The king of War - บทที่ 1025 เข้าใจผิด
หยางเฉินจากไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ตอนที่กลับมาอีกรอบ พาผู้หญิงหน้าตาสวยที่ยังอายุน้อยกว่าตนเองหลายปีคนหนึ่งกลับมาด้วย
ไม่เพียงแค่นี้ ผู้หญิงคนนี้ยังเรียกหยางเฉินว่าพี่หยางอย่างสนิทสนมมาก ปัจจุบันนี้ยังให้พักในบ้านของตนเองอีก
ฉินซียิ่งคิดยิ่งรู้สึกน้อยใจ เธอเชื่อใจหยางเฉินมากมาโดยตลอด แต่ว่าเจอเรื่องราวแบบนี้ ต่อให้เชื่อใจแค่ไหน ในใจก็ยังมีปมหนึ่งอยู่
สำหรับฉินซีแล้ว ขอเพียงหยางเฉินอธิบายกับเธอสักหน่อย ถึงแม้แค่บอกว่าเขาเห็นแค่เฝิงเสียวหว่านเป็นน้องสาวคนหนึ่ง เธอก็จะไม่คิดมาก
ในขณะเดียวกัน หยางเฉินออกจากบ้านพัก มาถึงบริเวณรอบนอกของยอดเมฆาแล้ว
ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้ทั้งกลมทั้งสว่าง แสงจันทร์สาดส่องที่พื้น แม้กระทั่งสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ
“ออกมาเถอะ!”
ทันใดนั้นหยางเฉินเงยหน้ามองที่ว่างกลางอากาศ ตะโกนแบบเย็นชาทีหนึ่ง
พอเสียงพูดของเขาจบลง เห็นเพียงภาพเงาคนสีดำคนหนึ่ง กระโดดลงมาจากบนต้นไม้สูงตระหง่านต้นหนึ่ง
“ปึง!”
เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ภาพเงาคนสีดำร่วงลงพื้นอย่างหนักอึ้ง พื้นสั่นสะเทือน ชั่วพริบตาเดียวพื้นหินที่แข็งแรงกลายเป็นผงละเอียด
หยางเฉินมองเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามแล้ว นั่นคือใบหน้าคนมีอายุซึ่งซีดขาวจนน่าสยองอยู่บ้างใบหนึ่ง น่าจะเป็นเป็นโรคผิวเผือก
จากบนตัวของผู้อาวุโส หยางเฉินรู้สึกถึงกลิ่นอายยิ่งใหญ่ที่เข้าใกล้แดนราชาสูงสุดไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
เห็นได้ชัดว่า แดนวิถีบู๊ของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่แดนราชาขั้นปลาย เพียงแค่ใกล้จะทะลวงแดนเท่านั้น
ผู้แข็งแกร่งระดับแบบนี้ มีเพียงผู้นำของตระกูลมหาเศรษฐีของเมืองหลวง ถึงมีความสามารถแบบนี้
ตอนที่หยางเฉินมองทางผู้อาวุโส ผู้อาวุโสก็มองทางหยางเฉินเช่นกัน บนหน้าที่ซีดขาว ไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่ในใจเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
เขามาตามคำสั่ง คือต้องเอาชีวิตของหยางเฉิน แต่ว่าเขายังไม่ทันได้เข้าสู่ยอดเมฆา กลับถูกหยางเฉินพบเข้าเสียก่อน
เพียงแต่ จากบนตัวของหยางเฉิน เขาไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายวิถีบู๊ใดๆ
สถานการณ์แบบนี้ มีเพียงความเป็นไปได้สองอย่าง ความเป็นไปได้อย่างแรกคือ หยางเฉินเป็นคนธรรมดา ส่วนความเป็นไปได้อีกอย่างคือ ความสามารถวิถีบู๊ของหยางเฉินต้องอยู่เหนือเขา
แดนวิถีบู๊ของเขาบรรลุแดนราชาขั้นปลายแล้ว ถ้าหยางเฉินจะแกร่งกว่าเขาอีก งั้นอย่างน้อยก็เป็นแดนราชาสูงสุด?
ผู้แข็งแกร่งแดนราชาสูงสุดที่อายุไม่ถึงสามสิบปีเต็มคนหนึ่ง?
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาฉับพลัน “แกเป็นใคร?”
“ฉินชาง โดนแกฆ่าตายสินะ?”
