The King of the Battlefield - ตอนที่ 253
บทที่ 253 ตัวตนเหนือธรรมชาติ (2.1)
ทั่วทั้งดินแดนมีพ่อมดกิตติมศักดิ์ไม่ถึงสิบคน มีเพียงพ่อมดระดับพิเศษในแต่ละเผ่าเท่านั้นถึงจะเลื่อนขั้นไปถึงตำแหน่งดังกล่าวได้ และออสการ์เองก็ยังมีระดับไม่ถึง การได้รับตำแหน่งที่ไม่เหมาะย่อมทำให้ชีวิตไม่ปลอดภัย
“ไม่เอา ไม่! ผมต้องการแค่ตำแหน่งเกี่ยวกับจัดการประชากรในอาณาเขต “
“ฮือ นายพอใจกับตำแหน่งแค่นั้นจริงเหรอ?”
ใช่ครับ จริงๆแค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว“
ยังไงก็ตามพอออสการ์พูดแบบนั้นก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา นั่นเพราะเขาต้องปลอมตัวเป็นเมอร์ลิน
เบซองมินพยักหน้า
“ทำหน้าที่ของนายให้แนบเนียนที่สุด ส่วนที่เหลือฉันจะจัดการเอง”
และนั่นก็ทำให้การหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เริ่มต้นขึ้น
ที่อาณาเขตแห่งนี้รุ่งเรืองก็เป็นเพราะอิทธิพลของมูยองทั้งนั้น แม้ว่าตัวเขาจะไมได้อยู่ที่นี่ ทุกๆเผ่าพันธุ์มารวมตัวกัน ทุกคนล้วนแต่เบื่อหน่ายกับการต่อสู้ หรือไม่ก็อ่อนแอเกินไป พวกเขาแค่ต้องสถานที่ที่สามารถพักพิงได้ และตราบใดที่ไม่ก่อความวุ่นวายขึ้น ที่นี่ก็ยินดีต้อนรับทุกคน
พวกเขาจะได้รับการปกป้อง ได้รับมอบดินแดนสักผืนที่สามารถทำมาหากินได้อย่างเพียงพอ ในทางกลับกันทุกคนจะต้องไม่ละเมิดกฎ เพราะหากมันเกิดขึ้นเผ่าพันธุ์นั้นจะต้องถูกทำลายล้าง นั่นเป็นข้อตกลงที่ดีให้พวกเขาปฏิบัติตาม
ส่วนหัวหน้าของสถานที่แห่งนี้เป็นของโอการ์ ยักษ์ใหญ่แห่งเปลวเพลิงจากเผ่าไฟทาร์ เผ่าที่ซึ่งเป็นนักล่าอันดับสูงสุด แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าสร้างความบาดหมางใดๆ ยังไงก็ตามโอการ์ก็ไม่ได้เข้มงวดตลอดเวลา
“เพิ่มกำลังที่ข้อมือของเจ้าด้วย ดาบไม่ใช่อาวุธที่ใช้แต่ความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว”
โอการ์แตกต่างจากไฟทาร์ตัวอื่นตรงที่เขามีความยืดหยุ่นสูง เขายืนยันว่าจะเป็นอาจารย์สอนการใช้อาวุธให้แก่ผู้อื่น
เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดใดๆที่นี่ ทำให้เขาเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับสงครามทางการทหารหลายเรื่อง นอกจากจะเป็นหัวหน้าเผ่าที่ดีแล้ว เขายังหลงใหลในการเรียนรู้ นอกจากนั้นยังนำไปสอนคนอื่นอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายชนเผ่าเข้ามาเรียนรู้จากโอการ์ ถ้าจะนับจำนวนก็เรียกได้ว่าหลายพันคนเลย
ความกลมกลืนระหว่างเผ่าพันธุ์ ทฤษฏีนี้เกิดมาจากการเฝ้ามองมูยอง อาจมีคนคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง แต่ยังไม่มีใครนำไปปฏิบัติจริง
ต่างจากเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่ง พวกมันต่างต่อสู้กันเองเพื่อความอยู่รอด ความสามัคคีจริงๆจึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้บางครั้งพวกมันจะร่วมมือกันแต่ในไม่ช้าก็ย่อมจะเกิดความแตกแยก
ไม่เหมือนกับผู้นำอย่างมูยอง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้น หลายคนที่มีชีวิตอยู่เพื่อมูยองด้วยซ้ำ นอกจากนั้นโอการ์ยังถือว่ามูยองเป็นเพื่อนแท้ และเขายังต้องการเดินทางตามแบบฉบับของมูยอง
‘ขนาดไฟทาร์ยังต้องเปลี่ยนแปลง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดเพียงลำพัง’
โอการ์พยายามสอนทุกเผ่าแบบนั้น
‘พวกปีศาจทำการไล่ล่าอย่างไม่เลือกหน้า ทำให้จำนวนของผู้ที่ต้องการเข้ามายังอาณาเขตเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ’
เป็นเพราะเผ่าพันธุ์ปีศาจกวาดล้างเผ่าพันธุ์อื่นๆอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หลายคนละทิ้งบ้านเกิดเพื่อพยายามหลีกหนีจากการไล่ล่า แม้แต่ไฟทาร์ก็ยังหนีเหตุการณ์แบบนั้นไม่พ้น
โอการ์เพิ่งจะคิดได้เมื่อไม่นานนี้ว่า หากไม่รวมพลังกันย่อมไม่มีความหวังใดๆอีกแล้ว
“ท่านโอการ์”
เบซองมินเข้ามาเยี่ยมเยียนโอการ์
โอการ์หยุดการสอนทั้งหมด
“พอก่อน เราจะพักกันเล็กน้อย”
ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งพันคนโค้งรับ
“ข้าได้ยินข่าวของเจ้าอยู่บ้านกัน ว่าแต่อะไรทำให้เจ้ามาที่นี่?”
