The king of War - บทที่ 120 เล่นหวาดเสียว
จู่ๆหยางเฉินถูกขวางทางไว้ เขาจึงเริ่มรู้สึกรำคาญ
เรื่องของฉินต้าหย่ง เดิมทีก็ทำให้เขาโมโหมากแล้ว ตอนนี้ยังมีคนมาหาเรื่องอีก แค่คิดก็รู้แล้ว ว่าตอนนี้เขาเซ็งมากขนาดไหน
ด้านหลังของการ์ดสิบกว่าคน มีชายวัยกลางคนที่เก่งและมีความสามารถคนหนึ่งเดินมา
ที่บอกว่าเขาเก่งและมีความสามารถ ก็เป็นเพราะเขาผอมมาก วัดจากระดับสายตามีความสูงที่เมตรแปดสิบเซนติเมตร ท่อนบนสวมเสื้อลายดอกสีทึบ ท่อนล่างใส่กางเกงสแล็ค เสื้อจุกไว้ในกางเกง ใส่รองเท้าหนังสีดำมันวาว
ดูจากทั้งตัวแล้ว หุ่นดีสมส่วน ได้สัดส่วน
เขาผมสั้น ยิ้มมุมปาก หล่อเหลา ที่คอใส่หยกเหอเถียนพระสังขจาย ที่ข้อมือใส่สร้อยข้อมือหยกขาว ขยับไปมาไม่หยุด
“คือหลิวข่าย เจ้าของเมืองคิง เขามาได้ไง?”
“คงไม่ใช่มาเพื่อวัยรุ่นที่เพิ่งชนะแล้วได้ผู้หญิงไปนั่นหรอกนะ?”
“ว่ากันว่าที่แน่ เพียงแค่ผู้หญิงที่หลิวข่ายชอบ สุดท้ายก็ต้องตกเป็นของเขา หญิงสองคนนั้นเป็นสุดยอดของสุดยอด เกรงว่ายากจะพาออกไปแล้วละ”
……
เมื่อเห็นชายวัยกลางคน คนรอบๆข้างต่างพากันตกใจ ราวกับกลัวว่าหลิวข่ายได้ยินเข้า จึงได้พูดกันเบาๆ แต่หยางเฉินได้ยินเข้าแล้ว
“ไอ้ตัวแสบ แย่งผู้หญิง ในถิ่นของฉัน ไม่เหมาะสมมั้ง?”
หลิวข่ายยิ้มมีเลศนัย หรี่ตามองไปที่หยางเฉิน
หยางเฉินขมวดคิ้ว “นี่เป็นผู้หญิงที่ฉันได้มาจากการชนะ พวกแกยุ่งได้ด้วยเหรอ?”
“ฉันไม่ใช่! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ปล่อยฉัน!”
ซูซานตะโกนออกมา พอหยางเฉินถูกขวางไว้ เธอจึงรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
“คนสวยวางใจนะ นี่เป็นถิ่นของผมหลิวข่าย เรื่องไหนที่ผมไม่ยอม ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
หลิวข่ายยิ้มอย่างสุภาพบุรุษ มองไปที่ซูซานแล้วกล่าว จากนั้นก็มองกลับไปที่หยางเฉิน “คนสวยพูดแล้ว ว่าเธอไม่ใช่เชลยของแก แล้วแกจะอธิบายยังไง?”
หยางเฉินเพียงแค่ไม่อยากถูกซูซานรั้งไว้ ดังนั้นจึงได้ลากเธอมา ในเมื่อหญิงคนนี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี งั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจแล้ว ปล่อยซูซานลงทันที
“ตอนนี้ ฉันไปได้แล้วใช่มั้ย?”
หยางเฉินจูงมือฉินซี มองไปที่หลิวข่ายแล้วพูด
“ไม่ได้ แกไปไหนไม่ได้!”