ผู้อาวุโสไม่ได้ตอบหยางเฉิน แต่ว่าถามด้วยเสียงเย็นชา
“ที่แท้เป็นคนของตระกูลฉิน”
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเข้าใจทันที เขารู้ว่าตระกูลฉินต้องมีคนมาหาเขาแน่ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะมาเร็วขนาดนี้
วันนี้ตอนเช้า เขาเพิ่งฆ่าฉินชางด้วยมือตนเอง ผลปรากฏว่าตอนกลางคืน ผู้แข็งแกร่งของตระกูลฉินก็มาแล้ว
ดูแล้ว ตระกูลฉินแห่งนี้คงไม่ธรรมดา ส่งผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งออกมาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นแดนของแดนราชาขั้นปลาย อย่างนั้นผู้นำตระกูลฉิน ควรจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับอะไร?
แดนราชาสูงสุดเหรอ?
ในใจหยางเฉินแอบตกใจอยู่บ้าง
“ดูแล้ว ฉินชางเป็นแกฆ่าตาย!”
แรงอาฆาตแค้นในสายตาผู้อาวุโสเข้มข้นมาก ชั่วพริบตาเดียว ปลดปล่อยเจตนาต่อสู้ออกมาทั่วทั้งตัว พอขยับเท้า ก็พุ่งเข้าไปยังหยางเฉินฉับไว “ตระกูลฉิน อู่เลี่ย!”
ขณะพูดออกไป เขาก็พุ่งมาถึงตรงหน้าของหยางเฉิน ยกมือกุมหมัดไว้ โจมตีไปยังส่วนหน้าของหยางเฉินโดยตรง
ผู้อาวุโสเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งภายใต้การสั่งการของฉินหรูเฟิงผู้นำตระกูลฉิน อู่เลี่ย!
การโจมตีของอู่เลี่ยมีชีวิตชีวาอย่างมาก ไม่เหมือนกับเป็นกำลังวังชาของผู้อาวุโสอายุหกสิบเจ็ดควรจะมี ต่อยหมัดหนึ่งออกมา พื้นที่ว่างเหมือนสั่นสะเทือนไปหมด
เพียงแต่ ต่อให้เขาโจมตีได้อย่างกระตือรือร้นแค่ไหน อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน ก็มีเพียงโดนกำราบไว้
“ปึง!”
ชั่วขณะที่หมัดของอู่เลี่ยต่อยโดนหยางเฉินนั้น หยางเฉินก็ยื่นฝ่ามือขวาออกมา เหวี่ยงในอากาศง่ายๆ จับหมัดของอู่เลี่ยไว้ในมือแน่นทันที
อู่เลียสีหน้าเปลี่ยนในชั่วพริบตา รีบอยากดึงหมัดของตนเองกลับ เพียงแต่ตอนเขาพยายามสุดแรง ถึงพบว่า หมัดที่เขาถูกหยางเฉินจับไว้ เดิมทีไม่มีทางดึงกลับได้
“วอนหาที่ตาย!”
อู่เลี่ยระเบิดอารมณ์โกรธ หยุดการดิ้นรนทันที มือซ้ายกุมหมัดขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะโจมตีไปยังหยางเฉินอีกที
“ปึง!”
หมัดซ้ายถูกหยางเฉินจับไว้เช่นกัน
ความตกใจภายในของอู่เลี่ยยิ่งรุนแรงขึ้น มือทั้งสองถูกหยางเฉินควบคุมติดกัน ปัจจุบันนี้ได้เพียงใช้เท้า
“ปึงๆๆ!”
เท้าทั้งสองของอู่เลี่ยแตะออกไม่หยุด เพียงแค่โจมตีแต่ละครั้ง ล้วนถูกหยางเฉินจัดการได้อย่างสบายๆ
ไม่เพียงไม่สามารถทำลายหยางเฉินได้สักนิด แต่กลับทำให้อู่เลี่ยรู้สึกว่าขาสองข้างใกล้จะแตกหักแล้ว
“ตึง!”
แวบเดียว หยางเฉินก็ปล่อยหมัดทั้งสองของอู่เลี่ยกะทันหัน เกือบจะในเวลาเดียวกัน เขาเตะเท้าออกมา
เห็นเพียงขุนพลอันดับหนึ่งภายใต้สังกัดผู้นำตระกูลฉิน ร่างกายโดนเตะลอยออกไปในชั่วพริบตาเดียว
“เห็นแก่พ่อตาของฉัน ฉันจะปล่อยแกไปสักครั้ง ไสหัวกลับไปบอกผู้นำตระกูลฉิน ถ้าคนของตระกูลฉินกล้ามาหาเรื่องเดือดร้อนฉันกับครอบครัวฉันอีก ต้องตายสถานเดียว!”
