The king of War - บทที่ 11 เจ็บปวดมากมาย
บทที่11 เจ็บปวดมากมาย
ฉินซีหน้าตาหม่นหมอง เมื่อวานหลังจากที่ไล่หยางเฉินไป ลูกสาวก็เอาแต่ร้องไห้งอแงบอกว่าจะหาคุณพ่อ
ตอนแรกเธอยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย กลัวว่าลูกสาวที่รอคอยพ่อที่กลับมาแล้วก็ต้องจากไปอีก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ในขณะที่เธอต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตนเอง หยางเฉินกลับโผล่มา
ท่าทางของหยางเฉินที่ไม่เกรงกลัว เหมือนกับว่าไปสะกิดจุดอ่อนสักที่ในใจเธอ ในใจกระตุกไปทีหนึ่งอย่างแรง
“แกเป็นใคร? ถึงได้กล้าบุกเข้ามาในห้องประชุมตระกูลฉินของฉัน รปภ.ละ? จับมันโยนออกไปเดี๋ยวนี้!”
นายท่านตอนนี้จำหยางเฉินไม่ได้ ปีนั้นหยางเฉินก็ไม่ค่อยได้เจอกับคนตระกูลฉินสักเท่าไหร่ สักพักก็ห้าปีผ่านไปแล้ว พวกเขาจะจำได้ในทันทีได้ยังไงกัน?
“คุณปู่ครับ มันก็คือหยางเฉิน มันคือไอ้ขยะเมื่อห้าปีก่อนหลังจากที่แต่งงานกับฉินซีได้ไม่นานก็หายไปคนนั้นครับ”
แต่ฉินเฟยที่ได้ข่าวว่าหยางเฉินกลับมาแล้ว จึงจำได้ในทันที มองฉินซีอย่างหาสนุกสนาน
ตอนนี้นายท่านถึงนึกขึ้นได้ว่าหยางเฉินคือใคร ดวงตาจ้องมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า นอกจากท่าทางที่อยู่ไม่เหมือนเดิม อย่างอื่นก็ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ยังเป็นการแต่งตัวที่ดูจนเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าฉินซีจะอยากมีคนที่แบกรับปัญหาด้วยกัน แต่หยางเฉินปรากฏตัวตอนนี้ จะยิ่งทำให้เรื่องวุ่นวายมากขึ้น เธอโมโห “ใครให้นายมา?”
ฉินซีคิดร้ายกับตัวเขา หยางเฉินนั้นไม่แปลกใจ ถ้าหากว่าเพิ่งกลับมาก็ได้รับการยอมรับจากฉินซี งั้นการยอมรับจากฉินซีก็ดูจะไร้ค่าเกินไปสิ?
ตอนนี้นายท่านโบกมือห้ามฉินซีพูด สายตาจ้องไปที่หยางเฉิน “ที่แท้ก็ขยะอย่างแกนี่เอง ปีนั้นที่ทำลายชื่อเสียงตระกูลฉินของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตระกูลฉินก็คงได้ขึ้นเป็นตระกูลระดับหนึ่งของเจียงโจวแล้ว ไม่คิดเลยว่าแกยังจะกล้ากลับมา”
สายตาหยางเฉินประกายความคมแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ผมทำลายชื่อเสียงตระกูลฉิน? ความจริงเป็นยังไง ผู้นำตระกูลฉินอย่างม่าน ไม่รู้หรอครับ?”
หม่าชาวสืบเรื่องของเมื่อปีนั้นมาอย่างละเอียดแล้ว ทั้งหมดก็เพราะตระกูลฉินที่อยากได้ซานเหอกรุ๊ป จึงจัดแสดงขึ้นมาเองทั้งนั้น
ถ้าไม่ใช่เพื่อฉินซี ตระกูลฉินคงจะล่มสลายตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
“แกพูดมั่วอะไร?”