มีหลิวข่ายอยู่ ซูซานก็มีความกล้าขึ้นมา ลากมือของฉินซีแล้วกล่าว “เสี่ยวซีเป็นเพื่อนรักของฉัน แกเอาเธอไปไม่ได้!”
ฉินซีเริ่มร้อนรน เดิมทีสิ่งเหล่านี้หยางเฉินได้คุยกับเธอไว้ดิบดีแล้ว แสดงละคร เพื่อให้ฉินต้าหย่งสิ้นหวัง จากนั้นก็เลิกเล่นพนัน
แต่ไม่คาดคิด ว่าเพื่อนรักของเธอจะขัดขวางทุกวิถีทาง ขณะเดียวกันที่ฉินซีซาบซึ้งใจ แต่ก็ทำได้เพียงเร่งรีบ และอธิบายอะไรไม่ได้
“เธอผมได้มาเพราะชนะ นั่นหมายถึงเธอเป็นผู้หญิงของผม ผมพาผู้หญิงของตัวเองไป คุณมีปัญหางั้นหรือ?” หยางเฉินกล่าวอย่างสงบ
“ในเมื่อแกชนะและได้มา ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
หลิวข่ายพูดอย่างยิ้มกรุ้มกริ่ม จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่อง “แต่ ผู้หญิงคนนี้ เหมือนจะไม่ยอมให้แกพาเพื่อนรักของเธอไปนะ”
“ใช่ แกห้ามพาเธอไป!”
ซูซานมองหยางเฉิน กัดฟันแล้วกล่าว “ฉินซีคือคนเป็นๆ ไม่ใช่เบี้ยพนัน ต่อให้ลุงฉินเป็นพ่อของเธอ ก็ไม่มีสิทธิ์เอาเธอเป็นเบี้ยพนัน”
“ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้พูดถูก และที่เมืองคิงของฉัน ไม่เคยมีเรื่องที่เอาคนมาเป็นเบี้ยพนันเกิดขึ้นมาก่อน”
หลิวข่ายฉวยโอกาสพูด “แบบนี้มั้ยฉันให้แกยี่สิบล้าน ถือเสียว่าเป็นค่าตัวของหญิงสาวคนนี้ ให้เกินไปสี่ล้าน ถือเป็นการชดเชยให้แก ว่าไง?”
“ดูท่าทางแล้ว วันนี้ฉันพาเธอไปไม่ได้แล้วสิ?” หยางเฉินถามอย่างสงบ
หลิวข่ายยิ้มมุมปาก ถามกลับไป “แกคิดว่าไงละ?”
“แล้วถ้า ฉันต้องพาเธอไปให้ได้ละ?”
หยางเฉินหน้าตาเยือกเย็นลง น้ำเสียงเย็นชาขึ้น
คนรอบๆข้างล้วนมีสีหน้าตกใจ หลิวข่ายรู้จักคนใหญ่คนโตของเจียงโจวมากมาย แม้เมืองคิงจะเป็นแค่คาสิโนแห่งหนึ่งเท่านั้น แต่สถานะของหลิวข่ายที่เจียงโจวนั้นสูงมาก ต่อให้เป็นตระกูลชั้นนำเหล่านั้น ก็ไม่กล้าทำผิดอย่างง่ายๆ
ตอนนี้หยางเฉินกลับตาต่อตาฟันต่อฟันกับหลิวข่าย มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆจริงๆแล้วละ
“ในถิ่นของฉัน ถ้าให้แกพาหญิงคนนี้ออกไปง่ายๆ แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
หลิวข่ายไม่สนใจหยางเฉิน ยิ้มอย่างมีเลศนัย “น้องชาย เป็นคนอย่างโลภ ฉันให้แกเพิ่มไปอีกสี่ล้าน ก็ไม่น้อยแล้ว ทิ้งคนไว้ แล้วฉันจะให้แกไป”
“น้องชาย ฟังพี่ข่ายเถอะนะ เอาเงินแล้วไปซะ!”