ไม่มีทางที่เบซองมินจะมาเยี่ยมเขาโดยไร้เหตุผล
“กระผมมีข้อความจากนายท่านมาแจ้ง”
แม้แต่กับทาร์แคน เบซองมินก็พูดด้วยอย่างไม่เป็นทางการ แต่สำหรับโอการ์เบซองมินยังเกรงใจเล็กน้อย เพราะโอการ์คือเพื่อนของมูยอง
“ข้อความอะไร ข่าวนั่นงั้นหรือ?”
“เจ้านายอยากให้ท่านเข้าร่วมสงคราม”
“ร่วมสงคราม?”
“โปรดรวบรวมและนำผู้คนทั่วอาณาเขตของเราไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหนก็ตามไปเข้าร่วมสงคราม”
“ไฟทาร์ทุกคนกับเหล่าลูกศิษท์ของข้าด้วยงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ นายท่านต้องการชัยชนะ”
โอการ์ลูบคาง
ความหมายของเบซองมินคือ ให้เขาเป็นทัพหน้าสำหรับสงครามใหญ่ที่มูยองได้ นี่เป็นแผนการที่อันตรายสำหรับเขามาก เพราะหลังจากผ่านศึกหลายแห่งกองกำลังของเขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก โอการ์ควรหาทางเลือกอื่นที่แตกต่าง และความเชื่อใจก็เป็นพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นต้องมี
“พวกเรามีดินแดนเพิ่มขึ้นแล้วไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องทำสงครามเลย?”
“ชัยชนะจากสงครามครั้งนี้จะทำให้เราได้รับอิสระโดยปราศจากการควบคุม”
“อิสระจากการควบคุม? มันก็แค่ถ้อยคำหอมหวาน เพราะสุดท้ายทุกคนก็อยู่ภายใต้การควบคุมของมูยองอยู่ดี? “
“พวกเราจะโค่นบาอัล! ตอนนี้เกรโมรี่กับอีกเทพปีศาจบางตนก็จะช่วยพวกเราด้วย”
“…! เทพปีศาจ?”
โอการ์นิ่งอึ้ง
มูยองไปไกลจนสามารถสู้กับเทพปีศาจได้แล้วรึ
ถ้ามีคนที่โค่นล้มบาอัลลงได้ คงมีหลายคนเต็มใจการถูกคนผู้นั้นควบคุมไม่น้อย
“นายท่านจัดการเทพปีศาจดันดาเลี่ยนกับเลราเจไปแล้ว เขาได้รับพลังและอำนาจของพวกมันมา สำหรับตอนนี้เขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีบาอัลร่วมกับเหล่าเทพปีศาจที่ต่อต้านมัน”
“ฮ่า เขาบ้าไปแล้วจริงๆ!”
ตัวของโอการ์สั่นเทิ้ม มนุษย์ตัวจ้อยแสนอ่อนแอที่เขาได้พบเจอในอดีตสามารถพัฒนาตนเองจนไปถึงระดับนั้นได้
มันยากที่จะเชื่อเหลือเกิน แต่ไม่มีเหตุผลที่เบซองมินจะโกหก และโอการ์คงอยู่เฉยๆไม่ได้อีกต่อไป
“โค่นบาอัล ฮ่าๆ”
สิ่งที่เป็นไปไม่ได้แม้จะเป็นในความฝัน แต่มูยองกลับกำลังทำมัน ไม่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาอีกต่อไป ด้วยใบหน้าที่ปลอดโปร่งขึ้น โอการ์ยิ้มเบาๆ
“ข้าจะเป็นคนนำทัพให้เอง”
ตอนนี้มูยองไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว เขามีมือมีเท้าที่พร้อมจะเคลื่อนไหวให้ตัวเองและมีคนที่สามารถไว้วางใจได้
ความปั่นป่วนที่จะสั่นคลอนโลกปีศาจกำลังเริ่มจะเริ่มขึ้น