The King of the Battlefield - ตอนที่ 245
บทที่ 245: ราชาปิศาจแห่งเถ้าสีเทา (3)
หลังจากปลดปล่อยพลังก็เหมือนทุกอย่างที่หน่วงเหนี่ยวตัวเขาหายไป จริงๆพลังทั้งสองไม่สามารถผสานรวมกันได้นอกจากนั้นยังขัดแย้งกันเองอีกด้วย แต่หลังจากที่สร้างวิชาดาบที่ 51 กระบวนท่าสังหารปีศาจออกมามูยองก็มั่นใจขึ้น
ขอบเขตพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และนั่นทำให้เขาตัดสินว่าตัวเองสามารถจัดการกับสถานการณ์แตกแยกครั้งนี้ได้ ถึงจะเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต แต่มูยองไม่เคยลังเลหากเขาเห็นความเป็นไปได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้มูยองกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว และยังเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาผ่านความยากลำบากมาได้หลายครั้ง
เขาไม่ได้บังคับพลังทั้งสองให้ผสานรวมกัน แต่แยกพวกมันออกไปคนละฝั่ง โดยให้พลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างหนึ่ง และอีกพลังเวทอยู่ข้างหนึ่ง
พอกระบวนการเสร็จสิ้นหอกของกาเบรียลที่ใหญ่โตก็ย่อส่วนลงจนมีขนาดเหมาะสมกับรูปร่างของมูยอง
มูยองถือหอกกับดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวเหมือนพวกใช้ดาบคู่ เมื่อไปถึงจุดสูงสุดทุกสิ่งทุกอย่างก็กลายเป็นเท่าเทียมกัน สำหรับมูยองการใช้ดาบคู่ก็ไม่ต่างอะไรกับวิชาดาบธรรมดาทั่วไป เขาสามารถกวัดแกว่งมันได้โดยไม่มีข้อแตกต่าง
เลราเจก้าวถอยหลัง ราวกับพลังของมันเจอคู่ปรับโดยธรรมชาติ
พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของกาเบรียลอยู่ในหอกของเขา พลังที่เป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
“ทำไมราชาปีศาจถึงมีพลังเช่นนี้ได้!”
“แกกลัวฉันเหรอ?”
เขาถามอีกครั้งแต่เลราเจไม่ได้ตอบ
บูม! บูม!
ราวกับเขินอายที่เมื่อกี้เผลอก้าวถอยหลัง เลราเจทำหน้าจริงจังพุ่งเข้าหามูยองอีกครั้ง
“คิดว่าเทพสงครามอย่างข้าจะถูกกดดันจากพลังเล็กน้อยเช่นนั้นรึ?”
ปัง!!!!
กำปั้นของมันปรากฏวงเวทสีดำขนาดใหญ่ และด้วยความสูงถึงห้าสิบเมตรของเลราเจมันควรจะพุ่งลงมาอย่างช้าๆ ยังไงก็ตามมันกลับมีความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ตูม!
สมกับเป็นพลังของเทพปีศาจ กำปั้นหมัดเดียวก็ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ยังไงก็ตามมันกลับสัมผัสได้เพียงผืนดิน
‘ฉันคงตายทันทีถ้าถูกโจมตี’
หลังจากคำนวณแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ มูยองจึงตัดสินใจหลบแทน
เทพปีศาจมีร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยพลังเทวะบริสุทธิ์ แม้มูยองจะมีพลังตรงกันข้ามกับพวกมันแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก ร่างกายของเขาคงระเบิดเป็นเสี่ยงๆหากรับหมัดนั้นเข้าไปตรงๆ
‘ฉันแค่ต้องหลบมัน จากนั้น’
เขามั่นใจในการหลบหลีก แต่ปัญหาคือเขาจะชนะได้ยังไง
วูม!
