The king of War - บทที่ 1267 เจ็บปวดเจียนตาย
อาทิตย์ก่อน หม่าชาวก็ได้มาถึงหนิงโจว เที่ยวสืบหาหยางเฉินไปทั่ว หาจนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีร่องรอยใด ๆ
เหมือนกับว่า หยางเฉินไม่เคยได้มาหนิงโจวเลย
“หรือจะว่า พี่เฉินได้ออกจากหนิงโจวไปแล้ว?”
หม่าชาวพึมพำด้วยนัยน์ตาที่เศร้าซึม
แท้ที่จริงแล้ว ในใจของเขายังมีข้อที่คิดห่วงอยู่ เพียงยังไม่กล้าจะพูดออกไป
ในช่วงที่ยังไม่ได้พบกับหยางเฉิน เขาจะไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด ว่าจะเป็นไปได้แบบนั้น
“พวกเจ้าเป็นใครกัน?”
ในขณะนั้นเอง ผู้เฒ่าในชุดแพรไหมสองคน ปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าหม่าชาวอย่างเงียบเชียบ
ทำเอาหม่าชาวสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลัน ภายในร่างพล่านพลุ่งขึ้นด้วยเลือดพร้อมรบ
สองผู้เฒ่านี้ ปรากฏตัวขึ้นมาเบื้องหน้าเขาแบบไหน เขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
ยืนประจันหน้ากับสองคนนี้ ความรู้สึกในตาสัมผัสของหม่าชาวเห็นเป็นเหมือนภูผาสองลูก
“องค์ชาย ในที่สุดพวกเราก็ได้หาท่านพบแล้ว!”
หนึ่งในผู้เฒ่านั้น น้ำตาหลั่งทะลักออกมาในทันใด พูดไปด้วยอารมณ์สุดตื่นใจ
“เป็นองค์ชายจริง ๆ หรือนี่?”
ผู้เฒ่าอีกคน สีหน้าก็เต็มความตื่นเต้นไปด้วย
“ไม่มีผิดเด็ดขาด!”
มองดูอารมณ์ตื่นเต้นของทั้งสองคน คิ้วของหม่าชาวขมวดย่น “พวกท่านเป็นใครกันแน่?”
“องค์ชาย พวกเราจะมารับท่านกลับคืนสู่ราชวงศ์โบราณกัน”
สองผู้เฒ่าพูดออกไปพร้อมการโค้งทำความเคารพ
“ราชวงศ์โบราณ?ราชวงศ์โบราณไหนกัน?”
หม่าชาวสีหน้าเปลี่ยนไปในฉับพลัน
“ราชวงศ์เฝิง หนึ่งในสองราชวงศ์ยิ่งใหญ่โบราณ”
สองผู้เฒ่าพูดด้วยความตื้นตัน “พวกเราตามหาท่านมายี่สิบปีเต็ม ๆ แล้ว ในที่สุด พวกเราก็ได้พบแล้ว องค์ชาย ขอได้โปรดตามพวกเรากลับสู่ราชวงศ์เฟิงด้วยเถิด!”
“พวกท่านจำคนผิดแล้วแหละ!”
หม่าชาวแสดงออกในสีหน้าที่สับสน หันตัวกลับตั้งใจจะจากไป
“องค์ชาย ผมไม่มีทางจำท่านผิดเด็ดขาด!”
หนึ่งในผู้เฒ่า พูดด้วยสีหน้าตื้นตันสุด ๆ “ทุกครั้งที่ท่านฝ่าทะลุพลังยุทธ ตรงด้านซ้ายบริเวณหัวใจของท่าน ใช่หรือไม่ว่าจะมีรอยด่างเป็นตราประทับวงกลมเกิดขึ้น?”
หม่าชาวที่เพิ่งก้าวเท้าออกไปได้ไม่กี่ก้าว พลันต้องหยุดชะงัก หันมองผู้เฒ่าคนนั้นอย่างฉงนใจ “ท่านรู้ได้ยังไง?”
“ก็ด้วยเหตุว่า มีเพียงผู้ที่มีสายเลือดราชวงศ์เฟิงเท่านั้น จึงจะมีอัตลักษณ์เฉพาะตัวของตระกูลแบบนี้!”
ผู้เฒ่าพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉะนั้นจึงบอกได้ว่า พวกเราหาไม่ผิดคน ท่านก็คือหลานคนโตของฮ่องเต้ราชวงศ์เฟิง เฟิงชาว!”
ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่า หม่าชาวตื่นตระหนกเต็มใบหน้า ชี้หน้าตัวเองพูดไปว่า “ท่านบอกว่า ข้านี่นะคือคนในราชวงศ์เฟิง?แล้วยังเป็นหลานคนโตในราชวงศ์เฟิง?”
