The king of War - บทที่ 1269 ผู้หญิงสุดประเสริฐ
การขู่บังคับแบบนี้ก็ยังใช้ได้ผลอยู่อีก มู่เชียนเชียนเก็บท่าทีหยอกเย้าขึ้นทันที พุ้ยข้าวกินอย่างคำใหญ่
แต่ ในขณะกินข้าวอยู่ ก็มิวายคอยหันแอบมองหยางเฉิน ดูยังไงยังไงก็เข้าท่า
หลังอาหารเที่ยง หยางเฉินจัดการเก็บรวบรวมอุปกรณ์กินอาหาร ยกเข้าไปในห้องครัวอย่างรู้งาน
“ฉันจัดการเองได้ คุณออกไปเถอะ!”
ลู่ฉิงเสว่รีบตามเข้าไปในห้องครัว ไล่ให้หยางเฉินออกไป
หยางเฉินถึงแม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่ในเวลานี้ ส่วนลึกในใจรู้สึกอบอุ่น มองข้างหลังของลู่ฉิงเสว่ที่กำลังวุ่นง่วนอยู่ ก็ให้รู้สึกขอบคุณเป็นยิ่ง
ไม่ว่าตัวเราจะเป็นใคร หรือจะเป็นคนอะไร อย่างน้อยในเวลานี้เขาก็คือเศษเดนที่ไม่มีอะไรดีเลย
ลู่ฉิงเสว่ยอมรับเขามาอยู่ข้างตัว เขาย่อมต้องขอบคุณด้วยอย่างจริงใจ
“พี่เสี่ยว เป็นไง?พี่สาวของฉันนี่ใช่เป็นคนที่สวย อีกทั้งน้ำใจประเสริฐมากใช่ไหม?”
มู่เชียนเชียนเห็นหยางเฉินยืนแน่นิ่งจ้องลู่ฉิงเสว่ที่อยู่ในครัว ยิ้มจนตาหยีพูด “ไหน ๆ คุณก็ลืมอะไรต่ออะไรไปหมดแล้ว ไม่สู้อยู่มันเสียที่บ้านตระกูลลู่ของเรานี่ แล้วแต่งงานกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของฉันคนนี้”
“มูเชียนเชียน!”
ลู่ฉิงเสว่ที่อยู่ในครัว ตวาดออกมาอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“พี่สาวคะ ฉันผิดไปอีกแล้ว!ฉันจะไม่พูดอีกแล้ว!”
มู่เชียนเชียนรีบวิ่งหนีออกไป กลัวทำให้พี่สาวโกรธ เดี๋ยวจะไม่ยอมให้หล่อนออกไปช้อปปิ้งด้วย
ในขณะนั้นเอง ข้างนอกมีเสียงเบรกรถดังเข้ามา ติดตามด้วย เงาร่างของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าอึมครึม
“คุณน้าเขย ท่านทำไมถึงมานี่คะ?”
มู่เชียนเชียนพอเห็นชายกลางคนนั้นเข้า สีหน้าซีดเผือดลงไปในทันที
ลู่ฉิงเสว่ก็เดินออกมาที่ห้อง สีหน้าก็ดูแย่เอามากเหมือนกัน “คุณพ่อ ท่านหาหนูหรือ?”
“ฉิงเสว่ นี่ลูกจะบ้าไปแล้วหรือ?”
ชายวัยกลางคนนั้นพูดอย่างเกรี้ยวกราด “ลูกหลอกพ่อ แล้วแอบไปคอยดูแลไอ้เจ้าหนุ่มนี่ทุกวันยังไม่พอ นี่ลูกยังเอามันเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลลู่ด้วยอีกด้วยหรือ?”
“ตอนนี้ ลูกเอามันเข้ามาไว้ในที่อยู่ของลูก นี่ลูกไม่กลัวว่าใครต่อใครเขาจะนินทากันหรือ?”
“แล้วถ้าเรื่องรู้ไปถึงหูหลี่จิ้นด้วยแล้ว ลูกรู้ไหมว่าผลมันจะเลวร้ายขนาดไหน?”
ชายวัยกลางคนก็คือคุณพ่อของลู่ฉิงเสว่ และก็คือลูกชายของผู้นำตระกูลลู่คนปัจจุบัน ลู่ชวนนั่นเอง
ถึงแม้เขาก็ไม่อยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องเป็นเครื่องกายพลีของตระกูล แต่งงานไปอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ได้ชอบพอด้วย แต่ก็ต้องยอมเข้าใจ นี่เป็นเรื่องเศร้าของผู้ที่เกิดในตระกูลใหญ่ ผู้หญิงตั้งแต่เริ่มเกิดมา ชะตาก็ได้ถูกลิขิตแน่ชัดไว้แล้ว
ที่สำคัญที่สุด ผู้ที่เห็นและชอบในตัวลู่ฉิงเสว่นั้น คือคนระดับยอดของตระกูลหลี่ หนึ่งในสองตระกูลยิ่งใหญ่ของหนิงโจว
ถ้าหากพวกเขากล้าที่จะไม่ยอมเห็นด้วย โดยอิทธิพลของตระกูลหลี่ จะถล่มล้างตระกูลลู่ทิ้ง มันไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้
ลู่ฉิงเสว่พูดตาแดง ๆ “คุณพ่อคะ พี่เสี่ยวคนนี้เขาความจำเสื่อมไปแล้ว เพียงอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว ให้รอจนเขาฟื้นความจำได้ เขาก็ต้องไป”
“ใช่ ๆ ๆ ท่านน้าเขย ท่านอย่าได้โมโหเลย รอให้พี่เสี่ยวฟื้นความจำได้ ถึงเขาจะคิดไม่ยอมไป หนูเองจะเป็นคนจัดการไล่เขาไปเอง!”
