The king of War - บทที่ 1027 กลับถึงเมืองจิ่วโจว
“ตกลง!”
หยังเฉินหัวเราะพูดว่า “ผมส่งคุณออกไป!”
เวลานี้หยางเฉินไม่ได้คิดเลย สถานพยาบาลของเฝิงเสียวหว่านในวันหลัง จะนำมาซึ่งผลกำไรอย่างมหาศาล
ตอนนี้ฉินซียังโกรธกระฟัดกระเฟียดอยู่ หยางเฉินคิดจะอธิบาย แต่ก็รู้ดี เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะอธิบาย ต้องรอให้ฉินซีมีสติสงบลงก่อน แล้วค่อยหาทางชี้แจงอีกที
ในห้องนอน ฉินซีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง บนใบหน้านองด้วยน้ำตา
เซี่ยวเซี่ยวยังคงหลับฝันหวานอยู่ หล่อนนั่งเหม่อมองลูกสาว ความรู้สึกน้อยใจอัดขึ้นมาเต็มอก
เดิมหล่อนคิดว่าหยางเฉินคงต้องตามเข้ามาชี้แจง แต่หล่อนต้องผิดหวัง หล่อนนั่งรออยู่ในห้องพักใหญ่ หยางเฉินก็ยังไม่เห็นเข้ามา
ก่อนหน้านี้ที่เห็นอยู่กับตา ภาพที่หยางเฉินล้มลงไปบนโซฟาพร้อมกับเฝิงเสียวหว่าน หล่อนก็ยังไม่คิดเชื่อเลยเถิดไปว่าหยางเฉินจะมีอะไรที่ซื่อกับหล่อน
กับตัวหล่อนเอง ขอเพียงให้หยางเฉินมาอ้อนง้อหล่อนสักหน่อย หล่อนจะไม่เสียใจถึงขนาดนี้เลย
แต่ หยางเฉินไม่ทำ ดูเหมือนจะออกไปแล้วด้วย
“คุณแม่ คุณแม่ร้องไห้เหรอ?”
จนได้ยินเสียงเซี่ยวเซี่ยวดังขึ้น ฉินซีจึงได้กลับคืนอยู่ในสติ
หล่อนรีบเช็ดน้ำตาให้แห้ง มองฝืนยิ้มให้เซี่ยวเซี่ยว “แม่ไม่ได้ร้องไห้ เพียงแต่ข้างในตาคัน ๆ หน่อย ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวแม่ไปส่งที่โรงเรียน”
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินก็ได้พาเฝิงเสียวหว่านออกไปจากยอดเมฆาแล้ว
เยี่ยนตูเป็นฐานหลักของเขาอยู่ เฝิงเสียวหว่านตั้งแต่เล็กอยู่แต่ที่หมู่บ้านตระกูลหวูเมืองกษัตริย์กวน ขนาดในตัวเมืองกษัตริย์กวนยังไม่เคยเข้าไปเลย
ถึงแม้จะมีดูผ่านทางอินเตอร์เน็ต ยังพอรู้เรื่องโลกกว้างอยู่ แต่ถึงยังไงก็เป็นครั้งแรกที่ออกมาเผชิญโลกภายนอกจริง หยางเฉินก็ย่อมจะไม่ไว้วางใจ
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ทั้งสองก็มาถึงเมืองจิ่วโจว
“ท่านประธาน ท่านมาแล้ว!”