“ใช่ เพียงแค่มีเงิน อยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ได้? เป็นศัตรูกับพี่ข่าย ก็เหมือนแกรนหาที่ตายอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
“อย่าเพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียว แล้วต้องแลกกับชีวิตสิ!”
……
คนจำนวนมาก ชต่างพูดด้วย‘ความหวังดี’ หลิวข่ายจ้องหยางเฉินด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ฉินซีร้อนใจ จู่ๆก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา รู้งี้จะไม่ทำแบบนี้แล้ว แต่ถ้าพูดความจริงออกมา ทุกอย่างที่พยายามมาก็จะพังลง
ในขณะที่ฉินซีกำลังลังเลว่าจะพูดความจริงออกมาดีมั้ย จู่ๆหยางเฉินได้กล่าวว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เริ่มจากการพนันเป็นเหตุ งั้นฉันพนันกับเฒ่าแก่หลิวสักครั้ง ถ้าฉันชนะ ฉันจะพาเธอไป แต่ถ้าฉันแพ้ เอาตามคุณว่า ว่าไง?”
เมื่อหยางเฉินพูดจบ ทุกคนต่างส่งเสียงดัง มองหยางเฉินเหมือนมองคนบ้าอย่างไรอย่างนั้น
ในถิ่นของหลิวข่าย พนันกับหลิวข่าย นี่มันหาที่ตายไม่ใช่เหรอ?
“เด็กเปรต แกแน่ใจ ว่าจะพนันกับฉัน? ” หลิวข่ายหรี่ตาถาม
“ฉันมั่นใจแน่นอน แต่ไม่รู้ว่า เฒ่าแก่หลิวจะกล้าตอบรับมั้ย” หยางเฉินจงใจพูดแทงใจ
“แม้จะรู้ว่าแกจงใจพูดแทงใจ แต่ในถิ่นของฉัน ถูกคนท้าทาย ถ้าฉันไม่ตกลง ต่อไปจะไม่มีหน้าอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
หลิวข่ายหัวเราะ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะพนันกับแก ว่ามา เล่นอะไร?”
“ง่ายๆ เกมทายเล็กใหญ่ ว่าไง?” หยางเฉินกล่าว
“เล่นกี่ตาชนะกี่ครั้ง” หลิวข่ายถาม
“จนอีกฝ่ายยอมแพ้!”
นัยน์ตาของหยางเฉินเต็มไปด้วยความเลือดเย็น ในเมื่อแกอยากเล่น งั้นฉันก็จะเล่นกับแกจนล้มละลาย
“ฮ่าฮ่า……”
หลิวข่ายชะงัก จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “เด็กน้อย ยอมรับนะ ว่าแกยั่วโมโหฉันสำเร็จแล้วละ ในเมื่อแกรนหาที่ตาย งั้นฉันจะสนองให้!”
คนอื่นๆล้วนประหลาดใจ ถ้าแค่ตาเดียวแพ้ชนะ บางทีหยางเฉินอาจจะมีโอกาสชนะ แต่นี่เขาเล่นบ้าคลั่งขนาดนี้ นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ
“ไอ้เด็กนี่ คงไม่ใช่คนบ้าใช่มั้ย?”
“ใครจะไปรู้ อยู่ในถิ่นของพี่ข่ายยังกล้าเล่นแบบนี้อีก ถ้าเขาไม่ใช่คนบ้าแล้วเป็นอะไร?”
“ความหมายเขาคือ จะเล่นจนพี่ข่ายยอมแพ้? ฮ่าฮ่า!”
ผู้คนรอบๆต่างพากันประชดประชัน แต่การพนันแบบนี้ พวกเขารอคอยเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ที่หยางฉินพนันกับฉินต้าหย่ง ตาเดียวก็พนันไปสิบล้าน ตอนนี้พนันกับหลิวข่าย จะพนันเท่าไหร่กันนะ?