The king of War - บทที่ 1022 ตระกูลฉิน
ฉินต้าหย่งฟื้นขึ้นจากอาการชาจากยาสลบ เสี้ยวเสี้ยวหลับลึกไปสองชั่วโมงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน
ดูแล้วยังเป็นยาเม็ดนั้นที่เฝิงเสียวหว่านให้เสี้ยวเสี้ยวได้ผลจริงด้วย หลังเสี้ยวเสี้ยวตื่นมา ก็เหมือนว่าลืมเรื่องราวที่เกิดในตระกูลซุนแล้ว บนหน้ามีรอยยิ้มแบบเดิมกลับคืนมา
เวลานี้ กำลังเล่นอยู่กับเฝิงเสียวหว่าน
“หยางเฉิน เรื่องในวันนี้ พ่อหวังว่าจะปิดเสี่ยวซีกับเสี่ยวยีไว้ได้”
ฉินต้าหย่งที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ เอ่ยปากพูดแบบหน้าตาอ่อนแรง
หยางเฉินหัวเราะแบบขมขื่น “พ่อครับ สภาพในตอนนี้ของพ่อ จะปิดอย่างไรได้ครับ?”
เขารู้ดีแน่นอนว่า ฉินต้าหย่งกลัวฉินซีและฉินยีจะเป็นห่วง ถึงได้ให้หยางเฉินปิดบังเรื่องนี้ไว้
เพียงแต่เขาบาดเจ็บหนักเหลือเกิน ฉินซีและฉินยีฉลาดมาก จะปิดบังได้อย่างไรกัน?
สิ่งสำคัญที่สุดคือ เสี้ยวเสี้ยวก็ประสบพบเจอเรื่องราวที่เกิดในที่หลบภัยใต้ดินของตระกูลซุนเช่นกัน ถึงแม้ตอนหลังจะหมดสติไปแล้ว แต่ว่าก่อนหน้าที่จะสลบ ภาพเหตุการณ์ที่ฉินต้าหย่งโดนฉินชางทำลาย เธอยังจดจำได้
ฉินต้าหย่งบอกว่า “ก็บอกว่าตอนที่พวกเรายังอยู่เจียงโจวกัน ช่วงเวลานั้นที่พ่อติดการพนัน ล่วงเกินคนอื่นเข้า ครั้งนี้เลยโดนแก้แค้นแล้ว”
ฟังฉินต้าหย่งพูดมาขนาดนี้ หยางเฉินจึงพยักหน้าแล้ว มีเหตุผลจริง แต่ไม่รู้ว่าฉินซีและฉินยีจะเชื่อหรือไม่
“ขอแค่ลูกช่วยพ่อ พวกหล่อนจะไม่สงสัยแน่นอน”
ฉินต้าหย่งเดาความกังวลใจของหยางเฉินได้ จึงฝืนหัวเราะไป
“ครับ งั้นก็ตกลงตามนี้แล้ว!”
หยางเฉินตกปากรับคำ
เขาก็ไม่อยากให้ฉินซีและฉินยีเข้ามายุ่งในศึกของเมืองเยี่ยนตู พวกหล่อนเป็นเพียงคนธรรมดา แค่อยากตั้งใจทำงาน และเป็นคนธรรมดาทั่วไป
ปัจจุบันนี้ความลับเรื่องสถานะของฉินต้าหย่งถูกเขารู้เข้า เกรงว่าต่อไปยังจะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉินต้าหย่งเกิดขึ้นอีก
ฉินต้าหย่งต้องไม่มีทางวางตัวเฉยได้แน่ ถ้าเรื่องพวกนี้ถูกฉินซีและฉินยีรู้เข้า ต้องกระทบต่อชีวิตของพวกหล่อนแน่
“พ่อคะ นี่พ่อเป็นอะไรแล้ว?”