หยางเฉินเพียงเข้ามาถึงเมืองจิ่วโจว ลั่วปิงก็ตรงเข้ามาต้อนรับ สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ
“ใช่แล้ว งานตัวหลักของเมืองจิ่วโจวก็ออกมาแล้ว ดูท่าว่า อีกไม่นานนัก ก็น่าจะเปิดรับกลุ่มธุรกิจได้แล้ว”
หยางเฉินกวาดตามองไป เห็นสภาพทั่วไปอยู่ในสภาพเกือบแล้วเสร็จ พูดยิ้ม ๆ ออกไป
เวลานี้ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปได้ย้ายเข้ามาในเมืองจิ่วโจวแล้ว อีกทั้งแมมบ้าแดงกรุ๊ปของตระกูลเย่ ก็ได้ย้ายเข้ามาแล้ว
ตระกูลอวี๋เหวินกับตระกูลหวง ก็กำลังประสานกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ใกล้ ๆ นี้ก็จะจัดการนำส่วนกลางของกิจการธุรกิจ ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองจิ่วโจว
เมื่อหลังจากสามกิจการธุรกิจในแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูต่างย้ายเข้ามาในเมืองจิ่วโจวแล้ว คิดกันได้เลยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เมืองจิ่วโจวจะรุ่งระเบิดขนาดไหน
ลั่วปิงพูดไปด้วยความตื่นเต้นว่า “ดูตามแผนความก้าวหน้าของงาน ให้อีกสามเดือน ก็จะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดของโครงการ ตอนนี้ก็มีกิจการธุรกิจมากมายที่ติดต่อเข้ามากันเอง จะขอเข้าร่วมอยู่ในโครงการเมืองจิ่วโจว”
“ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกิจการธุรกิจระดับสุดยอดของคนต่างถิ่น ก็ยังคิดอยากจะเข้ามาขออยู่ในเมืองจิ่วโจวด้วย”
ทุกอย่างก็อยู่ในคาดหมายของหยางเฉินแล้วว่าต้องได้ผลสรุปแบบนี้อยู่ ยิ้ม ๆ แล้วก็ถามต่อ “แล้วความก้าวหน้าตามแผนของโครงการแคว้นเมืองอื่น ๆ เป็นยังไงบ้าง?”
ลั่วปิงตอบว่า “ด้วยกำลังสนับสนุนจากประธานท่าน แผนเดิมที่กำหนดไว้ห้าปี ผมมั่นใจว่าน่าจะเสร็จสมบูรณ์ได้ภายในสองปี!”
“ในขณะนี้ นอกจากที่เยี่ยนตู นอกนั้นอีกแปดโครงการเมืองจิ่วโจวได้เลือกทำเลไว้เป็นที่แน่นอนแล้ว แผนดำเนินงานก็จัดการวางเสร็จแล้ว ในไม่กี่วันนี้ ผมตั้งใจว่าจะเข้าไปดูเองสักครั้ง ให้ผมเข้าไปตรวจสอบจนเห็นว่าไม่มีปัญหาเป็นที่ชัดเจนด้วยตัวเองแล้ว ก็จะเริ่มลงมือดำเนินการก่อสร้างอีกแปดโครงการของเมืองจิ่วโจว”
หยางเฉินผงกหัว “ดีมาก ลำบากคุณหน่อยนะ!”
ลั่วปิงจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า “ใช่แล้ว ท่านประธาน เห็นท่านบอกให้เตรียมจุดทำเลเหมาะ ๆ สำหรับเปิดสถานพยาบาล?”
หยางเฉินจึงได้แนะนำให้ลั่วปิงว่า “เธอเป็นน้องสาวของผมเฝิงเสียวหว่าน ฝีมือทางการแพทย์สูงมาก หล่อนคิดจะเปิดสถานพยาบาลสักแห่ง คุณช่วยพาพวกเราไปวน ๆ ดูหน่อย จะได้ให้หล่อนเลือกดูทำเลที่เหมาะสม”
พอได้ยินหยางเฉินพูดดังนั้น ลั่วปิงสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่ง รีบเอ่ยขึ้นว่า “คุณเฝิง สวัสดีครับ ผมลั่วปิงเป็นผู้จัดการเยี่ยนเฉินกรุ๊ปครับ”
เฝิงเสียวหว่านยิ้มให้อย่างนิ่มนวล “ประธานลั่วสบายดี ท่านเรียกดิฉันว่าเสียวหว่านก็ได้คะ”
“งั้นเรื่องของเสียวหว่านก็มอบให้คุณละ ไม่ว่าหล่อนต้องการอะไร ทุกอย่างจัดเต็ม!”
หยางเฉินฝากเสียวหว่านให้กับลั่วปิงอย่างวางใจ กำชับคำสั่งเสร็จ ก็รีบจากไป
ด้วยเหตุทำให้ฉินซีกับฉินยีเข้าใจผิดจากเฝิงเสียวหว่านเมื่อเช้านี้ และเขาก็ออกจากบ้านแต่เช้า ตอนนี้กลับถึงบ้าน ก็จะได้เวลาพอดีที่จะส่งเซี่ยวเซี่ยวไปโรงเรียนอนุบาล
ในระยะนี้ฉินต้าหย่งยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เดิมคิดว่าจะใหเฝิงเสียวหว่านมาช่วยดูแลเด็กสักหลายวัน มาเกิดเหตุการณ์เมื่อเช้านี้ ตอนนี้มันคงทำไม่ได้แล้ว
ฉินซีกับฉินอีต่างก็มีงานยุ่งมาก เรื่องการรับส่งเด็กนักเรียน ก็ต้องตกเป็นของเขาเอง
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ ที่ยอดเมฆา
ฉินซีได้จัดการแต่งตัวให้เซี่ยวเซี่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นฉินอีลากกระเป๋าเดินทาง กำลังเดินออกมาจากในห้อง
“เสี่ยวอี นี่เธอจะไปไหนกัน?”
