The King of the Battlefield - ตอนที่ 260
บทที่ 260: ตัวตนเหนือธรรมชาติ (5.3)
สถานการณ์ที่เบซองมินสร้างขึ้นนั้นออกมาดูดีมาก
มูราลันกำลังอยู่ในช่วงกลางของการเฉลิมฉลองที่บนท้องถนนเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ
อุปกรณ์เวทมนตร์ และอาวุธที่เต็มไปด้วยพลังอภินิหาร ข้าวของระดับระดับตำนานต่างๆถูกนำออกมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นอย่างตื่นตาตื่นใจ
เหล่านักบวชใช้พลังเทวะเพื่อสร้างดอกไม้ไฟแห่งการเฉลิม เป็นนกฮูกสีขาวบินอยู่เต็มท้องฟ้า
เหตุการณ์นี้นับเป็นประวัติศาสตร์ของมูราลัน เพราะไม่เคยมีผู้ปกครองคนไหนจัดงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จึงทำให้ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความปิติยินดี พวกเขาสนุกกันจนลืมความกังวลทั้งหมดไป
“อร่อยมาก แอ๊ปเปิ้ลมันหวานขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
เบซูจียิ้มอย่างมีความสุขหลังจากกัดลูกแอ๊ปเปิ้ลลงไปคำหนึ่ง
ควอนวังที่ยืนอยู่ข้างๆเธอถอนหายใจหลายครั้ง
“เธอควรเอาเวลาไปฝึกมากกว่านะ…”
“นี่มันงานเลี้ยงฉลองนะ ถ้าไม่สนุกตอนนี้จะไปสนุกตอนไหนล่ะ”
“เธอไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้…”
“เฮ้! เจ้าตัวตลกทำลูกโป่งให้ฉันลูกหนึ่งสิ!”
เบซูจีวิ่งตามตัวตลกไปเหมือนเด็กน้อยที่กำลังสนุก
ถูกต้องความจริงเธอเป็นเด็ก แต่สำหรับควอนวังผู้ที่ต้องการสอนทุกสิ่งทุกอย่างให้เธอมันดูค่อนข้างเสียเวลา
‘เยี่ยม ความเร็วของแซงหน้าฉันไปแล้ว’
ความเร็วของเบซูจีมีมากกว่าใครคนหนึ่งจะจินตนาการออก ควอนวังไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนเป็นเช่นนี้
เลเวลของเธอแซงควอนวังสิบผู้แข็งแกร่งในเหล่ามนุษย์ชาติไปแล้ว และเหตุผลที่เธอแข็งแกร่งขึ้นขนาดนั้นก็เป็นเพราะทักษะพิเศษอย่าง ‘สายเลือดแห่งแสง’นั่นเอง
ทักษะสายเลือดแห่งแสงทำให้เธอสามารถเรียนรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
‘เธอยังไม่สูญเสียจิตวิญญาณไป’
ตั้งแต่เบซูจีเจอมูยองกับเบซองมินเธอก็ดูหดหู่ใจไปเลย นอกจากนั้นเธอยังโกรธควอนวังอีกด้วยที่ลักพาตัวเธอมาโดยไม่ถามความสมัครใจ
ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอาแต่ฝึกฝนราวกับว่าไม่มีทางเลือก ดังนั้นการได้เห็นเธอมีความสุขอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ดี
“มันน่าจะเริ่มช้ากว่านี้นะ”
หลังจากเวลาผ่านไป ควานวังก็ออกไปที่จัตุรัสอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน
ทุกคนต่างอยากได้ยินเสียงของพระสันตะปาปาชัดๆจึงออกมากันเต็มลานกว้าง
แน่นอนว่าคำพูดที่พระสันตะปาปาถ่ายทอดออกมานั้นเปรียบเสมือนออกมาจากปากของผู้นำร่องแห่งเทพเจ้า
‘มูราลันถูกยึดครองโดยผู้นำร่องแห่งเทพเจ้า เบื้องหลังการเฉลิมฉลองเช่นนี้น่าจะเป็นเพราะเธอ’
ควอนวังมีประสบการณ์ยาวนาน เขาไม่คิดว่าการจัดงานฉลองจะเป็นการวางแผนชั่วข้ามคืน ต้องมีบางอย่างอยู่เบื้องหลังการเฉลิมฉลองนี้
แท๊น แท๊น แท๊น
แตรถูกบรรเลง
“พระสันตะปาปา!”
