The king of War - บทที่ 127 ความรู้สึกลึกซึ้งของพ่อลูก
กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วมาก มาถึงเดือนกรกฎาคมอย่างไม่รู้ตัว วันที่ร้อนสูงสุดของเมืองเจียงโจวแห้งแล้งมาก โดยเฉพาะเกือบครึ่งเดือนผ่านมา แต่ละวันล้วนท้องฟ้าโปร่งโล่งมาก ด้านนอกเหมือนกับเตาอบธรรมชาติอันหนึ่ง
และฉินต้าหย่งพ่ายแพ้ฉินซีให้หยางเฉินก็ผ่านไปได้ครึ่งเดือนพอดี
เดิมทีหยางเฉินคิดว่าฉินต้าหย่งจะไปหาฉินซีและฉินยี แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือหลังจากวันนั้นที่ไปจากเมืองคิง เขาก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีก
เมืองเจียงโจว สแควร์เหรินเหมิน
ดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ค่อยๆ ขึ้นสู่ท้องฟ้า แสงแดดที่ละมุนไร้ที่เปรียบสาดทั่วทุกมุมของพื้นดิน
ฉินต้าหย่งนอนอยู่บนเก้าอี้พักผ่อนมุมหนึ่งที่ลานกว้าง เหมือนรู้สึกได้ถึงแสงแดดแล้ว จึงขยี้ตา จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง บิดตัวยืดเส้นยืดสาย
เขามาถึงทะเลสาบเทียมที่ด้านข้างลานกว้าง ล้างหน้าล้างตาแล้ว มองใบหน้าที่ผ่านประสบการณ์มามากมายใบนั้นสะท้อนบนผิวน้ำ ในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวด วินาทีนี้ เขานึกถึงอะไรมากมาย
โดยเฉพาะลูกสาวสองคนของตนเอง ตั้งแต่เขาโดนตระกูลฉินไล่ออกจากบริษัท ก็ไม่เคยหางานอีกเลย แต่ลูกสาวสองคนกลับไม่เคยว่าอะไรสักคำ ทั้งยังให้ค่าใช้จ่ายที่เพียงพอกับเขาทุกเดือน ทำให้เขาดื่มด่ำชีวิตได้แบบไม่มีภาระใดๆ
ลูกสาวที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ กลับถูกเขาเอามาเป็นของเดิมพันจนพ่ายแพ้ไป โดยเฉพาะนึกถึงคำที่ผู้ชายใส่หน้ากากคนนั้นเคยพูดไว้ วันหลังเขาจะไม่มีทางได้เจอฉินซีอีก
ถ้าชีวิตของตนเองสามารถแลกอิสรภาพของฉินซีกลับมาได้ เขาจะไม่ลังเลเรื่องใดโดยเด็ดขาด
ครึ่งเดือนมานี้ เขาไปหางานทุกวัน แต่กลับไม่มีสักบริษัทที่ยอมรับเขา แม้กระทั่งร้านอาหารเล็กๆ ข้างถนน เขาล้วนไปมาหมด แต่ยังไม่มีคนยอมรับเขาไว้
เขาน้ำตาไหลนองหน้ามาตั้งนานแบบไม่รู้ตัว น้ำตาแต่ละหยดไหลลงในทะเลสาบเทียม
ในที่สุดเขาก็ไม่มีทางควบคุมความทุกข์ทรมานของตนเองได้ ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาแล้ว
ร้องไห้เพียงแค่ระบายอารมณ์แบบนี้ เมื่อร้องไห้พอแล้ว ฉินต้าหย่งใช้น้ำในทะเลสาบมาล้างหน้า จากนั้นลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“เสี่ยวซี พ่อจะต้องหาลูกให้เจอ!”
ตอนนี้ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำให้เขายืนหยัดต่อไปได้คือฮึกเหิมขึ้นมาใหม่ พยายามหาเงิน คิดหาหนทางตามหาฉินซี ทำให้เธอมีชีวิตอิสระกลับคืนมา
ชีวิตที่เหลือ เขาจะไม่อยู่ต่อไปเพื่อตนเอง แต่เพียงเพื่อลูกสาวทั้งสอง
ภายใต้แสงแดดที่ร้อนแรง บนถนนไม่มีคนเดินผ่านไปมามากมาย ถึงแม้จะมี ก็กางร่มมาด้วย
เมื่อไม่สามารถกินอิ่มมาหลายวัน ทำให้เขาซูบผอมลงมาก บนหน้ามีเพียงความซีดเซียวเหมือนป่วย บนริมฝีปากมีสีขาวเป็นชั้นๆ ผิวหนังล้วนแห้งหมด
ผมยาวขึ้น หนวดก็ยาวขึ้นมาเช่นกัน ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครึ่งเดือน บนตัวยังมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ทั่วทั้งตัวดูเหมือนกระเซอะกระเซิงอย่างมาก บางทีคนบนถนนผ่านที่ผ่านไปมาก็ขมวดคิ้วกันแน่น ปิดจมูกหลบไปไกล
แต่เวลานี้เขากลับไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย ยืดอกเชิดหน้าไปข้างหน้า ในสายตาเต็มไปด้วยความหนักแน่นอดทน สายตามองไปยังประกาศเล็กๆ บนเสาไฟด้านข้างอยู่ไม่ขาดสาย พยายามหางานสักอย่าง
“ปึง!”