ฉินซียังไม่รู้เรื่องที่หยางเฉินตบหน้าฉินยี เห็นฉินยีลากกระเป๋าเดินทางเดินกระฟัดกระเฟียดจะจากไป ก็ให้รู้สึกตกใจ
“พี่สาว!”
พอเห็นฉินซี ฉินอีก็สะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก น้ำตาพรั่งพรูไหลทะลักออกมา
“เสี่ยวยี นี่เธอเป็นอะไร?ร้องไห้ทำไม?รีบบอกพี่มา ไอ้บัดซบหน้าไหนมารังแกเธอ?”
ฉินซีรีบเข้าไปหา โอบกอดฉินยีไว้แล้วพูด
“พี่ หยางเฉินตบหน้าฉัน!”
ฉินยีพูดพร้อมกับเสียงร้องไห้ที่กลั้นไม่อยู่ พอพูดจบ ความคับแค้นใจยิ่งรุนแรงหนัก เดิมที่แค่สะอื้นกับน้ำตา
พอพูดจบว่าหยางเฉินตบหน้าเธอ ก็เก็บกลั้นอะไรไม่อยู่แล้ว ระเบิดเสียงร้องไห้เต็มที่
“เธอว่าอะไรนะ?เขากล้าตบหน้าเธอเลยเชียวหรือ?”
ฉินซีก็ถึงกับช็อกเหมือนกัน หล่อนจะยังไงก็คิดไม่ถึง สามีที่สมบูรณ์พร้อมในสายตาของหล่อน จะลงมือตบหน้าฉินยีได้
เห็นน้องสาวร้องไห้เต็มที่ถึงขนาดนี้ ฉินซีเดือดดาลขึ้นมาในทันทีนั้น
หยางเฉินถ้าจะทำอะไรกับหล่อนเอง หล่อนก็ยังทนได้ แต่จะมาลงมือตบน้องสาวของหล่อน ไม่ได้
เซี่ยวเซี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ ก็เครียดขึ้นมา หล่อนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไร รู้แต่ว่าคุณพ่อชองหล่อนไปตบหน้าน้าเล็ก
“น้าเล็กไม่ร้อง! น้าเล็กไม่ร้องไห้นะ!”
เซี่ยวเซี่ยวก็รีบเข้าไปปลอบ “รอคุณพ่อกลับมา เดี๋ยวหนูจะแก้แค้นให้นะ!”
ฉินซีพยายามสะกดความโกรธแค้นของตัวเองไว้ แต่ทำยังไงก็เก็บไม่อยู่
หล่อนจัดการโทรศัพท์ไปหาหยางเฉินทันที
หยางเฉินที่กำลังเร่งขับรถกลับบ้าน ทันใดนั้นก็ได้เห็นโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามาของฉินซี รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่ แต่ในทันทีก็ทายได้ว่าเป็นเรื่องอะไรที่ฉินซีติดต่อมา
เขาได้แต่ส่ายหน้ายิ้มเจื่อน ๆ แล้วรับโทรศัพท์ “เมียจ๋า ผมจะมาถึงบ้านเดี๋ยวนี้ละ เธอรอแป๊ปหนึ่งก่อนนะ!”
“คุณตบหน้าเสี่ยวยีทำไม?”
หยางเฉินพอรับโทรศัพท์ได้ ก็ได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของเฉินซีใส่เข้ามาทันที
เป็นเรื่องนี้จริง ๆ หลังจากที่หยางเฉินได้ตบหน้าฉินยีไปอย่างลืมตัวแล้ว ก็ได้นึกเสียใจและหนักใจอยู่ว่าจะสู้หน้าภรรยาและฉินยียังไงอยู่แล้ว
ไม่คิดว่าเรื่องจะรวดเร็วขนาดนี้ ความจริงที่ต้องเผชิญเกิดขึ้นแล้ว
“คุณพูดสิ!”ฉินซีตวาดใส่มา