ขณะที่หมัดพุ่งเข้ามา อากาศก็ถูกแหวกออกกลายเป็นคลื่นกระแทกอันรุนแรงราวกับพายุ ปีศาจบางตัวไม่สามารถทนแรงกระแทกดังกล่าวได้พากันยึดจับกับพื้น ไม่ก็สร้างบาเรียเวทหลบกันจ้าละหวั่น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสกายลอร์ดจึงไม่สามารถต้านทานหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังเทวะนี้ได้
‘ฉันมีแค่โอกาสเดียว’
จากเงื่อนไข‘ทำให้เลราเจพ่ายแพ้สงคราม’มูยองทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้เหลือแต่จะทำให้มันตายได้ยังไง และหากทำได้เลราเจจะหายไปอย่างสมบูรณ์ตามเงื่อนไขการดับสูญ
‘ฉันต้องหาองค์ประกอบของมันให้เจอ’
แน่นอนว่ามันเป็นไปไมได้ที่จะมองหาองค์ประกอบของเทพปีศาจที่เป็นดั่งผู้อมตะ ยังไงก็ตามหลังจากผ่านเงื่อนไขการดับสูญมันก็ไม่ได้เป็นอมตะอีกต่อไป
‘ฉันเห็นมัน’
ทันทีที่เข้าใจทุกอย่างมูยองก็มองเห็นองค์ประกอบ ถ้าสร้างความเสียหายไปยังที่แห่งนั้นได้โอกาสที่จะชนะก็ท้วมถ้น
“เอาแต่หนีเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้หรอก”
การโจมตีของเลราเจรุนแรงขึ้น อำนาจพลังของเลราเจนั้นยอดเยี่ยมโดยแท้จริง ถ้าพลังเวทของคุณหมดคุณยังสามารถใช้พลังจากร่างกายของคุณได้ตลอดจนกว่าจะล้มลง
‘มันยากที่จะเข้าประชิดตัวมันได้’
ความรวดเร็วในการตอบสนองของเลราเจอยู่ในระดับเหนือธรรมชาติ ทุกการโจมตีของงมันปราศจากการแจ้งเตือนใดๆ หากยังล่าช้าต่อไปคนที่จะเสียเปรียบจะกลายเขา
ฮึ่ม!
ปัง!
ตูม!
เลราเจแสดงรอยยิ้มอันพึงพอใจ เมื่อคิดว่ามูยองจมลงดินไปแล้ว
“…?”
เลราเจขมวดคิ้ว นับเป็นอีกครั้งที่หมัดของมันจมลงบนผืนดินว่างเปล่าโดยมีมูยองยืนอยู่ข้างๆ
‘ไม่สิ’
เลราเจส่ายหัว
มูยองไม่ได้ป้องกันการโจมตี แต่ปัดมันออกไปข้างๆแทนเพราะเขาไม่สามารถป้องกันตรงๆได้ ยังไงก็ตามมูยองไม่สามารถสลายแรงโจมตีทั้งหมด และตอนนี้ร่างซีกขวาของมูยองก็หายไปแล้วจากการโดนพลังแค่ประมาณหนึ่งในสามของมันเท่านั้น
เคล้ง!
ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวร่วงลงสู่พื้น
มูยองยังยืนหยัดอย่างมั่นใจแม้ว่าเลือดจะไหลริน
“ฉันบอกว่าจะทำแค่หลบเมื่อไหร่กัน?”
ซว๊วก!
หมัดของเลราเจถูกแทงด้วยหอกกาเบรียล คลื่นพลังของหอกพุ่งไต่องค์ประกอบบนแขนของเลราเจอย่างรวดเร็วก่อนจะฉีกร่างของมันออก
“อ๊าก!”
เลราเจกรีดร้อง
เป็นเสียงกรีดร้องที่ไม่น่าดังมาจากปากของผู้เป็นเทพ แต่เนื่องด้วยอำนาจพลังที่เป็นศัตรูของมันกำลังฉีกร่างของมันออก ความเจ็บปวดอันเหนือจินตนาการจึงได้เกิดขึ้นอย่างไม่มีใครเคยนึกถึง
พลังของกาเบรียลแทรกซึมลึกเข้าไปในร่างกายของเลราเจ ก่อนที่จะเริ่มทำลายอวัยวะต่างๆ อำนาจพลังที่ไม่มีวันตกสู่มลทินกำลังชำระล้างร่างที่เต็มไปด้วยความสกปรกโสสมของเลราเจ และบังคับมันเข้าสู่กระบวนการทำให้บริสุทธิ์
“หยุด หยุดมันเดี๋ยวนี้!”
จากมือถึงข้อมือ ข้อมือถึงหัวไหล่ หัวไหล่ถึงคอ เมื่อพลังไล่ตามองค์ประกอบของมันไปจนถึงส่วนคอมูยองก็แทงซ้ำเข้าไปและตวัดไปด้านข้างด้วยหอกของกาเบรียล
ฉัวะ!