ในเวลานี้เอง ฉินยีที่ใส่ชุดสูททำงานพุ่งเข้ามาห้องคนไข้แล้ว มองเห็นฉินต้าหย่งนอนบนเตียงคนไข้ ชั่วพริบตาเดียวร้องไห้ขึ้นมาแล้ว
ฉินต้าหย่งในเวลานี้ ที่ศีรษะล้วนเป็นผ้าพันแผล ดูขึ้นมาย่ำแย่อย่างยิ่ง เพียงเผยดวงตาปากและจมูกออกมา
บนตัวก็พันผ้าพันแผลสีขาวเอาไว้เต็ม แม้กระทั่งยังมองเห็นเลือดสดซึมออกมาอยู่บ้าง ทำผ้าพันแผลเปื้อนสีแดงแล้ว
“เสี่ยวยี เป็นความผิดพ่อเอง ตอนนั้นที่เจียงโจว พ่อไม่ควรติดการพนัน ผลปรากฏว่าตอนนั้นล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้าให้ ครั้งนี้เลยโดนแก้แค้นแล้ว”
“ไม่ใช่แค่พ่อที่ได้รับบาดเจ็บ ยังเกือบพลอยทำให้เสี้ยวเสี้ยวลำบากไปด้วย ถ้าไม่ใช่หยางเฉิน ไม่แน่ว่าชาตินี้พ่อคงไม่ได้เจอลูกอีกแล้ว”
“พ่อไม่เป็นไร ก็แค่บาดเจ็บภายนอกนิดหน่อย พ่อรู้ว่าผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำผิดเรื่องเดิมอีก”
ฉินต้าหย่งรีบบอกทันที
ฉินต้าหย่งวางแผนว่าจะรับมืออย่างไรตั้งแต่แรกแล้ว นำทุกอย่างนี้โบยให้คนที่เคยล่วงเกิน
ไม่ง่ายที่จะหลอกลวงฉินยีได้ จากนั้นฉินซีก็มาอีกคนแล้ว ตอนมองเห็นฉินต้าหย่งสภาพเวทนาอย่างยิ่ง ก็น้ำตาไหลนองเช่นกัน
“เอาล่ะ ไม่ต้องร้องแล้ว เรื่องราวไม่ใช่ว่าจัดการแล้วเหรอ? แค่เจ็บภายนอกนิดหน่อยเอง บาดแผลนี้เทียบกันกับแผลของหยางเฉินที่โดนมาในสนามรบตอนนั้น จะเทียบอะไรกันได้?”
ฉินต้าหย่งย้ายไปที่หยางเฉินแล้ว อารมณ์ของลูกสาวสองคนถึงค่อยๆ ฟื้นกลับมาดังเดิม
“พ่ออยู่โรงพยาบาลมีกินมีดื่มและยังมีคนดูแลอีก พวกลูกมีงานของตัวเอง ไม่ต้องเข้ามาอีกแล้ว พวกลูกมาแล้ว จะกระทบการพักผ่อนของพ่อเปล่าๆ”
ฉินต้าหย่งเอ่ยปากบอกอีก
“แต่ว่า……”
ฉินยีเพิ่งจะเอ่ยปาก ก็ถูกฉินต้าหย่งขัดจังหวะ “จะมีแต่ว่ามากขนาดนั้นทำไม?”
“พวกลูกไม่ใช่หมอ อยู่โรงพยาบาลต่อแล้วจะรักษาให้พ่อได้เหรอ?”
“เดิมทีพ่อก็เป็นคนว่างงานคนหนึ่ง ตอนนี้นอนโรงพยาบาล แค่ดูแลเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้ พ่อก็ตำหนิตัวเองมากพอแล้ว ถ้ายังต้องเสียเวลาของพวกลูกอีก พ่อไม่สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า”
“ตอนนี้พวกลูกเป็นคนสำคัญของเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ยังมีพนักงานมากมายต้องการให้พวกลูกดูแล ถ้าพวกลูกต้องมาเสียเวลาที่จะทำให้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปเติบโตเพราะเรื่องส่วนตัว พวกลูกไม่รู้สึกผิดกับพนักงานของบริษัท ไม่รู้สึกผิดต่อหยางเฉินได้เหรอ?”
ฉินต้าหย่งพูดจาแบบทำท่าทางโมโห
ฉินซีและฉินยีสองพี่น้องหลังจากมองหน้ากันและกันทีหนึ่ง ในสายตาต่างไม่วางใจ แต่ก็รู้ชัดว่าฉินต้าหย่งพูดมามีเหตุผล
“เอาแบบนี้แล้วกัน สองสามวันนี้ผมจะอยู่เฝ้าไข้ก่อน พอผ่านไปสองสามวัน พ่อกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว ผมค่อยไปทำธุระของตัวเอง”
หยางเฉินหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ไม่ได้!”