เขากำลังมองไปทั่วว่าที่ไหนมีประกาศเล็กๆ รับสมัครงานบ้าง ทันใดนั้นก็ชนเข้ากับรถคันหนึ่งที่จอดไว้ด้านหน้าเขาอย่างไม่ทันระวัง
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ฉินต้าหย่งทำหน้าตื่นกลัว รีบกล่าวขอโทษ
แต่ในเวลานี้เอง หน้าต่างรถลดลงมา ปรากฏใบหน้าที่คุ้นเคยใบหนึ่งออกมา
“หยางเฉิน!”
ฉินต้าหย่งตกใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานบนหน้าเขาปรากฏความรู้สึกผิดในใจขึ้นมา ตาแดงๆ มองทางหยางเฉินบอกว่า “หยางเฉิน ขอโทษนะ เป็นพ่อผิดเอง พ่ายแพ้เสี่ยวซีให้คนอื่นไปแล้ว”
ความเปลี่ยนแปลงในหลายวันนี้ของเขา แต่ละวันมีคนไปรายงานต่อเขาหมด ดังนั้นฉินต้าหย่งมีปฏิกิริยาแบบนี้ออกมาได้ เขาไม่ตกใจสักนิดเดียว
“แต่ว่าลูกวางใจได้ พ่อจะไม่ยอมแพ้แน่นอน ต่อให้ต้องเดินไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว พ่อจะต้องหาเสี่ยวซีให้เจอ ให้เธอกลับมาเป็นอิสระดังเดิม”
ทันใดนั้น เขาพูดด้วยท่าทางแน่วแน่ พูดจบ เขาหมุนตัวออกไป ไม่ได้มีความหมายอยากมาหาขอยืมเงินหยางเฉินแม้แต่น้อย
“พ่อคะ!”
ในเวลานี้ ฉินซีและฉินยีลูกสาวสองคนที่นั่งอยู่ในรถมาตลอด ตอนที่มองเห็นท่าทางกระเซอะกระเซิงของฉินต้าหย่งเข้า น้ำตาก็นองหน้า
ฉินต้าหย่งที่เมื่อสักครู่หมุนตัวเดินไปได้สองสามก้าว เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยทั้งสอง จึงสั่นไปทั้งตัว ร่างกายแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ในสายตาเต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่กล้าหันหน้า กลัวว่าพอหันหน้าไปจะไม่มีอะไรเลย เสียงนั้นอาจเป็นเพียงความรู้สึกนึกคิดไปเอง
ตอนที่เขาสงสัยว่ากำลังคิดไปเอง สองสาวดึงเปิดประตูรถพุ่งเข้าไปกอดฉินต้าหย่งเอาไว้แน่น ไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นทั่วตัวของฉินต้าหย่งเลยสักนิด
จนกระทั่งวินาทีนี้ ในที่สุดเขาถึงแน่ว่านี่ไม่ใช่ความรู้สึกลวง ทว่าเป็นลูกสาวของตนเองจริงๆ
โดยเฉพาะเสียงของฉินซี ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอเธออีกแล้ว
ความตกตะลึงบนหน้าฉินต้าหย่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความซาบซึ้งใจ อดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้ และควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้อีกครั้ง กอดลูกสาวสองคนไว้แน่น สามคนพ่อลูกส่งเสียงร้องไห้อย่างเศร้าใจ
“พ่อผิดไปแล้ว พ่อรู้ว่าผิดจริงๆ แล้ว……”
ฉินต้าหย่งร้องไห้พลางพูดบอก ร้องไห้เหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
หยางเฉินมองเหตุการณ์ฉากนี้อยู่ ฉีกมุมปากขึ้นเบาๆ เดิมทียังกังวลว่าวิธีการนี้ไม่ได้ผล ตอนนี้ดูแล้วผลลัพธ์ดีมากๆ เลย
ฉินต้าหย่งถูกลูกสาวสองคนดึงขึ้นรถไปแบบเลอะเลือน ทั้งสามคนนั่งอยู่ด้านหลัง ในรถล้วนเป็นกลิ่นเหม็นบนตัวของฉินต้าหย่ง แต่ฉินซีและฉินยีทั้งสองคนกลับไม่ได้รังเกียจสักนิดเดียว กอดแขนคนละข้างของเขาไว้ทั้งซ้ายและขวา พิงบนไหล่ของเขาไปแบบแนบชิด
หยางเฉินขับรถมาที่หน้าโรงอาบน้ำแห่งหนึ่ง หลังจอดรถจึงหยิบธนบัตรสีแดงปึกเล็กออกมา ยื่นให้ฉินต้าหย่ง “พ่อครับ พ่อไปอาบน้ำก่อน จากนั้นพวกเราจะพาพ่อไปซื้อเสื้อผ้า!”