แทนที่จะเป็นเลือด แต่กลับเป็นพลังงานสีดำเมื่อมจำนวนมากไหลหลั่งออกมา
“อ้า…!”
ตูม!
เข่าของเลราเจทรุดลงกับพื้น ร่างของมันแยกกระจายออก
“ไม่ มันไม่ควรจบลงเช่นนี้ ข้าต้องได้กลับไป กลับไปที่บ้านเกิดของข้าก่อนสิ ข้าไม่ต้องการตายเยี่ยงขยะเช่นนี้…! โซโลมอน! “
แทบไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นการตอบสนองของผู้เป็นเทพ แต่มันกลับใกล้เคียงกับปฏิกิริยาของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเสียมากกว่า และหลังจากนั้นเพียงครู่เดียวร่างของเลราเจก็สลายหายไป
ตุบ!
มูยองก็ไม่สามารถประคองร่างของตัวได้อีกต่อไปเช่นกัน วิสัยทัศน์ของเขาเริ่มแย่ลง และในที่สุดเขาก็ต้องสูญเสียสติไป
“นายท่าน!”
“แย่แล้ว! เจ้าไหวไหม!”
“ปา!”
หลายคนพุ่งเข้าไปหามูยอง
พวกเขาแต่ละคนต่างเป็นห่วงมูยองกันในหลายๆความหมาย
ภาพสุดท้ายที่ทุกคนเห็นคือมูยองยิ้มก่อนจะหลับตาลง
<ราชานักฆ่า! สเตตัสหลักทั้งหมดเพิ่มขึ้น 30>
<บัญญัติแห่งความยุติธรรม! พลังศักดิ์สิทธิ์ของคุณเพิ่มขึ้น 80>
<อำนาจพลังของนักล่าเปิดใช้งาน>
<คุณได้รับ’พลังเทวะ’ตามเนื้อหาของพันธะสัญญา>
<ฉายา ‘นักล่าเทพปีศาจ’ถูกสร้างขึ้น>
<ความเชื่อใจของเกรโมรี่เพิ่มขึ้น>
<มุมมองที่เผ่าพันธุ์ปีศาจมีต่อคุณเปลี่ยนจาก ความไม่ไว้ใจ->ความชื่นชม >
<พวกเขายังไม่เชื่อใจคุณอย่างสมบูรณ์ แต่คุณสามารถคาดหวังให้พวกเขาปฏิบัติต่อคุณในฐานะนักรบที่แข็งแกร่ง>
….
อัศวินผู้สูงศักดิ์เงยหน้าขึ้นมองดวงดาวสีแดงและดวงดาวสีน้ำเงินบนฟากฟ้า เขามองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนกำลังติดตามดวงดาวทั้งสอง
ดวงดาวทั้งคู่ต่างยิ่งเปล่งประกายเมื่อเวลาผ่านไปดั่งเช่นดาวหางที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น และสร้างแสงสว่างปกคลุมต่อโลกทั้งใบ
จากนั้นอัศวินสูงศักดิ์ก็ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น
“ดูเหมือนเขากำลังทำได้ดีทีเดียว”
“เจ้านั่งเฝ้ามองดาวดวงนั้นอยู่งั้นเหรอคิงสเลเยอร์?”
