู่
เหล่าปีศาจไม่สามารถขวางมูยองได้ หัวของปีศาจที่ขวางทางของเขาถูกตัดออกไปโดยธรรมชาติราวกับว่าพวกมันไม่ได้อยู่ที่นั่นตั้งแต่แรก ไม่มีทางไหนเลยที่ปีศาจธรรมดาจะสามารถหยุดมูยอง
หลังจากเดินไปสักพัก
“ นายเป็นใคร ทำไมถึงมาแอบดูฉัน?”
วูม พื้นที่หนึ่งๆบิดเบี้ยวแล้วจู่ๆก็กลายเป็นปกติ
‘เขาหายไปแล้ว ต่อหน้าต่อตาฉันเนี้ยนะ?’
นั่นไม่ใช่เวทมนตร์หรือคาถา ศัตรูแค่เคลื่อนที่ในสภาวะโปร่งใส มีพลังงานชนิดเดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้
‘อำนาจพลัง!’
อำนาจพลังคือพลังเฉพาะตัวที่สิ่งมีชีวิตซึ่งที่มีพลังเทวะเท่านั้นพึงจะมีได้
เป็นเรื่องธรรมดาที่ปีศาจตรงหน้าจะคลาดสายตามูยองไป หากมันได้รับพลังอํานาจที่เกี่ยวข้องกับเทคนิคการเคลื่อนไหว และมูยองก็พบผู้ที่มีเทคนิคนั้นในความทรงจำของดันดาเลี่ยน
‘เทคนิคการซ่อนตัวแบบนี้… มีเพียงปีศาจตัวที่ชื่อไพม่อนเท่านั้น’
ผู้ที่ชอบขุดคุ้ยข้อมูลหาความลับของเรื่องต่างๆ นักสืบข้อมูล
มันเป็นเขา และไพม่อนเองก็เป็นผู้ที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับมูยอง
ไม่ใช่เหตุการณ์ในสนามรบ เลราเจ หรือสกายลอร์ด แต่เป็นมูยอง โชคดีที่มูยองยังไม่ได้ใช้ ‘พลังแห่งความตาย’ และหนังสือ ‘อัลโนวา’
มูยองไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาสอดแนม แต่นั่นคงไม่ใช่ข่าวดี ข้อมูลเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่มูยองครอบครอง ถึงพวกมันไม่รู้จักมูยองแต่มูยองรู้จักพวกมัน
แต่ถ้าพวกมันเริ่มรู้ข้อมูลของมูยองแล้ว อาวุธของมูยองก็จะเริ่มสูญเสียประสิทธภาพ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพยายามจัดการเทพปีศาจให้เร็วที่สุด
‘ฉันควรยุติสงครามนี้ให้ได้ก่อน’
ไม่เชิงว่ามูยองจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าคนที่มาสังเกตการณ์คือไพม่อน
ไพม่อนเป็นกลุ่มกลางที่มีเพียงน้อยนิด เขามีชื่อเสียงในหมู่เทพปีศาจด้วยกัน เพราะเป็นผู้ที่อ่านการกระทำได้ยาก
มันยังเร็วเกินไปที่จะคิดในแง่ร้าย แต่เขาจำเป็นต้องยุติสงครามนี้ให้เร็วที่สุดหากต้องวางแผนใหม่
“เจ้าราชาปีศาจแห่งเถ้าสีเทาผู้โง่เขลา ในเมื่อรนหาที่ตายขนาดนี้! อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดกลับไป!”
สองราชาปีศาจภายใต้เลราเจพุ่งเข้าหาเขา สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยปีศาจของศัตรู
พวกมันมีประมาณหนึ่งพันตน ดูเหมือนว่ามูยองจะตั้งใจตามหาไพม่อนเกินไปจนเผลอเข้าลึกไปในค่ายของศัตรู
มูยองเดาะลิ้นแล้วพูดว่า
“ฉันจะเป็นคนเลือกสถานที่ที่ฉันจะตายเอง”
กรรรร!
ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวสั่นระริก และมูยองก็เห็นด้วยอย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาตายที่นี่
“น่าประทับใจ”
ไพม่อนมองไปที่สนามรบทั้งหมดด้วยความคิดในใจจากห้องใต้ดินอันมืดมิดของป้อมปราการ ปล่อยใบหน้าอันเต็มไปด้วยเครื่องหมายตกใจปรากฎออกมา
‘ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้านั้นจะเห็นข้าขณะใช้พลัง ดูเหมือนว่าเขาจะมีอะไรที่พิเศษกว่าผู้อื่น ‘
ผู้ที่สามารถมองเห็นผ่านอำนาจพลังได้ก็คือผู้มีอำนาจพลังเหมือนกัน พลังอำนาจของไพม่อนเป็นความลับมาก มันยากที่จะรู้ว่าพลังเช่นนี้มีอยู่จริง แต่มูยองตระหนักถึงมันได้ และยังทราบถึงตำแหน่งที่แน่นอน
‘เจ้านั้นเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ข้าไม่เคยเห็นตัวตนที่เป็นลางร้ายเช่นนี้ยกเว้นโซโลมอน ‘
เขาโผล่ออกมาจากไหน มันเป็นไปไม่ได้ที่ใครบางคนเช่นนั้นจะปรากฏตัวโดยไร้ที่มา มีเหตุผลสำหรับปรากฏการณ์ทั้งหมดอยู่เสมอ ตัวตนของเขาอาจเกี่ยวข้องกับบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่
‘ทำให้เวลาเปลี่ยนแปลงได้ นั่นเป็นเทคนิคของคิงสเลเยอร์แน่นอน’
คิงสเลเยอร์! ไพม่อนได้เข้าใจอยู่แล้วว่าเขาอยู่ในอันเดอร์เวิล์ด และรู้ว่าคิงสเลเยอร์เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับ ‘โซโลมอน’
‘คิงสเลเยอร์เป็นผู้หนึ่งที่ถูกโซโลมอนใช้เป็นหมาก ถ้าเป็นเช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่เจ้าเถ้าสีเทานี่เกี่ยวข้องกับโซโลมอน ‘
ไพม่อนเริ่มรวมชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน ทุกอย่างเข้าใจได้หากเขาเกี่ยวข้องกับโซโลมอน
โซโลมอนคือตัวตนที่มีความสัมพันธ์ปรปักษ์กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน เขาต้องการที่จะลดจำนวนเทพปีศาจด้วยความช่วยเหลือของฝ่ายปฎิปักษ์
‘โซโลมอน เจ้าวางแผนอะไรอยู่กันแน่?’
ไพม่อนเท่านั้นที่สามารถล้วงความลับผู้อื่น มันไม่สามารถปล่อยความลับของตนไปยังผู้อื่นได้ เรื่องใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกควรมีมันเท่านั้นที่รู้
‘ข้าจะหาความลับของเจ้าเทพอสูรนั่นให้เจอ ‘
ไม่ใช่เทพปีศาจ แต่เป็นเทพอสูร ไพม่อนเรียกโซโลมอนแบบนั่น
จากนั้นจิตสำนึกของไพม่อนก็แยกออกจากร่าง มันย้ายจิตสำนึกของตนออกไปอย่างรวดเร็วยังสถานที่แห่งหนึ่ง
สถานที่ที่มีภูเขาไฟขนาดใหญ่
มีบางคนอยู่ที่นั่น ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยลาวา ชายชราที่มีผมและเคราสีขาวดูราวกับว่าเขาได้ก้าวข้ามโลกไปแล้ว
ลาวาเริ่มกวาดล้างพื้นที่ที่เขาเดินผ่าน สถานที่ที่เขายืนอยู่ทำให้เกิดความรู้สึกสิ้นหวัง ราวกับว่ามันเป็นอีกโลกหนึ่ง ชายชรามองที่ไพม่อนแต่ก็หันกลับคืนอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขารู้ว่าไพม่อนไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเฝ้ามอง
ก๊าซ!
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นภายในภูเขาไฟขนาดใหญ่
มันมีพลังที่จะเขย่าจิตสำนึกทั้งหมดของไพม่อน
สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนมังกร
นั่นมันเดียโบล!
ทว่ามันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ราวกับว่าเขาถูกควบคุมโดยบางสิ่ง
ชายชรามองเขา
‘โซโลมอน’
โซโลมอน!
