The King of the Battlefield - ตอนที่ 278
บทที่ 278 สงครามเทพปีศาจ (5 part1)
กลยุทธ์ข่าวลวงประสบความสำเร็จในการจำกัดการเคลื่อนไหวของกองทัพศัตรู แต่หากข้อมูลเท็จดังกล่าวกลายเป็นจริงขึ้นมาย่อมจะกลายเป็นปัญหา
‘ฉันยังไม่ได้เตรียมตัวเลย’
บาอัลและโซโลมอนเป็นสองตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุด ซึ่งมูยองต้องการเผชิญหน้าเป็นพวกสุดท้าย ตอนนี้มูยองซ่อนกองกำลังของตัวเองและกระจายออกแยกกันเพื่อโจมตีศัตรู ก่อนจะมารวมตัวกันในที่สุด แน่นอนว่าข้อเสียของสถานการณ์นี้คือกองกำลังของมูยองไม่สามารถรวมตัวกันได้ในทันที
สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ การเผชิญหน้ากับโซโลมอนในสภาพนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ยิ่งไปกว่านั้นมูยองและดันดาเลี่ยนต่างก็ไม่ได้รู้จักโซโลมอนมากนัก
มีเงื่อนไขการดับทำลายโซโลมอนหรือไม่? ไม่มีใครรู้ และมูยองไม่สามารถเคลื่อนไหวโดยผลีผลามหากยังไม่ทราบข้อมูลนั้นๆ
สิ่งที่มูยองต้องคิดมีทั้งการโจมตีจากอาม่อน จุดประสงค์ของไพม่อน และภัยที่อาจมาจากโซโลมอนซึ่งตอนนี้มีแต่มูยองเท่านั้นที่รู้ตัว
‘เหมือนจักรยานที่เสียหาย…’
จู่ๆความคิดนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของมูยอง มูยองเริ่มออกวิ่ง จากนั้นก็วิ่งต่อไป เขาเผชิญหน้ากับเทพปีศาจก่อนที่ผู้สนับสนุนของเขาจะรู้ด้วยซ้ำ เขาไม่มีเบรคและไม่คิดจะหยุด ไม่ต่างกับกับจักรยานที่พังโดยมูยองก็ยังปั่นมันไปอย่างประมาท แล้วตอนนี้ผลออกมาเป็นยังไง? เขาเองก็เคยคิดว่ากลยุทธ์สายฟ้าแลบของตัวเองอาจมีผลข้างเคียง การกินอาหารเร็วเกินไปอาจทำให้คุณปวดท้องได้ เขารู้เหตุผลเช่นนั้น เพียงแต่เขาไม่มีเวลาชักช้าอีกแล้ว
ผู้สนับสนุนและพันธมิตรของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป และหากฝ่ายตรงข้ามระส่ำระสายเนื่องจากยุทธวิธีของเขา พวกเขาจะรวบรวมกำลังและกวาดล้างพวกมัน
เนื่องจากมูยองรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจึงดำเนินการอย่างรวดเร็ว เขาใช้ทั้งโชค ทักษะ และองค์ประกอบอื่น ๆมากมายเพื่อชดเชยสิ่งที่เขาไม่สามารถเตรียมมาที่นี่ได้ อย่างไรก็ตามมูยองไม่ได้เตรียมอะไรที่จะเผชิญหน้ากับโซโลมอนเลย ไม่มีอะไรเลยที่พร้อม
“เหมือนมันกำลังจะทำบางอย่าง”
นอกจากนี้มูยองยังรู้สึกถึงอันตรายได้โดยสัญชาตญาณจากโซโลมอน สัญชาตญาณของเขาคอยตะโกนบอกให้หนีไปซะ แต่หากโซโลมอนผู้ที่เทพปีศาจทั้งหลายเกรงกลัวต้องการบางอย่างจากมูยอง เขาก็คงต้องได้แต่เผชิญหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามโซโลมอนไม่ได้ทำอะไรกับมูยองในทันที หรือมันอาจจะกำลังเตรียมเรียกเดียโบลออกมาก็ได้
‘โซโลมอนยังไม่สามารถใช้พลังได้เต็มที่ในโลกนี้’
จากคำพูดของเกรโมรี่ หากโซโลมอนสามารถใช้พลังของตนได้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเรียกเดียโบลออกมาสู้แทน
‘ถ้างั้นโซโลมอนก็ไม่สามารถโจมตีฉันตรงๆได้’
มูยองได้ข้อสรุปเบื้องต้น อย่างไรก็ตามยังคงเป็นอันตรายหากเดียโบลที่แม้แต่บาอัลยังต้องระมัดระวังถูกเรียกออกมา เพราะเป็นไปไม่ได้ที่มูยองจะเผชิญหน้ากับมันเพียงลำพัง
“เกิดอะไรขึ้น?”
เกรโมรีถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า เธอดูแปลกใจที่มูยองยังไม่ขยับเขยื้อนและดูครุ่นคิด
“ ระวังด้านหลังให้ผมด้วย”
“ด้านหลัง…?”
“เขาอยู่ที่นี่”
“เขาไหน?”
“ โซโลมอน”
“ … !!”