นายท่านโมโห ฟาดมือลงกับโต๊ะ แล้วเด้งตัวลุกขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
เพราะอารมณ์แปรปรวน อยู่ดีๆนายท่านก็ไอหนัก ร่างกายล้มลง
“คุณปู่คะ!”
ฉินซีรีบพุ่งเข้าไป แต่ว่าฉินเฟยไปถึงก่อนเธอแล้วพยุงนายท่านไว้
“หลีกไป!”
ฉินเฟยโมโห “ยังมีหน้าเรียกคุณปู่อีก? แกให้ผัวขยะนี่มา เพื่อจงใจมาทำให้คุณปู่โมโหใช่มั้ย?”
“ถ้านายท่านเป็นอะไรไป พวกเราไม่มีทางปล่อยพวกแกไปแน่”
“ห้าปีก่อนก็เพราะเรื่องอื้อฉาวที่พวกแกทำ ทำให้ตระกูลฉินอับอาย ห้าปีหลัง พวกแกยังจะอยากทำให้นายท่านตายใช่มั้ย? ทำให้ตระกูลฉินล่มสลาย?”
“จากที่ฉันดู พวกแกทั้งบ้าน ก็คือตัวกาลกิณี สมควรถูกไล่ออกจากตระกูลฉิน ชาตินี้อย่าได้ก้าวเข้าบ้านตระกูลฉินอีก”
………….
ฉินซีเสียสละมากมายเพื่อตระกูล รวมทั้งซานเหอกรุ๊ปที่ควรจะเป็นเพียงแค่ของเธอยังถูกยึดมาให้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล แต่วันนี้กลับกลายเป็นการทำให้เสียญาติพี่น้อง
มองดูร่างกายที่ทรุดลงของฉินซี หยางเฉินรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก
อารมณ์โมโหของนายท่านก็ค่อยๆสงบลง มองดูฉินซีแล้วพูด “ฉินซี ความอับอายของตระกูลฉิน มันเกิดขึ้นเพราะเธอมาแต่แรก ตอนนี้เยี่ยนเฉินกรุ๊ปก่อตั้งสาขาที่เจียงโจว มีเพียงแค่ได้สัญญาร่วมธุรกิจของพวกเขา ตระกูลฉินถึงจะมีทางขึ้นเป็นตระกูลเศรษฐีระดับหนึ่งได้ ตอนนี้มีเพียงแค่เธอแต่งงานกับตระกูลหวัง พวกเราถึงจะมีความหวังที่จะได้ร่วมทำสัญญากับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ถ้าเธอไม่แต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง เธอก็หาวิธีเซ็นสัญญาร่วมธุรกิจมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น พวกเธอทั้งบ้านก็รอถูกไล่ออกจากตระกูลได้เลย!”
ได้ยินคำพูดของนายท่าน ฉินซีหน้าซีด
แม้แต่เศรษฐีอันดับต้นของเจียงโจวยังไม่แน่เลยว่าจะได้เซ็นสัญญากับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป แล้วเธอจะทำได้ยังไง?
“คุณปู่คะ หนู….”
ฉินซีกำลังจะปฏิเสธ หยางเฉินที่อยู่ข้างตัวเธอก็พูดขึ้นว่า “ภารกิจนี้ พวกเราตกลง!”
“ดี!”
ฉินเฟยดีใจขึ้นทันที ใบหน้าล้อเลียน “เสี่ยวซี อย่าหาว่าตระกูลรังแกเธอ นี่เป็นภารกิจที่สามีเธอยอมรับเอง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะอยากเปลี่ยนใจก็สายไปแล้ว!”
“นี่เป็นภารกิจที่ไม่สามารถสำเร็จแท้ๆ ยังกล้าตอบรับ เป็นขยะอย่างที่ลือจริงๆ”สายเลือดในตระกูลบางคนนินทา
อีกหนึ่งเป็นธุรกิจในเครือของเศรษฐีอันดับต้นแห่งเย็นตู อีกหนึ่งเป็นธุรกิจของตระกูลระดับกลางๆในเจียงโจว ความแตกต่างมากขนาดนี้ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะตอบตกลงร่วมธุรกิจกับซานเหอกรุ๊ปได้ยังไงกัน?