กลิ่นบนตัวที่เหม็นหึ่งของฉินต้าหย่งในตอนนี้ ถ้าไปที่ร้านเสื้อผ้า เกรงว่ายังไม่ทันเข้าร้าน คงโดนไล่ออกมาแล้ว
ถึงแม้ว่าฉินต้าหย่งจะรู้สึกอายมาก แต่ตอนนี้ที่ตัวไม่มีเงินสักแดง ทั้งยังเคยรับเงินของหยางเฉินอีก แต่กลับพูดอย่างเคร่งขรึมมาก “เงินนี้ถือว่าพ่อติดลูกไว้นะ รอให้พ่อหางานมีเงินแล้ว จะคืนให้ลูก”
พูดจบ ไม่รอหยางเฉินตอบกลับ เขาลงจากรถเรียบร้อย
หยางเฉินหัวเราะ มองฉินซีที่เบ้าตาแดงก่ำพลางพูดว่า “พวกคุณอย่าเสียใจเกินไปเลย ถึงแม้พ่อจะได้รับโทษมาครึ่งเดือน กลับพบว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก จะไม่เป็นแบบเมื่อก่อนนั้น ที่ใช้ชีวิตแบบโง่เขลา”
“หยางเฉิน ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันไม่รู้ว่าพ่อจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน” ฉินซีพูดแบบหน้าตาซาบซึ้งใจ
ฉินยีก็ตาแดงเช่นกัน “พี่เขย พี่สาวได้แต่งงานกับพี่ เป็นโชคดีจริงๆ ฉันขอให้พวกพี่มีความสุขกันมากๆ!”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
อีกด้านหนึ่ง ฉินต้าหย่งก็เข้ามาในโรงอาบน้ำแล้ว
“พวกขอทาน ใครให้แกเข้ามากัน? ยามล่ะ? รีบไล่ออกไปเดี๋ยวนี้! เหม็นจะตายอยู่แล้ว!”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคาน์เตอร์ด้านหน้ารีบปิดจมูกไว้ ตะโกนเสียงดังขึ้นมาแบบท่าทางรังเกียจ
“ฉันไม่ใช่ขอทาน ฉันมาอาบน้ำ ฉันมีเงิน”
ฉินต้าหย่งท่าทางร้อนใจพูดอธิบาย หยิบเงินที่หยางเฉินให้เขาออกมา
ไม่นานพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถือกระบองยางสองสามคนวิ่งเข้ามา หลังจากมองเห็นฉินต้าหย่ง จึงใช้กระบองยางชี้หน้าด่าขึ้นมา “เป็นพวกขอทานคนหนึ่ง กล้ามาที่หวงเหอบาธของพวกเรา? ถ้ายังไม่ไสหัวไปอีก ฉันจะลงมือแล้วนะ!”
“ฉันมาอาบน้ำจริงๆ”
ฉินต้าหย่งพูดอย่างรีบร้อน
“เหยดแม่ง! หวงเหอบาธเป็นที่ที่สวะแบบแกจะเข้ามาได้เหรอ? มีเงินก็ไม่ให้แกอาบ”
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นหัวหน้าไม่พูดพร่ำทำเพลง ถีบเข้ามาทีหนึ่ง ฉินต้าหย่งเดิมไม่ได้กินดื่มดีมากเท่าไรมาครึ่งเดือน ร่างกายจึงอ่อนแอลงมากไปตั้งนานแล้ว
จะสามารถทนต่อเท้าพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หนักร้อยกว่ากิโลได้ที่ไหนกัน? ชั่วขณะที่โดนถีบเข้ามา ก็ลอยออกไปจากหน้าประตูใหญ่ของหวงเหอบาธแล้ว