เกรโมรี่สะดุ้ง รูม่านตาของเธอขยาย และดูเหมือนเธอจะประหลาดใจ อย่างไรก็ตามเธอเคยพบกับโซโลมอนมาก่อนอาจเป็นไปได้ที่เกรโมรี่จะสามารถซื้อเวลาได้มากกว่ามูยอง และพวกเขาต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ตูม!
เขาเตะพื้นและกระโดดขึ้น พร้อมกับกางปีกกว้างทะยานพุ่งสู่ท้องฟ้า โดยมีเป้าหมายคืออาม่อน
สิ่งที่มูยองทิ้งไว้เบื้องหลังตอนนี้มีเพียงเสียงดังสนั่นคล้ายสายฟ้ากัมปนาทเท่านั้น
สำหรับรอบตัวอาม่อน ฉากที่ทุกสายตามองเห็นขณะนี้คือการสังหารหมู่ เมฆพายุขนาดใหญ่พร้อมด้วยสายฟ้าสว่างจ้า อาม่อนยิงลูกไฟขนาดใหญ่อย่างรวดเร็วด้วยมือทั้งสองข้าง และยังเรียกพายุใบมีดขึ้นมาสังหารปีศาจที่บินมาหามันหลายสิบตัวพร้อมกัน เมื่อใดก็ตามที่มันเปล่งเสียงร่ายคาถาจบปีศาจนับร้อยก็จะตกตายลง
ตอนนี้มีเพียงกองทหารของมูยอง ซึ่งมีคริมสันบาร็อคและทาร์แคนที่กำลังต่อสู้แนวหน้าเท่านั้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบอะไร เนื่องจากได้รับการสนับสนุนโดยโล่ป้องกันของเกรโมรี่ ศัตรูจึงไม่สามารถทำลายแนวป้องกันดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตามแค่นี้อาม่อนก็ทำให้ทุกคนประจักษ์ได้ถึงพลังของเทพปีศาจระดับสูงหนึ่งในเจ็ดแล้ว
‘อาม่อนเป็นเจ้าแห่งเวทมนตร์ ถ้าเขาเกรงกลัวโซโลมอน เขาต้องหาวิธีแก้ปัญหาไว้บ้างแน่ๆ ‘
มูยองมั่นใจในความคิดของตัวเอง
เวทมนตร์คือความลึกลับ และผู้ที่ใช้อำนาจความลึกลับไม่ควรยอมจำนนต่อความลึกลับนั่นเสียเอง ซึ่งโซโลมอนนี่แหละที่เป็นดั่งความลึกลับดังกล่าว
หากมูยองสามารถดึงอาม่อนเข้ามาเป็นพวก อาจมีวิธีจัดการกับโซโลมอนก็เป็นไปได้
แต่ทำยังไงล่ะ?
‘การควบคุมเป็นเรื่องยาก’
มูยองวางแผนที่จะควบคุมมันตั้งแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตามโซโลมอนเป็นตัวแปรที่เขาไม่คาดคิด หากมูยองใช้พลังมากเกินไปอาจนำไปสู่หายนะได้
มูยองวาดดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว
ด้วยเสียงกรีดร้องเบาๆจากตัวดาบ มูยองฟันฉวับไปที่มุมด้านข้างของอาม่อนจากนั้นสายฟ้าสีดำก็บินตรงไปที่อาม่อนทันทีพร้อมกับพุ่งชนอย่างรุนแรง ยังไงก็ตามอาม่อนคว้ามันไว้ได้ด้วยมือ…
เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์ สายฟ้าสีดำกำลังบิดตัวอยู่ในกำมือของอาม่อน
‘มันใส่ถุงมือที่สามารถควบคุมพลังเวทได้’
มูยองทราบเรื่องนั้นด้วยการทดสอบโจมตีเพียงครั้งเดียว
จากนั้นอาม่อนปาสายฟ้าสีดำกลับมาที่มูยองพร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่น ทำให้มูยองตกเป็นเป้าจากการโจมตีของตัวเอง
มูยองยกความโกรธเกรี้ยวขึ้นและผ่าสายฟ้าสีดำออกเป็นสองส่วน เขาสามารถจัดการสิ่งนี้ได้เนื่องจากไม่ได้โจมตีเต็มแรงตั้งแต่แรก หากไม่เช่นนั้นมูยองคงไม่สามารถรับการโจมตีดังกล่าวได้
“เจ้าคือมูยองงั้นเหรอ?”
อาม่อนจ้องมองมูยองด้วยความสนใจ ในขณะที่มูยองจ้องกลับอย่างเงียบๆ
“ เจ้ายกเลิกเวทของข้า และควบคุมเอนโรธได้ยังไง”
“ คุณไม่รู้เหรอ?”
แน่นอนว่ามันเป็นเพราะพลังของมูยองแข็งแกร่งขึ้น เรื่องนี้อาม่อนก็รู้เช่นกันแต่ที่เขาถามเพราะต้องการรายละเอียดที่มากกว่านี้
มูยองสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของอาม่อน
“ ใช่ข้าไม่รู้หรอก ถ้าอย่างนั้น…”
อาม่อนสะบัดมือหนึ่งครั้งจากนั้นมีดสายลมโปร่งใสก็ก่อตัวขึ้นรอบๆมูยอง
จำนวนของมันอย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นเล่ม มูยองรู้สึกประทับใจที่เขาสามารถสร้างการโจมตีอย่างท่วมท้นด้วยท่าทางง่ายๆ