มู่เชียนเชียนรีบเอ่ยปาก แล้วพูดต่อไปว่า “อีกอย่าง ในช่วงนี้ หนูก็จะอยู่กับพี่สาวที่นี่ มีหนูอยู่ จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดกับพี่สาวแน่นอน”
ลู่ชวนฮึเสียงออกจมูก ไม่สนใจกับมู่เชียนเชียน แต่มองหน้าลู่ฉิงเสว่พูดว่า “พ่อไม่สนใจว่าลูกจะคิดยังไง แต่จะต้องไล่เขาออกจากบ้านตระกูลลู่ไปในวันนี้”
“คุณพ่อ!”
ตาทั้งคู่ของลู่ฉิงเสว่แดงก่ำพูดว่า “หนูเป็นคนช่วยพี่เสี่ยวมาเอง ตอนนี้เขาอยู่ในภาวะเสียความทรงจำ หนูจำเป็นต้องรอให้เขาฟื้นคืนความจำได้ก่อน จึงจะปล่อยให้เขาไปได้”
“พ่อท่านก็รู้ หนูเมื่อได้ตัดสินใจแบบนี้แล้ว ก็จะไม่มีทางจะเปลี่ยนความตั้งใจได้ ขอคุณพ่ออภัยให้หนูด้วย”
ท่าทีของลู่ฉิงเสว่เด็ดเดี่ยวหนักแน่น
หยางเฉินที่ดูเหตุการณ์มาโดยตลอดอยู่เงียบ ๆ เวลานี้ในจิตใจยิ่งฉ่ำชื่นในความอบอุ่น
“ฉิงเสว่ คุณอย่าไปขัดใจกับท่านลุงเลย ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ”
หยางเฉินจู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา
ถึงแม้เขาก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะไปไหน แต่เป็นที่เห็นชัดอยู่ว่า การที่เขาจะอยู่ที่นี่ มีแต่จะทำให้ลู่ฉิงเสว่ลำบาก
แต่ถึงจะให้เขาต้องออกจากที่นี่ไป ก็ไม่ถึงกับต้องอดตาย แค่ไปทำงานขายแรงงาน ก็มีข้าวพอกินแล้ว
หยางเฉินพูดจบ หันหลังก็จะเดินจากไป
“พี่เสี่ยว!”
ลู่ฉิงเสว่รีบเข้าขวางหยางเฉิน พูดด้วยท่าทีมุ่งมั่น “คุณเป็นคนที่ฉันช่วยมา ก่อนที่คุณจะฟื้นความจำคืนมา ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณไปไหนทั้งนั้น”
“ฉิงเสว่…..”
หยางเฉินกำลังจะพูดเตือน ก็ถูกลู่ฉิงเสว่พูดตัดบท “พี่เสี่ยว ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณจากไปเด็ดขาด!”
มู่เชียนเชียนมองที่หยางเฉิน แล้วกลับมองลู่ชวนที่กำลังโกรธระเบิด ในใจร้อนรุ่มเหลือหลาย
“ท่านน้าเขย ท่านก็ยอมให้พี่เสี่ยวอยู่ที่นี่ไปสักระยะหนึ่งเถอะ หนูขอสาบานกับท่านได้ จะไม่ยอมอยู่ห่างพี่สาวแม้แต่ก้าวเดียวตลอด”
มู่เชียนเชียนไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูด ก็ได้แต่พูดมาแบบนี้
ทว่า ลู่ชวนไม่ได้ไปใส่ใจแม้แต่น้อย
“บัดซบสิ้นดี!”
ลู่ชวนเดินก้าวขึ้นไป เงื้อมือตบใส่ไปที่หน้าลู่ฉิงเสว่ พร้อมตวาดไปว่า “มันจะต้องออกไปจากที่นี่!”
ลู่ฉิงเสว่ได้แต่ยืนตามองการณ์ที่เกิด ฝ่ามือของลู่ชวนกำลังมุ่งใส่หน้าของตน ระยะใกล้เข้ามาใกล้เข้ามา
โตมาถึงป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ชวนตบใส่หล่อน
เห็นฝ่ามือนั้นกำลังจะลงไปถึง ฉับพลันนั้น เงาร่างคนร่างหนึ่งถลันเข้ามาขวางข้างหน้าหล่อน
“ผัวะ!”