ชายชรานั่นคือโซโลมอน
เขาอยู่ที่อันเดอร์เวิล์ดพร้อมกับเดียโบล
กีซ! ในที่สุดสกายลอร์ดก็ล้มลง มันไม่ได้ตายแต่สูญเสียพลังทั้งหมดไป
ยังไงก็ตามเลราเจที่ก็ไม่ได้มีสภาพที่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่
“เจ้าคิดว่าจะหยุดเลราเจผู้นี้ได้ด้วยสิ่งนี้เหรอ?”
ร่างของเลราเจปรากฎบาดแผลหลายแห่ง ทุกส่วนที่ถูกกัดโดยสกายลอร์ดไม่สามารถฟื้นฟูได้ทั้งหมด นั่นหมายความว่าพลังเวทมนตร์ของมันเกือบหมดลงแล้ว
กองกำลังจำนวนกว่าหนึ่งล้านครึ่ง ลดลงเหลือแค่หลักแสน
ในทางกลับกัน กองกำลังของเกรโมรี่ และมูยองยังมีอยู่เกินกว่าหนึ่งล้านนาย
มูยองชิงพูดขึ้นก่อน
“ดวงตาของนายไม่ได้บอกเหรอ? ว่าอัตราชัยชนะของนายเริ่มลดลง”
เลราเจต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ยิ่งการต่อสู้ยิ่งยืดยาวเท่าไหร่ ความน่าจะเป็นที่จะได้รับชัยชนะของมันก็ลดลง
แต่มันไม่สามารถจัดการสกายลอร์ดได้อย่างรวดเร็ว และผลลัพธ์ที่ออกมาก็อย่างที่เห็น
กรอด! เลราเจกัดฟันและดูที่เกรโมรี่ที่อยู่ข้างหลังมูยอง
“เกรโมรี่! หากเจ้ายังเป็นเทพปีศาจอยู่ก็มาเผชิญหน้ากับข้าด้วยตนเอง อย่าทำให้เกียรติของพวกเราต้องเสื่อมเสีย!”
มันพูดไม่ผิด จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่สถานที่ที่ราชาปีศาจจะก้าวก่ายได้
ยังไงเทพปีศาจอย่างเกรโมรี่ก็สมควรต้องก้าวออกมา ไม่ใช่มูยองที่เป็นราชาปีศาจภายใต้คำสั่งของเธอ
ทว่าเกรโมรี่ไม่ตอบและมองไปที่มูยอง
“เสียใจด้วยเลราเจ ผู้นำของสงครามนี้ไม่ใช่ข้า”
เกรโมรี่เป็นคนฉลาดเธอรู้ว่าควรทำตัวยังไง นั่นหมายความว่าเธอมอบสิทธิ์อำนาจทั้งหมดแก่มูยอง
และยังทำให้เสียงเอะอะทั้งหมดเงียบลงระหว่างปีศาจพันธมิตร
เลราเจเสียงดังมากยิ่งขึ้น
“ เจ้าคิดว่าราชาปีศาจอยู่ในระดับเดียวกับเทพ? เจ้า…เจ้ากล้าเรียกตัวเองว่าเป็นหนึ่งใน 72 เทพปีศาจได้อย่างไร!”
“ นายจะพล่ามอะไรเยอะแยะ”
มูยองก้าวออกไปข้างหน้า
ทาร์แคน, เบซองมิน และปีศาจอื่นๆต่างแหวกทางให้ สร้างที่ว่างสำหรับมูยองและเลราเจ
“เลราเจนายแพ้แล้ว ยอมรับดีๆเสียเถอะ”
เลราเจลืมตาขึ้นและมองไปที่มูยอง
“ ข้าไม่แพ้จนกว่าจะตาย และเจ้าที่เป็นแค่ราชาปีศาจไม่มีสิทธิ์พูด”
มูยองยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
แค่ราชาปีศาจ…ถูกต้อง แม้แต่มูยองก็ยังคิดว่ามันเป็นระดับที่ไม่น่าพอใจ
“ นายกลัวฉันงั้นเหรอ?”