เสียงของหยางเฉินดังกังก้องดุจฟ้าผ่า ระเบิดดังอย่างแรงในหัวสมองของอู่เลี่ย
อู่เลี่ยที่เดิมโดนหยางเฉินโจมตีอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บหนัก ได้ยินเสียงนี้ เพียงรู้สึกว่าตนเองอกสั่นขวัญแขวน เขามีภาพลวงตาขึ้นฉับพลัน เสียงนี้เหมือนเป็นเสียงเทพอยู่เหนือโลก ทำให้เขามีภาพลวงตาที่ต้องคุกเข่าลงก้มกราบ
ตอนที่อู่เลี่ยได้สติกลับมาอีกรอบ หยางเฉินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
“แคกๆ……”
อู่เลี่ยไออย่างแรงหลายที ใบหน้าที่เดิมทีซีดขาวมากอยู่แล้ว ชั่วขณะหนึ่งยิ่งซีดเผือดเพิ่มขึ้นไปอีก
เขาย่อมรู้สึกถึงความสยองขวัญของหยางเฉินได้เป็นธรรมดา อยู่ต่อหน้าหยางเฉิน เขาไม่มีแรงสู้คืนสักนิดเดียว ความรู้สึกอย่างนี้ ยังเคยเจอเป็นครั้งแรก
ถึงแม้ว่าอยู่ต่อหน้าฉินหรูเฟิง เขาก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน
“ครั้งนี้ กลัวว่าตระกูลฉินจะเจอเรื่องยุ่งยากใหญ่เข้าแล้ว!”
อู่เลี่ยมองทางยอดเมฆาแบบลึกล้ำแล้ว จากนั้นหมุนตัว ชั่วพริบตาหาบไปในท้องฟ้งยามค่ำคืน
หลังสะสางความวุ่นวายของอู่เลี่ยนี้จบ หยางเฉินถึงกลับบ้าน
เขาผลักประตูห้องนอนเปิดออกเบาๆ เห็นเพียงในห้องที่มืดมิด ตอนที่เตรียมขึ้นเตียง เขาลังเลขึ้นกะทันหัน
ดูท่าทางฉินซีคงหลับไปแล้ว เขากลัวว่าตอนที่ตนเองนอนลงไป จะรบกวนฉินซีตื่นขึ้น
ดังนั้นเขาจึงเดินย่องออกไป และปิดประตูห้องนอนลงเบาๆ
สิ่งที่เขาไม่รู้คือ วินาทีที่เขาเพิ่งปิดประตูสนิทนั้น ฉินซีที่เดิมหลับตาสนิท ลืมตาขึ้นมาแล้ว
แสงจันทร์ด้านนอก ส่องผ่านหน้าต่าง เหมือนเป็นผ้าห่มแสงจันทร์ชั้นหนึ่ง คลุมบนตัวของเธอไว้
ภายใต้แสงจันทร์ บนใบหน้าที่งดงามใบนั้น กลับเต็มไปด้วยน้ำตา
เพียงแต่ ทุกอย่างนี้กำหนดมาให้หยางเฉินไม่รับรู้ หลังเขาออกไปจากห้องนอน ก็นอนอยู่บนโซฟาด้านนอก
เช้าตรู่วันต่อมา หยางเฉินยังอยู่ในความฝัน ทันใดนั้นรู้สึกว่ามีคนเข้าใกล้ตนเอง เขาตกใจตื่นฉับพลัน เห็นเพียงภาพคนหนึ่ง กำลังเข้ามาใกล้ทางเขาอยู่
ชั่วพริบตานี้ เขาแทบจะตอบสนองโดยสัญชาตญาณ ยื่นมือขวาออกไปทันใด จับคอของภาพคนคนนั้นเอาไว้ กดฝ่ายตรงข้ามลงบนโซฟาแล้ว
“เสียวหว่าน!”
ตอนที่หยางเฉินมองใบหน้าคุ้นเคยใบนั้นชัดๆ สีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
“หยางเฉิน!”
ตามมาด้วย เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเขา
มือหนึ่งของหยางเฉินจับคอของเฝิงเสียวหว่าน และเป็นท่าที่กดเฝิงเสียวหว่านไว้บนโซฟาด้วย เหมือนเป็นหยางเฉินทับบนตัวของเฝิงเสียวหว่าน
ได้ยินเสียงขุ่นเคืองที่ลอยมาจากด้านหลัง หยางเฉินถึงเหมือนตื่นจากฝัน รีบลุกยืนขึ้นมาแล้ว หมุนตัวมองไป เห็นเพียงฉินซีกำลังยืนอยู่ด้านหลังของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา