The king of War - บทที่ 1101 เลือกข้างของแต่ละตระกูล
“กษัตริย์เฉา!”
เห็นผู้เฒ่าในชุดกษัตริย์นั้น ทุกคนต่างร้องแตกตื่นกันขึ้นในฉับพลัน
ให้แม้แต่ฉินเต๋อเจิ้ง ในแววตาก็ส่อเห็นความหนักใจหลายส่วน บุคลิกในตัวกษัตริย์เฉาขณะนี้ ดูเปลี่ยนแปลงออกไปไม่เหมือนเดิม
องครักษ์สิบกว่านายที่บุกเข้ามาในงาน ต่างมีพลังฝีมือถึงระดับขั้นสุดท้ายแดนราชา
ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งระดับแดนราชาขั้นสุดท้ายแปดนายที่หยางเฉินนำมา อีกรวมกับผู้แข็งแกร่งระดับขั้นสุดท้ายแดนราชาที่มีอยู่เดิมของตระกูลฉิน โดยกำลังคนแล้ว ก็มีจำนวนไม่ถึงของตระกูลคิงเฉา
“ฉินเต๋อเจิ้ง แกจะผยองกล้าเกินไปแล้ว ในเมืองคิงเฉาของข้า กล้าดีมาสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ แกเห็นข้าเป็นเครื่องประดับไว้ดูเล่นหรือไง?”
กษัตริย์เฉาตวาดถามไปอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงก้องลั่นปานฟ้าคำราม ฉินเต๋อเจิ้งฟังหูแทบระเบิด
อู่เลี่ยรุดก้าวขึ้นไป ยืนขวางอยู่เบื้องหน้าฉินเต๋อเจิ้ง จ้องมองไปที่กษัตริย์เฉาด้วยสีหน้าระวังภัย กลัวกษัตริย์เฉาจะจะพุ่งเข้ามาใส่
หยางเฉินยังคงยืนนิ่งเฉยอยู่ข้าง ๆ ฉินเต๋อเจิ้ง มองกษัตริย์เฉาอย่างเฉยเมย
กษัตริย์เฉาในขณะนั้น พลังอานุภาพในตัวน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก บ่งชัดถึงระดับขั้นกึ่งแดนเทพ
นี่เป็นสิ่งที่ให้หยางเฉินรู้สึกเหนือคาด ในความคิดของคนนอกทั่วไป ต่างคิดว่าพลังฝีมือกษัตริย์เฉาอยู่ในระดับสุดยอดแดนราชา ไม่คิดว่าเขาเข้าไปถึงกึ่งแดนเทพนานแล้ว
สี่กษัตริย์ในกลุ่มพันธมิตรตระกูลคิง ไม่มีใครเป็นพวกท่าดีทีเหลวจริง ๆ
“เฉาเยว่ ในที่สุดแกก็มาจนได้!”
ฉินเต๋อเจิ้งมองหน้ากษัตริย์เฉา พูดเสียงเยือก
เฉาเยว่เป็นชื่อของกษัตริย์เฉา ตอนนี้ฉินเต๋อเจิ้งเรียกชื่อนี้ออกไปตรง ๆ ต่อหน้าธารกำนัล ย่อมเป็นการแสดงชัดเจนในท่าทีของเขา
ชื่อเฉาเยว่ ไม่มีใครเคยได้ยินกันมานานหลายสิบปีแล้ว จะมีก็เพียงผู้ที่อยู่ในระดับมหาเศรษฐีเมืองเฉาไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จัก
ขณะนี้ กลับได้ถูกฉินเต๋อเจิ้งเอามาเรียกต่อหน้าธารกำนัล ลองคิดดูเอง เฉาเยว่จะโกรธเคืองขนาดไหน
ตาทั้งคู่ของเฉาเยว่จ้องเขม็งใส่ฉินเต๋อเจิ้ง ขบเขี้ยวพูดใส่อย่างเคียดแค้น “ฉินเต๋อเจิ้ง นี่แกมันรนหาที่ตาย!”
“ใช่รนหาที่ตายหรือไม่ แกน่าจะรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อมาแล้ว ก็จงเฝ้าตระกูลฉินอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ!”
ฉินเต๋อเจิ้งพูดเพิ่งจบลง ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดท้ายแดนราชาสิบกว่านาย ก้าวเข้าไปหาอย่างพร้อมเพรียง ในนั้นยังรวมไปถึงคนที่หยางเฉินพามาอีกแปดนายด้วย
ผู้แข็งแกร่งขั้นสุดท้ายแดนราชาที่เฉาเยว่พามาสิบกว่านาย โดยจำนวนนั้น จะมากกว่าคนของตระกูลฉิน
ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากัน ชั่วขณะนั้น ทั้งตระกูลฉิน ถูกกลิ่นอายความรุนแรงของสงครามครอบคลุมไว้อย่างน่าสะพรึงกลัว
กลุ่มคนที่มีพลังฝีมือขั้นต่ำ ๆ แต่ละคนรู้สึกถึงความกดดันในบรรยากาศถึงหายใจกันแทบไม่ออก
เหล่าบรรดาหัวหน้าตระกูลเศรษฐีในเมืองคิงเฉา ต่างก็ตื่นผวากันหนักอยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ เห็นตระกูลฉินมีผู้แข็งแกร่งขั้นสุดท้ายแดนราชา และยังกล้าประจันหน้ากับตระกูลคิงเฉา
เป็นเรื่องที่ทำเอาพวกเขารู้สึกเหมือนเรื่องฝัน ก่อนที่จะมาตระกูลฉิน พวกเขาไม่เคยได้คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้
“เวลาที่ให้พวกท่านไปคิดตรึกตรองหมดแล้ว เวลานี้ พวกท่านแต่ละตระกูล ให้คำตอบของพวกท่านกับข้าได้แล้วมั้ง?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ว่า ตระกูลฉินกับตระกูลคิงเฉากำลังคิดจะลงมือฟาดฟันกันแล้ว ฉินเต๋อเจิ้งพลันกวาดตามองไปยังพวกหัวหน้าตระกูลเศรษฐี เอ่ยปากถาม
ช่วงเวลานั้น หัวหน้าของเจ็ดแปดตระกูลแต่ละคน สีหน้าดูกันไม่ได้เลยสุด ๆ
เฉาเยว่ก็ให้อยากรู้คำตอบด้วยเหมือนกัน เวลานี้ก็วางตัวมองเฉยด้วยแววตาเยือกเย็น
ฝ่ายหนึ่งคือตระกูลคิงเจ้าเก่า อีกฝ่ายหนึ่งคือคิงตระกูลฉินที่สถาปนาขึ้นมาเอง
ในขณะนั้น ทั้งสองตระกูลยิ่งใหญ่ ต่างวางแสดงพลังอันแข็งแกร่งที่แท้จริงให้เห็นกัน จะให้เลือกข้างอยู่ฝ่ายไหน สำหรับพวกเขาแล้ว ยากต่อการตัดสินใจอย่างยิ่ง
เฉาเยว่ก็ไม่ออกปากแนะชวน ยืนมองอยู่อย่างเย็นชา
เวลาผ่านไปนาทีจากวินาที พริบตาก็ผ่านไปอีกนาที หัวหน้าตระกูลเศรษฐีแต่ละคน ต่างมองหน้ากันไปมา อิดเอื้อนกันไม่กล้าให้คำตอบได้
“ตระกูลเฉินในตระกูลคิงฉิน ขอติดตามกษัตริย์ฉิน!”
ในเวลานั้นเอง กระแสเงาคนวัยกลางคนผู้หนึ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งลงในฉับพลัน หันหน้าไปทางฉินเต๋อเจิ้ง พูดด้วยเสียงอันดัง
แชว๊ป!
ทันทีนั้น สายตานับไม่ถ้วน ส่องลงไปที่ชายวัยกลางคนที่ออกเสียงผู้นั้น
ชายกลางคนนั้นชื่อเฉินจง เขาเป็นหัวหน้าตระกูลเฉิน สำหรับตระกูลเฉินนี้ เป็นตระกูลที่ด้อยกว่าทั้งหมดทุกตระกูลเศรษฐีที่มาอยู่ในบริเวณ
ในขณะนั้น บนใบหน้าเฉินจงเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้และมั่นใจ
เขามีความเข้าใจอย่างดี นี้เป็นโอกาสอันงามหนึ่งเดียว หากเสี่ยงครั้งนี้แม้นชนะ ระดับตระกูลเฉิน จะขึ้นสูงอย่างลอยลำ
และก็มีเพียงโอกาสนี้เท่านั้น ที่จะสามารถเปลี่ยนสถานะตระกูลเฉิน
“ดี!”
ฉินเต๋อเจิ้งหัวเราะขึ้นมาพลัน “นับแต่นี้ไป ตระกูลเฉินคือตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองคิงฉิน ครอบครองจัดการแดนใต้เมืองคิงฉิน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทฉิน!”
เฉินจงหลังจากอึ้งมึนไปพักหนึ่ง รีบเปล่งเสียงขอบคุณออกไป บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
หัวหน้าตระกูลเศรษฐีต่าง ๆ ที่เหลือ ต่างก็ให้รู้สึกหวาดหวั่น
เมืองคิงเฉา ถูกแบ่งไว้เป็นห้าภาคใหญ่ ๆ ตระกูลคิงเฉาครอบครองอยู่ส่วนกลาง เรียกเป็นแดนภาคกลาง
ส่วนแดนภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคเหนือและภาคใต้ แบ่งส่วนให้อีกสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองคิงเฉาควบคุม
ในทั้งหมดนั้น แดนภาคใต้ใหญ่ที่สุด เพียบพร้อมด้วยทรัพยากรหลากหลาย เพียงรองลงมาจากแดนภาคกลาง
ตอนนี้ฉินเต๋อเจิ้งได้ตัดยกให้ตระกูลเฉิน
ให้เห็นเป็นแจ้งชัด ตระกูลไหนใครสวามิภักดิ์ก่อน ตระกูลนั้นก็จะได้แบ่งส่วนประโยชน์ยิ่งมาก
แต่ทว่า ทั้งหมดนี้ก็ต้องขึ้นกับว่าตระกูลฉินต้องโค่นล้มตระกูลคิงเฉาให้ล่มสลายไปก่อน มิฉะนั้นก็เท่ากับเช็คเด้ง
ในช่วงนั้น นอกจากเฉินจงได้แสดงเจตจำนงแล้ว หัวหน้าตระกูลอื่นนอกนั้น ต่างไม่มีใครยอมแสดงออก
กับการที่ฉินเต๋อเจิ้งจัดการตัดแบ่งเขตแดนภาคใต้ให้เฉินจงนั้น เฉาเยว่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจเลย มองยังไม่มองไปดูเฉินจง มีแต่สายตาที่จ้องฉินเต๋อเจิ้ง ที่เข้มข้นไปด้วยแววฆ่า
“ทุกท่าน นี่พวกท่านคิดตั้งใจเพียงจะมานั่งดูศึกเสือปะทะมังกรกันหรือ?”
ฉินเต๋อเจิ้งกวาดสายตามองหน้าเหล่าบรรดาหัวหน้าตระกูล พูดเสียงเยือก “สุดท้ายอีกครั้งเดียวให้พวกเจ้า ภายในหนึ่งนาที ให้คำตอบในการเลือกของพวกเจ้ามา มิฉะนั้นจะถือว่าเลือกอยู่ฝ่ายเฉาเยว่!”