“กลัว? กลัว’งั้นเหรอ? ฮ่าๆ! ตลกสิ้นดี”
เลราเจหัวเราะเยาะเขา ในขณะที่มูยองยิ้มตอบ
ในตอนแรกเลราเจเป็นตัวตนที่มูยองไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆในการเผชิญหน้า
แต่ตอนนี้มันเป็นไปได้เพราะเลราเจสูญเสียพลังงานไปเยอะเนื่องจากการต่อสู้กับสกายลอร์ด
เลราเจก็น่าจะรู้เช่นกัน แต่มันไม่ต้องการยอมรับ
มูยองหลอกล่อ
“ เอาชนะฉันสิ ถ้านายชนะฉันได้ ฉันจะปล่อยนายออกไปจากสนามรบนี้”
เลราเจหยุดหัวเราะ
ที่จริงแล้วมูยองไม่ได้เป็นปัญหาที่นี่ แต่ยังมีทหารอีก 1ล้านนาย พร้อมกับเกรโมรี่
กองทัพปีศาจนับล้านล้อมมันอยู่ ถ้าเกรโมรี่ยังอยู่เลราเจจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ด้วยกองทัพเพียงหลักแสนที่เหลืออยู่
แต่ถ้ามันเอาชนะมูยองได้…
“ ข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าได้ยังไง?”
“ นักรบของฉันเชื่อฟังฉันดี และดูเหมือนว่าเกรโมรี่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน”
เลราเจมองที่เกรโมรี่ และเธอพยักหน้าด้วยท่าทางกังวล
ตอนนี้ผู้ที่มีอำนาจทั้งหมดในสนามรบนี้คือมูยอง แต่เงื่อนไขนี้ก็ดีเกินไปสำหรับเลราเจ นั่นเป็นเหตุผลที่มูยองยื่นข้อเสนอเพิ่มเติม
“ แต่ถ้าฉันชนะ ฉันจะเอา ‘พลังเทวะ’ ของนายมา “
มูยองเปิดตาของเขา หนึ่งในอำนาจหลังจากดูดซับลูซิเฟอร์อย่างสมบูรณ์ นั่นคืออำนาจการดูดกลืน!
ยังไงก็ตามพลังอำนาจดูดกลืนจะเป็นแบบสุ่ม และนั่นคือเหตุผลที่มูยองวางเงื่อนไข
หนึ่งในพลังอำนาจของเลราเจม ‘ความเป็นเทพ’!
นั่นเป็นหนึ่งในพลัวที่แข็งแกร่งที่สุด พลังที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้ด้วยเพียงความแข็งแกร่ง
เลราเจไม่มีเหตุผลอื่นที่ต้องคิด การเอาชนะมูยองเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตรอดในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไป
“ อย่าคิดว่าสิ่งที่ข้าแสดงให้เจ้าเห็นคือทุกสิ่ง”
“ งั้นก็ทำให้ฉันเห็นว่านายมีดีอะไรหน่อยสิ?”
“ไม่มีปัญหา! กับคนโง่เง่าของอย่างเจ้า ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าทำไมทุกคนถึงเรียกข้าว่าเทพปีศาจสงคราม”
เลราเจหยิบคันธนูออกมา แต่มันไม่ได้ผูกสายเอาไว้ และในขณะนั้นคันธนูก็เริ่มเปลี่ยนรูปร่าง
ธนูเปลี่ยนเป็นชุดเกราะลวดลายมังกรแดงจารึกอยู่ ก่อนที่จะห่อหุ้มร่างของเลราเจ
ดราก้อนฮันเตอร์
“ เลือดของมังกรนับร้อยทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก”
เลราเจยิ้ม
ในขณะที่มูยองวางมือบนหน้าอกตัวเอง
คลิก คลิก คลิก
มูยองปลดล็อคที่สลักอยู่ในหน้าอกของเขา
ชว้าง!
ในไม่ช้า หอกขนาดใหญ่ที่สร้างจากแสงก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
หอกของกาเบรียล!
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมารวมกันที่หอก ปีกสีเทาของมูยูยองก็เริ่มถูกย้อมเป็นสีดำ
พลังของลูซิเฟอร์ และพลังของกาเบรียลแยกออกจากกันอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากมูยองวอร์มอัพเบาๆแล้วเขาก็พูด
“ ฉันจะแสดงทักษะที่แท้จริงให้นายเห็นเหมือนกัน”
*****************************************