เขาเคยแต่รู้ว่า ตัวเขาเองนั้นเป็นเด็กกำพร้า ใครจะไปคิดได้ถึงว่า ตัวเองจะเป็นคนในราชวงศ์สูงศักดิ์ และราชวงศ์นี้นั้น ยังเป็นราชวงศ์เฟิงหนึ่งในราชวงศ์ยิ่งใหญ่โบราณ
“องค์ชาย ที่พวกเราพูดล้วนสัจจริง และท่านก็ได้พิสูจน์ประจักษ์ชัดแล้ว ตรงบริเวณส่วนของหัวใจ นั่นคือสัญลักษณ์เฉพาะประจำราชตระกูล”
“องค์ชาย ฝ่าบาทคิดถึงท่านมาก ท่านโปรดได้กลับไปพร้อมกับพวกเราด้วยเถิด!”
“ราชวงศ์เฟิงในเวลานี้ ก็มีเพียงท่านเท่านั้น ที่มีคุณสมบัติพร้อมมากที่สุดในการจะเป็นผู้สืบทอดราชวงศ์เฟิง!”
สองผู้เฒ่าผลัดกันร้องขอต่อเนื่อง
หม่าชาววางสีหน้าบอกไม่ถูก กับพื้นภูมิชีวิตของตัวเอง เขาไม่เคยคิดจะนึกสนุกด้วย หลายปีที่ผ่านมานี้ เขาก็อยู่มาอย่างเป็นตัวของตัวเอง มันเป็นเรื่องของความเคยชินแล้ว
มีหรือไม่มีวงศ์ตระกูล ไม่ใช่เรื่องต้องใส่ใจ
อีกอย่างที่ว่ามาถึงวันนี้ เขายังหาหยางเฉินไม่พบ แล้วจะให้ไปราชวงศ์เฟิงได้ยังไง?
“เสียใจด้วยนะ!ผมไม่ใช่หลานคนโตอะไรของราชวงศ์เฟิงนั่นนะ ถึงถ้าจะว่าใช่ ก็จะไม่ตามพวกท่านกลับราชวงศ์เฟิงหรอกนะ!”
หม่าชาวพูดจบ หันหลังเดินหนีออกทันที
“องค์ชาย!ท่านจะต้องกลับไปกับพวกเรา!”
เขาแค่เพียงขยับตัว เงาร่างของสองผู้เฒ่าก็กะพริบไหว ขวางตรงทางที่เขาจะไปในทันที
สีหน้าหม่าชาวเหี้ยมขรึมอย่างน่ากลัวขึ้นมาทันที พูดเสียงเย็นเยือก “ถอยไป!”
สองผู้เฒ่าทำหูทวนลม ต่างคนก็มองหม่าชาวด้วยสีหน้าหนักแน่น
ในความคิดของพวกเขา หม่าชาวไม่มีเหตุผลที่จะไม่ไปกับพวกเขา เพียงแต่เขากลับไปด้วย สมบัติพัสถานยศศักดิ์พร้อม
แต่นี่อะไร เขากลับปฏิเสธทั้งหมด ทำเอาพวกเขาก็มึนงงสุด ๆ
“องค์ชาย ฝ่าบาทมีบัญชาให้เป็นชีวิตของพวกเรา จะต้องหาท่านให้พบ และรับท่านกลับคืนสู่ราชวงศ์ ขอท่านได้โปรดกรุณาอย่าได้ทำให้พวกเราต้องลำบากเลย”
หนึ่งในผู้เฒ่า ร้องอย่างขอความเห็นใจ
“นั่นมันเรื่องของพวกคุณ เกี่ยวอะไรกับผมด้วย?”
หม่าชาวพูดจบ ขยับตัวเตรียมจากไป
“องค์ชาย ท่านไปไม่ได้!”
สองผู้เฒ่าเกาะติดเป็นกอเอี๊ยะหนังหมา หม่าชาวเพียงแค่ขยับ ก็ถูกพวกเขาสกัดขวาง
“ไสหัวไป!”
ในที่สุดหม่าชาวอารมณ์ระเบิด พุ่งหมัดใส่ออกไป
“ปึง!”
หมัดอัดใส่ลงตัวของหนึ่งในผู้เฒ่า แต่ที่ทำให้เขาต้องผวาสะท้านคือ ผู้เฒ่าคนนั้นนิ่งไม่มีการขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“นี่……นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”
หม่าชาวหน้าตาตื่นถามไปว่า “พวกท่านใช้พลังอะไรกันหรือ?”