ใครจะรู้แม้แต่หยางเฉินก็อยากอยู่เฝ้าไข้ ฉินต้าหย่งไม่รับปาก “พวกลูกรีบออกไปเลย ขืนอยู่ที่นี่ต่ออีก จะรบกวนพ่อพักผ่อนจริงๆ แล้ว”
ท่าทีของฉินต้าหย่งหนักแน่นมาก ทำให้ลูกสาวสองคนล้วนลำบากใจอย่างมาก ท้ายที่สุดก็กล่อมฉินต้าหย่งไม่สำเร็จ คนเหล่านี้ได้เพียงออกไปจากโรงพยาบาล
จนกระทั่งหยางเฉินพวกเขาออกมากันแล้ว ในห้องคนไข้ถึงกลับมาเงียบสงบดังเดิม ในดวงตาฉินต้าหย่งค่อยๆ เพิ่มความเคร่งขรึมระดับหนึ่ง
วันนี้เรื่องราวที่เกิดในที่หลบภัยใต้ดินของตระกูลซุน ทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันมากมาย
ตอนที่เขายังเด็กมาก ในส่วนลึกของสมองเขา มักมีภาพบางอย่าง เป็นภาพที่เขาอยู่ในตระกูลใหญ่แห่งหนึ่ง
ยังมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เย็นชาอย่างยิ่ง บอกเขาว่า เขาเป็นอนาคตของตระกูลฉิน และเป็นหนึ่งในสมาชิกของแผนการเพาะพันธุ์ตระกูลฉิน ถ้ามีสักวันหนึ่ง ตระกูลต้องการเขา เขาจำเป็นต้องกลับสู่ตระกูล
เขาไม่รู้สถานะของชายวัยกลางคน กลับรู้ชัดว่า ชายวัยกลางคนที่เย็นชามีไม่ความรู้สึกสักนิดต่อเขาคนนี้ ก็คือบิดาของเขา
แต่ก่อน เขาคิดมาตลอดว่า ภาพเหตุการณ์พวกนี้ ล้วนเป็นความฝันที่เขาสร้างขึ้น
จนถึงวันนี้ หลังจากเขาถูกฉินชางบังคับนำตัวไปที่หลบภัยใต้ดินตระกูลซุน ฉินชางบอกเขาว่า เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกแผนการเพาะพันธุ์ของตระกูลฉินแห่งเมืองคิงเฉา เขาถึงสำนึกได้ว่า ภายในหัวสมองตอนเป็นเด็ก ไม่ใช่ความฝัน
ที่แท้ ทุกอย่างนี้เป็นความจริง
“ตระกูลฉิน สรุปเป็นตระกูลแบบไหนกัน?”
ฉินต้าหย่งพูดพึมพำกับตนเองทันใด ในสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน
อาจจะเป็นเพราะภาพนั้นในหัวสมองรุนแรงเกินไป ดังนั้นตอนที่ฉินชางบอกเขาทุกอย่าง เขาจึงไม่มีจิตใจใดๆ ที่จะปฏิเสธต่อตระกูลฉิน กลับมีความคิดวู่วามอยากจะกลับบ้านดูสักหน่อย
ไม่เพียงเท่านี้ เขายังอยากดูชายวัยกลางคนในฝันคนนั้นหน่อย
ในขณะเดียวกัน ไกลออกไปยังตระกูลฉินแห่งเมืองคิงเฉา ในคฤหาสน์หรูที่สร้างรูปแบบโบราณหลังหนึ่ง
ผู้อาวุโสที่สวมชุดจีนโบราณคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ตรงหน้าเก้าอี้ไม้ ยังจัดวางพิณโบราณตัวหนึ่ง
“แกร๊ง~”
มือทั้งสองของผู้อาวุโสดีดบนสายพิณ สั่นไหวเบาๆ ชั่วขณะนั้นเหมือนเต็มไปด้วยทำนองเพลงที่ผันแปรดังขึ้น
ผู้อาวุโสที่หลังค่อมอยู่บ้างเล็กน้อยคนหนึ่ง ยืนอยู่หน้าประตูมาตลอด เหมือนกำลังรอคอยอะไร
“แกร๊ง~”
ในชั่วขณะนั้น โน๊ตเพลงตัวสุดท้ายจบลง พิณโบราณส่งเสียงดนตรีเพี้ยน ที่แท้สายพิณขาดแล้ว
ผู้อาวุโสชุดจีนโบราณขมวดคิ้วแล้ว จากนั้นมองทางหน้าประตู “เข้ามาเถอะ!”
“ผู้นำครับ!”
ผู้อาวุโสหลังค่อมเดินเข้ามา ทำหน้าเคร่งขรึมพูดว่า “ฉินชาง ตายแล้ว!”
ตึง!