อัศวินสูงศักดิ์นามว่าคิงสเลเยอร์ย้ายสายตาไปมองชายชราคนหนึ่ง
รอบๆบริเวณชายชราคนนั้นเต็มไปด้วยลาวาและเสียงกรีดร้องของเดียโบล
“ข้ากำลังตามหาเจ้าอยู่พอดีโซโลมอน”
“ตามหาข้างั้นเหรอนั้นควรจะทำทีหลังนะ? อย่างน้อยพันธะสัญญาของเราก็อนุญาตให้ทำเช่นนั้น”
“สัญญามีเพื่อเติมเติมความหวังของข้า แต่ตอนนี้ข้าค้นพบตัวตนที่จะมาแทนความหวังของข้าแล้ว ดังนั้นข้าไม่ต้องการพันธะสัญญาอีกต่อไป”
“ฮ่าๆ! เจ้าร่างพันธะสัญญาขึ้นแต่ก็ยกเลิกเสียเองเวลาที่ไม่ต้องการงั้นเหรอ! นั่นดูเป็นข้ออ้างที่ไม่สมกับตำแหน่งอัศวินสูงศักดิ์เอาซะเลย”
โซโลมอนหัวเราะราวกับคนบ้า
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ข้าไม่คิดว่าความฝันของเจ้าจะน้อยนิดเสียจนมีคนเติมเต็มให้ได้”
“ข้าเชื่อว่าเขาจะเลือกสิ่งที่ถูกต้อง และ…แก้ไขสิ่งที่ข้าผิดพลาดได้”
คิงสเลเยอร์กลายเป็นคนที่แตกต่างจากเดิมมาก เขาเป็นชายที่อุทิศชีวิตให้แก่กษัตริย์ของตนเอง ต่สุดท้ายเขาก็ถูกทรยศหักหลังเพียงเพราะมีพลังมากเกินไป
เขาที่สิ้นหวังเนื่องจากถูกทรยศอย่างต่อเนื่อง ความหวังที่จะสร้างอาณาจักรก็ดูยิ่งริบหรี่ก่อนที่ตนเองจะถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในที่สุด แต่ทว่าระหว่างมองดูมูยองกลับทำให้เขาเปลี่ยนใจ
‘ข้าควรมุ่งมั่นในการก้าวไปข้างหน้า’
ใช่แล้วเขาควรทำตามความประสงค์ของตนเองต่อไป มูยองที่เป็นเพียงก้อนกรวดเล็กๆแต่กรวดก้อนเล็กๆนั้นกลับสามารถหยุดคลื่นใหญ่โตจากทะเลสาบได้
“ข้าเห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆและมั่นใจว่าเจ้าจะปรากฏตัวที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้เลเมเกทัลจะหยุดยั้งเจ้าไม่ให้กลับมา ทว่าแม้แต่เลเมเกทัลก็ยังสามารถเกิดเหตุไม่คาดฝันได้สินะ”
คิงสเลเยอร์มองเข้าไปภายในภูเขาไฟ เหตุไม่คาดฝันที่ว่าคือการปรากฏตัวของเดียโบล มันที่มีตัวตนอยู่ทั้งสองโลกและมีผลทำให้โซโลมอนหาวิธีเข้ามายังโลกแห่งนี้ได้
โซโลมอนพยักหน้า
“ก็ไม่ผิดนักหรอก แต่เจ้าผู้ที่ละเมิดสัญญาไปแล้วยังจะมองหาข้าทำไมกัน? อะไรคือสิ่งผิดพลาดที่เจ้าพูดถึง?”
คิงสเลเยอร์ทำให้เวลาช้าลง 128 เท่าทันทีที่โซโลมอนพูดจบ เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่คุณสามารถรู้สึกได้ถึงกระทั่งแรงเสียดทานของอากาศ
จากนั้นพกเขาทั้งสองก็พูดกันต่อ
“เจ้าอยากทำลายโลกใบนี้เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดหายไป”
“เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่อันเดอร์เวิล์ดจริงๆ แต่เป็นเพียงถังขยะที่ข้าสร้างขึ้น แปลกเหรอที่ข้าจะโยนขยะทิ้งไปและทำความสะอาดเมื่อถังมันเต็ม? “
“ถังขยะ..แม้จะไม่ถูกต้องแต่ข้าก็เห็นด้วยกับคำนั้น ยังไงก็ตามการล้างโลกคงไม่อาจทำให้ความผิดพลาดของข้าหายไปด้วย”
โซโลมอนมองเห็นความเกลียดชังในสายตาของคิงสเลเยอร์ และคิงสเลเยอร์เองก็ไม่ได้ปิดบังเรื่องนั้น
จากนั้นอัศวินสูงศักดิ์ยกดาบที่มีขนาดเท่ากับร่างของเขาขึ้นมา
“เจ้าควรหยุดโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นตอนนี้นะ”
ขณะที่โซโลมอนอ่านความมุ่งร้ายในแววตาอัศวิน รอยยิ้มของเขาก็หายไปเช่นกัน
“เจ้าชี้ปลายดาบมาหาข้า ผู้เดียวที่สามารถช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากความว่างเปล่าได้งั้นรึ เกียรติในนามอัศวินของเจ้าหายไปหมด”
“ข้าไม่ใช่อัศวินเช่นนั้นอีกต่อไป”
“อย่างนั้นหรอกรึ? น่าเสียดายจริง ข้าคิดว่าจุดประสงค์ของข้าจะทำให้เจ้าคิดได้… “
ฟั่บ!
ในช่วงเวลากระพริบตา คิงสเลเยอร์ก็ฟันร่างของโซโลมอนก่อนที่เขาจะทันพูดจบ