หลุดคำพูดนี้ออกไป หัวหน้าตระกูลที่เหลือเหล่านั้น ยิ่งทำหน้าตาให้เห็นยิ่งดูไม่ได้
นี่เป็นการที่ฉินเต๋อเจิ้งตั้งใจบีบให้พวกเขาต้องตัดสินใจในทันทีตอนนี้ เดิมทีพวกเขายังคิดอยู่ไว้จะรอก่อน รอหลังจากการการทำศึกของตระกูลคิงเฉากับตระกูลฉิน แล้วค่อยตัดสินใจเลือก
เพียงให้พวกเขาได้แสดงการตัดสินใจได้ทัน ก็คงจะขอแบ่งประโยชน์ได้
แต่มาตอนนี้ ฉินเต๋อเจิ้งกลับบีบให้พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกข้างกันในทันที
“ฉินเต๋อเจิ้ง รู้สึกท่านจะเร่งรัดบีบคั้นกันมากไปไหม?”
หัวหน้าตระกูลเศรษฐีคนหนึ่ง ลุกขึ้นมองหน้าฉินเต๋อเจิ้งพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “แกคิดจริง ๆ หรือว่าที่พวกแกแอบซ่องสุมกองกำลังผู้แข็งแกร่งไว้ แล้วก็จะสามารถล้มล้างตระกูลคิงเฉาได้?”
“ข้าจะบอกแกนะ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปเบื้องหน้าเฉาเยว่ โค้งตัวคำนับพูดว่า “ท่านกษัตริย์เฉา ตระกูลจางขอติดตามท่าน ยืนหยัดอยู่เคียงเผชิญหน้าศัตรูทั้งหลาย!”
เฉาเยว่นั่งนิ่งสีหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่คิดจะต้องมีอะไรตอบ ตาทั้งคู่จ้องอยู่แต่ฉินเต๋อเจิ้ง
หัวหน้าตระกูลจาง ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ รีบเดินไปยืนอยู่ข้างหลังเฉาเยว่
“ตระกูลฉี ขอน้อมติดตามตระกูลคิงเฉา!”
ทันทีนั้น ก็มีอีกหนึ่งหัวหน้าตระกูลเศรษฐีในชุดจีน เดินไปยืนข้างหลังเฉาเยว่
“ตระกูลเสิ่น ขอน้อมติดตามตระกูลคิงเฉา!”
“ตระกูลเจียง ขอน้อมติดตามตระกูลคิงเฉา”
……
ช่วงเวลานั้น หัวหน้าตระกูลเศรษฐีที่เหลือ ต่างพากันออกมาแถลงเจตนารมณ์
อย่างรวดเร็ว หัวหน้าตระกูลเศรษฐีที่เหลืออีกเจ็ดแปดตระกูล ยกเว้นเฉินจง นอกนั้นล้วนเลือกข้างที่ตะกูลคิงเฉา
ภาพการณ์ที่ปรากฏ ทำเอาเฉินจงมีสีหน้าดูไม่จืด
มีตระกูลเศรษฐีเลือกข้างตระกูลคิงเฉายิ่งมากขึ้น ตระกูลฉินก็ยิ่งอันตราย ถ้าหากตระกูลฉินล่มสลาย ตระกูลเฉินก็คงกลายเป็นเศษเถ้าธุลี
แต่ เขาไม่มีการเสียใจ!
เขากำลังลงเล่นการพนัน แพ้ก็คือหมดสิ้นทั้งตระกูล แต่ถ้าว่าชนะ อนาคตตระกูลเฉิน จะยืนอยู่ในระดับยอดในตระกูลคิง
“ตระกูลเฉิน ข้าจะให้โอกาสพวกแกเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้กลับมาเลือกเดินตามข้า ข้าจะไม่เอาเรื่องที่ผ่านมา มิฉะนั้น ผลสุดท้ายจะรุนแรงมาก!”
เฉาเยว่ที่ไม่เคยได้หันมองเฉินจงเลย จู่ ๆ มองมาที่เฉินจง พูดด้วยเสียงเหน็บเหยียด