The King of the Battlefield - ตอนที่ 259
บทที่ 259: ตัวตนเหนือธรรมชาติ (5.2)
“ถ้างั้นนายรู้ใช่ไหมว่าที่รักของฉันอยู่ไหนเจ้าม้าดำ? วูฮีอยากเจอที่รักจะตายอยู่แล้ว”
อาชานรกสะบัดหัวอีกครั้ง
จริงๆมันสามารถหาตำแหน่งของมูยองได้ แต่ในการทำเช่นนั้นมันจำเป็นต้องไปจากพื้นที่พิเศษแห่งนี้
วูฮีรู้สึกผิดหวังอีกครั้ง
“ฉันต้องไปหาที่รักให้ได้…ถ้าไม่งั้นที่รักอาจตกอยู่ในอันตราย…”
ฮี้?
พอได้ยินแบบนั้นอาชานรกก็เริ่มเกิดความสนใจขึ้น เพราะไม่ว่าด้วยเหตุผลใดคิงสเลเยอร์ก็สั่งให้มันคอยช่วยเหลือมูยองอย่างเต็มที่ ยังไงก็ตามงแม้จะปราศจากการช่วยเหลือจากมัน สัตว์ประหลาดอย่างมูยองก็คงไม่เป็นอะไร เพราะเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกวันจนสามารถกระทั่งไล่จับเทพปีศาจได้
สำหรับวูฮีที่ยังคงเป็นกังวลยืนขึ้นด้วยท่าทางห่อเหี่ยว
“แม่ของวูฮีบอกว่าเดียโบลเป็นเทพปีศาจที่อันตรายมาก อ่า..แม่ของวูฮีเป็นราชินีภูตินี่นา? ถ้างั้นเธอน่าจะรู้หลายเรื่องที่วูฮีไม่รู้”
อาชานรกอดทนฟังอย่างใจเย็น และจากท่าทางของมันก็เดาได้ว่ามันต้องการให้วูฮีพูดต่อไป
“นายรู้อะไรไหม? มันแปลกที่เดียโบลถูกอัญเชิญออกมา เดียโบลเป็นเทพที่ไม่ควรมีตัวตนอยู่ในโลกนี้ตั้งแต่แรก? ถ้าไม่รีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด จุดจบของโลกก็คงต้องมาถึง”
จุดจบของโลก
คำเหล่านั้นหมายถึงการล่มสลายของโลก
อาชานรกทำจมูกฟืดฟาด เพราะนั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมันมากนัก ไม่ว่าโลกโลกปีศาจจะถูกทำลายหรือไม่ มันแค่ต้องการอาศัยอยู่กับเหล่ายูนิคอร์นอย่างสงบเท่านั้น
“ถ้าไม่มีวูฮีกับคนที่อัญเชิญเดียโบลมา ที่รักคงเอาชนะเขาไม่ได้ แต่พ่อของวูฮีพูดต่างออกไป เขาบอกว่า ปัญหาสำคัญคือจ้าวแห่งความมืด เหตุผลที่เดียโบลสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ก็เพราะมันกินจ้าวแห่งความมืดหรือไม่ก็บางอย่างเข้าไป? “
จ้าวแห่งความมืด!คิงสเลเยอร์เจ้านายที่แท้จริงของอาชานรกคือหนึ่งในนั้น
เลเยอร์เป็นจะกลายเป็นเหยื่อของเดียโบลหรือไม่?
ยังไงก็ตามคิงสเลเยอร์แข็งแกร่งที่แม้แต่เทพที่แท้จริงก็งไม่สามารถยั่วยุได้ อาชานรกรู้เรื่องนั้นดี
“ถ้างั้น อืม หรือมีใครบางคนพาจ้าวแห่งความมืดไปสังเวยให้มัน? ถ้าความมืดพังทลายลงจากการที่จ้าวแห่งความมืดถูกเดียโบลกิน…ทุกมิติก็จะเกิดความปั่นปวน? ถึงวูฮีจะยังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็มองออกว่าสิ่งนั่นจะนำโลกไปสู่ความหายนะ!”
จ้าวแห่งความมืดคือสถานะสุดท้ายสำหรับผู้ซึ่งไม่อาจเป็นเทพเจ้าได้ โซโลมอนเก็บสิ่งมีชีวิตหลายอย่าง แม้กระทั่งคิงสเลเยอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ตัวของอาชานรกแข็งทื่อเกือบนาที มันคิดว่ามูยองอาจช่วยบางอย่างได้ ตอนนี้อาชานรกกังวลเรื่องคิงสเลเยอร์มากกว่ามูยองเสียอีก
“‘งั้นวูฮีจะไปตามหาที่รัก วูฮีจะทำอะไรสักอย่าง ลาก่อนนะเจ้าม้าดำ”
วูฮีไม่ขอความช่วยเหลืออีกต่อไป และต้องการทำมันด้วยตนเอง
ฮี้!!!!!!
อาชานรกก้าวไปตรงหน้าทางเดินของวูฮี
“แกให้ฉันขึ้นขี่ได้ยังงั้นเหรอเจ้าม้าดำ?”
ฮี้!!!!
อาชานรกส่งเสียงฟืดฟาดออกมทางจมูก จากนั้นก็ขยับเข้าไปหาก่อนที่วูฮีจะขึ้นไปบนหลังของ
“ขอบใจแกมากเจ้าม้าดำ”
วูฮีอยู่บนหลังของอาชานรก
ฮี้!!!!!
ฮี้!!!!!!!!!!!!!!!!
ในขณะที่พวกเขากำลังจะออกไปจากพื้นที่พิเศษ ยูนิคอร์นนับร้อยก็วิ่งตามออกมา แม้แต่ลูกม้าก็ยังขอร้องที่จะติดตามเขาไป
หลังจากหยุดคิดอยู่พักหนึ่ง อาชานรกก็ตัดสินใจที่จะพายูนิคอร์นส่วนใหญ่ติดตามออกไปด้วย โดยเหลือไว้ปกป้องเด็กๆไว้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ฝันที่มีความสุขของอาชานรกได้จบลงแล้ว
………………………
ผืนโลกสั่นไหวอย่างบ้าคลั่งจนเกิดเป็นรอยแยกขนาดมหึมา
สรวงสวรรค์ดังกึกก้องราวกับมีสิ่งมีชีวิตที่มองไม่เห็นกำลังห้ำหั่นกัน
คลื่นยักษ์ขนาดใหญ่โตเท่าภูเขากวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางอยู่เบื้องหน้า
เหล่าเวทย์ต้องห้ามต่างถูกปลดปล่อย
มอนสเตอร์รอบๆปราสาทสิ้นชีพทันที ตัวที่ยังรอดต่างกรีดร้องในขณะวิ่งหนี แม้แต่เทพปีศาจก็ยัต้องหวาดกลัว ชายคนหนึ่งสวมผ้าคลุมเก่าๆปรากฏตัวขึ้นบนยอดสูงสุดของกำแพงปราสาท
“ข้าคือเมอร์ลิน ผู้นำทางและปกป้องของพวกเจ้า”
ทุกๆคนในเมืองใหญ่ต่างมองไปที่ชายดังกล่าวเป็นสายตาเดียว
“นั่น! นั่นเมอร์ลิน”
“พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เมอร์ลิน”
ทุกคนคุกเข่าลงด้วยความเกรงกลัว
และออสการ์ ชายผู้ที่กำลังปลอมตัวเป็นเมอร์ลินก็กลืนน้ำลายลงด้วยความประหม่า
‘ฉันมั่นใจว่าส่วนที่เหลือเบซองมินจะต้องจัดการให้แน่นอน’