“พระสันตะปาปาทรงพระเจริญ”
ทุกๆคนต่างโบกมือต้อนรับการมาของพระสันตะปาปา
และที่นั่นก็มีไฮซินท์ผู้นำร่องของเทพเจ้าอยู่ด้วยเช่นเคย
ไฮซินท์ คือผู้นำร่องของเทพเจ้า
แม้ว่าร่างกายของเธอจะไม่ต่างจากหญิงสาวทั่วไป แต่เสน่ห์อันเย้ายวนซึ่งไม่อาจมองเห็นได้กำลังแผ่กระจายออกมาจากเธอ ไม่มีอะไรต้องพูดเพิ่มเติมอีกในเมื่อเธอเป็นคนเชิดพระสันตะปาปาอยู่
‘ฮืม แค่มองจากตรงนี้ก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขนาดนี้เลย!’
คอนวังหันศีรษะไปทางอื่นอย่างไม่เต็มใจนัก มันเป็นเพราะว่าเขาสามารถเพ่งไปที่พระสันตะปาปาเท่านั้น
“ว้าว ผู้หญิงคนนั้นน่ารักจัง เหมือนตุ๊กตาเลย แต่หน้าเธอดูคุ้นๆแฮะ… “
เบซูจีวิ่งออกไปขณะที่ถืออมยิ้มที่ใหญ่พอๆกับศีรษะของตัวเอง
เบซูจีไม่รู้สึกใดๆถึงพลังของมนต์เสน่ห์
สิ่งใดก็ตามที่อยู่ในรูปแบบของ ‘พลังงานชั่วร้าย’ ไม่สามารถทำอะไรเบซูจีได้ง่ายๆ และในกรณีนี้ก็เหมือนกัน
“ประชาชนที่รักแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสนุกกับงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นในวันนี้ “
พระสันตะปาปากล่าว
จากนั้นคำพูดอย่างเป็นทางการต่างๆก็เริ่มขึ้น
“เฮ้อ”
เบซูจีหาวขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว แต่เธอก็รีบปิดปากตัวเองหลังจากเห็นสายตาของผู้คนรอบๆที่มองมา
“อาจารย์ พระสันตะปาปานี้เป็นคนพูดเก่งแบบนี้ตลอดเหรอ?”
เธอกระซิบถามควอนวัง
ควอนวังส่ายหัว
พระสันตะปาปาไม่ใช่คนที่พูดอะไรเยอะ เขาจะพูดแค่สิ่งที่ต้องพูดเท่านั้น ยังไงก็ตามวันนี้พระสันตะปาปาพูดเยอะเป็นพิเศษ
“…..ไม่นานมานี้ มีราชาปีศาจสองตนบุกรุกเกรทซิตี้ และเมอร์ลินก็ช่วยหยุดยั้งพวกมัน”
เมอร์ลิน
เรื่องราวนี้แพร่กระจายไปทั่วจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้ว
พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่เมอร์ลิน ผู้คนขนานนามเขาว่าเป็น ‘ผู้พิทักษ์แห่งอารามสีคราม’
ผู้พิทักษ์ได้ออกมาสู่โลกภายนอกเป็นการส่วนตัว
จากอ้างอิงถึงเขา พระสันตะปาปาต้องการกำหนดบางอย่างสำหรับอนาคต
แม้ว่าคำพูดของเขาจะยืดยาว แต่มีเพียงข้อสรุปเดียว
“เมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งใหม่ของเราจะทำตามความประสงค์ของเมอร์ลินสำหรับการโค่นล้มเหล่าเทพปีศาจ เพื่อชีวิตของประชาชนทุกคนที่นี่และมนุษยชาติ”
“หา!”
“มันคือสงคราม!!”
หน้าผากของควอนวังปรากฏรอยยับย่น
ทำไมจู่ๆสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ถึงเกิดขึ้น
ยังไงก็ตามผู้คนไม่มีข้อสงสัยเหมือนกับว่าพวกเขาจะทำตามที่แนะนำทุกอย่าง ราวกับกำลังโดนเวทย์แบบกลุ่ม
“ไปกันเถอะ พวกเราควรออกไปจากมูราลัน”
มันไม่ใช่ลางดี
ควอนวังกล่าว แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“…?”
พอรู้สึกถึงความผิดปกติ เขาก็หันไปมองรอบๆแต่เบซูจีไม่ได้อยู่แถวนั้นแล้ว
‘ยัยเด็กดื้อนี่หายไปไหนซะแล้ว?’