ด้วยพลังแท้จริงของเขา ถ้าใช้พลังออกเต็มกำลัง ก็จะได้พลังขนาดเทียบแดนเทพชั้นยอด เมื่อครู่ที่ใส่ออกไป ถึงแม้ไม่ได้ใช้ออกไปเต็มที่ แต่อย่างน้อยก็มีอานุภาพขนาดระดับแดนเทพขั้นปลาย
ก็ขนาดว่าพลังมหาศาลขนาดนี้ กลับยังไม่สามารถสะเทือนสั่นสองผู้เฒ่าจากราชวงศ์เฟิงได้แม้แต่น้อย
สองผู้เฒ่าหันมองหน้าสบตากันแล้ว หนึ่งผู้เฒ่าในนั้นพูดออกมาว่า “องค์ชาย พวกเราอยู่ในขั้นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แล้ว ท่านควรจะรู้ตัวดีนะ ด้วยพลังที่ท่านมีอยู่ การจะไปพ้นจากมือพวกเรานั้น มันไม่มีโอกาสให้เห็นเลย”
“แน่นอนที่สุด หากท่านกลับคืนไปสู่ราชวงศ์เฟิง มีฝ่าบาทท่านคอยฝึกสอนให้เอง ไม่เกินห้าปี ท่านก็จะเข้าสู่ขั้นแดนเหนือมนุษย์”
“ตอนนี้ท่านอายุเพียงยี่สิบหก ผ่านไปอีกห้าปี ก็เพียงแค่สามสิบเอ็ด คนมีอัจฉริยะภาพทางด้านบูโดแบบนี้ ให้ไปอยู่ในตระกูลบู๊โบราณที่ปลีกตัวออกจากโลกภายนอกแล้ว ก็เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งบูโด”
“แต่ว่า ตอนนี้ท่านยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกผม”
หม่าชาวมีสีหน้าแสดงออกที่เลวร้ายมาก ดูท่าทีแล้ว จะหนีให้หลุดพ้นเงื้อมมือไอ้สองผู้เฒ่านี้ เห็นจะไม่มีหวังเลย
อย่าว่าแต่สองคนเลย แค่เพียงคนเดียว เขาก็ยังยากจะหนีพ้น
แต่ การจะให้เขาไปราชวงศ์เฟิง ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถยอมรับได้
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขายังหาตัวหยางเฉินไม่พบ ถึงแม้จะพบแล้ว ที่เยี่ยนตูยังมีภรรยาของเขาอยู่ อีกสองเดือนข้างหน้า เขาก็ยังจะได้มีลูกมาอีก
หากแม้นไปที่ราชวงศ์เฟิง ก็ยังไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“จะให้ข้าไป ให้ข้าตายเสียก่อน!”
หม่าชาวกัดฟันอย่างเครียดแล้วเอ่ยปากพูด
สองผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างผงกหัวให้กัน
ฉับพลันนั้นหม่าชาวก็เกิดสังหรณ์ในลางร้ายขึ้นมา
“แย่แล้ว ต้องหนีละ!”
หม่าชาวระดมพลังขึ้นสุดขีด กำลังจะวิ่งออกจากไป
“ปัง!”
แต่ทว่า เขายังไม่ทันได้ขยับตัว ผู้เฒ่าคนหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าเขา ใช้สันมือสับลงใส่ก้านคอเขาในทันที หม่าชาวตาเหลือกขึ้น สลบไปในทันทีนั้น
“ไป!”
ทั้งสองได้นำพาตัวหม่าชาว จากออกไปอย่างเร่งรีบ
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั้น รถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่ง แล่นผ่านไปบนถนนเมนของหนิงโจว
“พี่สาวคะ ดูเหมือนว่าฉันจะเห็น มีชายหนุ่มคนหนึ่ง ถูกผู้เฒ่าสองคนตีสลบไป”
มู่เชียนเชียนที่นั่งมองเพลิน ๆ ออกไปจากหน้าต่างรถ จู่ ๆ พูดขึ้นมาอย่างหน้าตื่น แววตายังแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
“ที่ไหนเหรอ?”
ลู่ฉิงเสว่ถาม
มู่เชียนเชียนชี้กลับไปจุดที่หม่าชาวถูกสองผู้แข็งแกร่งจากตระกูลราชวงศ์เฟิงพาตัวไปเมื่อสักครู่ ลู่ฉิงเสว่มองตามไปดู ถามด้วยสีหน้าฉงน “ไม่เห็นมีใครเลยนี่นา?”
หยางเฉินที่นั่งรถมาพร้อมกับลู่ฉิงเสว่และมู่เชียนเชียน ก็หันมองตามไปด้วยสัญชาติญาณ สายตาที่เหนือคนธรรมดา ก็ได้มองเห็นเข้าพอดี เห็นมีสองผู้เฒ่า กำลังจับชายหนุ่มในวัยประมาณยี่สิบหกยี่สิบเจ็ด ยัดใส่เข้าไปในรถ
จังหวะพอดีนั้น เขาได้มองเห็นหน้าของชายหนุ่มที่สลบอยู่คนนั้น
เพียงมองไปปราดเดียว เขาก็ไม่สามารถเบนความสนใจออก ความรู้สึกคุ้นหน้าอย่างมากปรากฏขึ้นในความรู้สึก
เขาพยายามคิดให้ได้ว่าคนหนุ่มคนนั้นเป็นใคร แต่เมื่อได้ทบทวนความจำ สมองพลันเจ็บปวดขึ้นมาแทบจะฉีกขาด
“อ๊ากซ์…….”
เขาอดไม่ได้ที่จะใช้มือกุมศีรษะ เสียงกร้าวเครียดถูกตะเบ็งออกมาลั่น จากส่วนลึกในคอหอย