“พอแล้ว การประชุมในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้!”
นายท่านพูดแล้วลุกขึ้นเตรียมออกไป สายตาก็หันไปมองหยางเฉินอีกครั้ง “สามวัน ฉันให้เวลาแกเพียงสามวัน ถ้าหากทำภารกิจไม่สำเร็จ พวกแกก็ออกจากตระกูลฉินไปซะ!”
นายท่านหันหลังเดินจากไป ทุกคนต่างก็มองดูฉินซีด้วยสีหน้าที่สมน้ำหน้า
“ฮ่าๆ ฉินซี เธอจะเอาอะไรมาแข่งกับฉัน? ฉันเป็นถึงสายเลือดโดยตรงของตระกูลฉิน ในสายตาของนายท่าน มีเพียงฉันที่จะเป็นอนาคตของตระกูล หลังจากนี้สามวัน ฉันจะรอหัวเราะเยาะพวกเธอที่ถูกไล่ออกจากตระกูล! ฮ่าๆ……”
“ใช่แล้ว ก็แค่ลูกสาวนอกสมรส ยังคิดจะอยากแย่งอำนาจกับเสี่ยวเฟย? ไม่เจียมตัวเลยสักนิด”
“เสี่ยวเฟย ฉันอยู่ฝ่ายเธอมาตลอดนะ ถ้านายสืบทอดตำแหน่งท่านประธานแล้ว อย่าลืมฉันละ!”
“ใช่แล้ว เสี่ยวเฟย พวกเราสนับสนุนนาย!”
……….
ไม่นาน ฉินเฟยก็ออกไปจากห้องประชุมหลังจากที่ทุกคนล้อมรอบเอาใจเขา เหลือเพียงหยางเฉินและฉินซี
“เพี๊ยะ” ฉินซีฟาดมือลงบนใบหน้าของหยางเฉิน
เมื่อหยางเฉินเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของฉินซี ความโมโหในใจก็หายไป
“เสี่ยวซี ฉัน……”
หยางเฉินกำลังจะพูดแต่ก็ถูกฉินซีตัดบท “ฉันยอมรับว่าเรื่องเมื่อห้าปีก่อนนายเองก็เป็นผู้ถูกกระทำ แต่นายเอาเงินห้าแสนที่คุณพ่อให้จากไป ถือซะว่าเป็นการชดเชยให้นาย นายไม่เต็มใจแต่งงานกับฉัน ทำไมถึงไม่บอกแต่แรก? เพิ่งแต่งงานนายก็หายตัวไปห้าปี นายรู้มั้ยว่าฉันแบกรับเรื่องราวมากเท่าไหร่? ฉันกลายเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมนายยังจะแก้แค้นฉัน? นายบอกฉันสิว่าทำไม?”
น้ำตาฉินซีหยดลงพื้นทีละเม็ดเต็มไปหมด
ในใจหยางเฉินเจ็บปวดมาก เข้าไปจับไหล่ทั้งสองข้างของฉินซีไว้แน่น “ฉันไม่ได้เอาเงินของพ่อเธอไปจริงๆ และฉันก็ไม่เคยคิดที่จะแก้แค้นเธอ ที่กลับมาครั้งนี้ก็เพื่อชดเชยให้กับเธอและลูกสาว ได้โปรดเชื่อใจฉัน ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน”
“หุบปากเดี๋ยวนี้! นายไม่เหมาะที่จะพูดถึงลูกสาวของฉัน!”
ฉินซีผลักหยางเฉินออก ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา “ในเมื่อนายไม่ได้มาเพื่อแก้แค้น แล้วทำไมยังยอมตกลงรับภารกิจนั้นในที่ประชุมของตระกูล? มันเป็นภารกิจที่ไม่สามารถทำได้สำเร็จด้วยซ้ำ!”