เสียงดังลั่นจากบ้องหูที่ถูกตบ
“พี่เสี่ยว!”
“พี่เสี่ยว!”
ลู่ฉิงเสว่กับมู่เชียนเชียนกรีดร้องขึ้นมาพร้อมกัน
ลู่ชวนถึงตะลึงงัน เขาคิดไม่ถึงเอาเลย หยางเฉินสามารถถลันเข้ามารับฝ่ามือของเขาได้ทัน
เมื่อกี้นี้ เห็นชัด ๆ ว่าหยางเฉินยังอยู่ห่างออกไปกว่าหนึ่งเมตร อะไรมันจะไวถึงขนาดนี้ได้?
ลู่ฉิงเสว่กับมู่เชียนเชียนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องความไวอะไรของหยางเฉิน สองสาวมีแต่มองไปที่หยางเฉินอย่างห่วงใย
โดยเฉพาะลู่ฉิงเสว่ มองแผ่นหลังที่กว้างหนาที่ขวางหล่อนไว้ ในใจมีสายใยอะไรบางเส้น เหมือนได้ถูกสะกิดใส่
“ท่านลุง ท่านจะตี ก็ตีผมได้เลย ฉิงเสว่เพียงเพื่อจะให้ผมได้ฟื้นคืนความทรงจำ จึงได้รับผมมาอยู่ที่บ้านตระกูลลู่นี้”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าจริงใจ “หากแม้นเห็นว่าผมอยู่ที่นี่ จะเดือดร้อนฉิงเสว่ ผมก็จะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
พูดจบ ไม่รอดูท่าทีตอบของลู่ชวน ก้าวเดินออกเตรียมจากไป
“พี่เสี่ยว!”
ลู่ฉิงเสว่รีบรุดก้าวไปข้างหน้า ตรงไปดึงแขนหยางเฉิน พูดตาแดง ๆ ว่า “ฉันพูดแล้วนะ ถ้าไม่ใช่ฉันอนุญาต คุณจะไปจากที่นี่ไม่ได้!”
“อีกอย่าง คุณยังไม่สามารถฟื้นความจำได้ ถึงถ้าคุณออกจากนี่ไป แล้วคุณจะไปไหนได้?”
“ออกจากที่นี่ไป คุณจะใช้อะไรยังชีพ?”
สีหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความขมขื่น ผู้หญิงน้ำใจสุดประเสริฐแบบนี้ ดูดีไปหมดทุกอย่าง แต่ก็มีตรงที่รั้นเกิน ลองถ้าหล่อนยึดมั่นในเรื่องหนึ่ง ใครอะไรก็จะเปลี่ยนแปลงหล่อนไม่ได้
แต่ว่า ถ้าเขาไม่จากไป ก็จะเป็นการทำให้สองสาวนี้มีปัญหายุ่งยาก
คราวนี้ ลู่ชวนกลับไม่มีความรู้สึกจะเร่งรัดไล่หยางเฉินให้ไป สองตาจ้องเขม็งที่หยางเฉิน เหมือนกำลังใช้ความคิด
“ผลุบ!”
ในฉับพลันนั้นเอง ลู่ฉิงเสว่ ทรุดตัวคุกเข่าลงแทบเท้าของลู่ชวน
ภาพที่เห็นนี้ ทำเอาทุกคนตะลึงงง
“คุณพ่อคะ หนูโตมาถึงทุกวันนี้ ไม่เคยขอร้องอะไรกับท่าน ครั้งนี้ หนูขอให้ท่านปล่อยวางเรื่องของพี่เสี่ยว ให้เขาอยู่ที่นี่ด้วยเถอะ”
ลู่ฉิงเสว่ร้องขอด้วยสีหน้าเว้าวอน “หนูขอรับประกัน พี่เสี่ยวอยู่ที่นี่ จะไม่ให้มีเรื่องเดือดร้อนเด็ดขาด”
“รอเมื่อเขาฟื้นคืนความจำของเขาได้ หรือหาญาติครอบครัวเขาพบ หนูก็จะให้เขาออกไปแน่นอน!”
“หนูเพียงขอท่าน ให้เวลากับหนูระยะหนึ่ง”
สีหน้าหยางเฉินซึมหงอย “ฉิงเสว่ คุณ….”
เขาเอ่ยปากอยากจะพูด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร ในใจมีแต่ประทับใจ และก็ความประทับใจ
มู่เชียนเชียนก็มีแต่ความตะลึงงงเต็มหน้า
ลู่ชวนมองลูกสาวตัวเองที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า แล้วมองหยางเฉิน
ครู่ใหญ่ เขาก็เอ่ยปากพูดว่า “ไอ้หนู ถ้าคิดจะอยู่ที่นี่ ก็ได้ แต่ว่า แกจะต้องผ่านการทดสอบจากข้าให้ได้ก่อน”