The king of War - บทที่ 130 ฉันซื้อไว้แน่
คุณหยาง?
ได้ยินคำเรียกจากในปากของชายหัวล้าน บนหน้าของผู้จัดการซีดเซียวส่วนหนึ่ง
ชายหัวล้านใส่เสื้อเชิ้ตลายดอก ท่อนล่างใส่กางเกงสูทสีดำตัวหนึ่ง บนคอห้อยเจ้าแม่กวนอิมหยก บนแขนสักรูปหมาป่าอ้าปากกว้างดูโหดร้ายมากตัวหนึ่ง
เวลานี้เขากลับตรงมาที่ข้างกายของหยางเฉิน โค้งตัวเล็กน้อย ท่าทีเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง
ผู้คนที่มุงดูโดยรอบต่างทำหน้าตาตกใจ ไม่นานทุกคนล้วนมองผู้จัดการด้วยท่าทางดีใจเพราะเห็นหายนะของคนอื่น
“นี่คือธุรกิจของนาย?”
หยางเฉินมองชายหัวล้านนิ่งๆ แวบหนึ่งถามขึ้น
“คุณหยาง โรงอาบน้ำนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมสักนิดเดียวครับ ผมเพียงแค่ผ่านเข้ามาแช่น้ำสักหน่อยเท่านั้นเอง”
ชายหัวล้านเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วรีบอธิบายทันที กลัวหยางเฉินจะเข้าใจผิด
เขาไม่ใช่ใครอื่น คือครึ่งเดือนก่อน ที่เมืองคิง หวังเฉียงผู้ยอมอยู่ใต้อำนาจหยางเฉิน ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาอกสั่นขวัญแขวนไปหมด
“ในเมื่อไม่ใช่ งั้นซื้อที่นี่เลยแล้วกัน!” หยางเฉินพูดอย่างกะทันหัน
ได้ยินคำพูดของเขา ในชั่วขณะนั้นสีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนยกใหญ่ บนหน้าผากมีแต่น้ำเหงื่อ ตอนนี้เขาไม่สงสัยในคำพูดของหยางเฉินแม้แต่น้อย
กำไรของหวงเหอบาธเป็นอย่างไร เขารู้ดีมาก ถ้าหวงเหอบาธแห่งนี้ถูกบีบให้ขายออกไปเป็นเพราะสาเหตุมาจากตนเอง เจ้านายเล่นงานเขาตายแน่
“คุณหยางครับ หวงเหอบาธแห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาแบบภายนอกนะครับ”
แต่ทว่าปฏิกิริยาของหวังเฉียงและผู้จัดการกลับไม่เหมือนกัน บนหน้าเขาดูลำบากใจพอสมควร พูดเสียงเบาๆ ที่ข้างหูหยางเฉิน “หางเสือแท้จริงของเบื้องหลังที่นี่ เป็นตระกูลเว่ยหนึ่งในสี่ตระกูล เจ้านายของที่นี่เป็นเพียงหุ่นกระบอกตัวหนึ่ง”
หยางเฉินแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย นึกไม่ถึงเพียงแค่เลือกสุ่มมาโรงอาบน้ำแห่งหนึ่ง ยังเป็นกิจการของตระกูลเว่ยด้วย
เขานึกได้ฉับพลัน ยอดเมฆาคือบ้านและที่ดินที่ตระกูลเว่ยบุกเบิก
ช่วงก่อนหน้านี้ เว่ยเสียงของตระกูลเว่ยยังไปที่ยอดเมฆา พูดจาข่มขู่ว่ามีบุคคลสนใจคฤหาสน์ ทั้งยังอยากให้เขายอมปล่อยคฤหาสน์ให้
หวังเฉียงเพิ่งเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเมื่อครึ่งเดือนก่อน อย่างมากก็เทียบกับตระกูลชั้นนำได้ แต่การเผชิญหน้ากับตระกูลเว่ย เขายังไม่มีกำลังจริงๆ
“คุณหยางครับ ก่อนหน้านี้เป็นผมทำผิดมหันต์เอง ขอให้ท่านยกโทษให้ด้วยครับ!”
เวลานี้ผู้จัดการรีบเดินมาข้างหน้า กล่าวขอโทษด้วยหน้าตาเคารพนอบน้อม
เรื่องที่เบื้องหลังหวงเหอบาธคือตระกูลเว่ย เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่หวาดกลัวหวังเฉียง และยิ่งจะไม่ขอโทษหยางเฉินด้วย
“หยางเฉิน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ?”
ฉินต้าหย่งที่ขาดความมั่นใจโดยธรรมชาติ เห็นผู้จัดการขอโทษ จึงรีบเข้ามาพูดกล่อมหยางเฉิน
“คุณผู้ชายครับ ก่อนหน้านี้เป็นพวกเราต้อนรับไม่ครบถ้วน ขอให้ท่านอย่าถือโทษ ท่านไม่ใช่อยากอาบน้ำเหรอครับ? ตอนนี้พวกเราจะจัดคนมาทำเรื่องลงทะเบียนให้ท่าน และทำบัตรสมาชิกรายปีแบบไม่คิดเงินให้ท่านด้วยครับ ต่อไปภายในหนึ่งปี ขอเพียงท่านมาที่นี่ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างฟรีหมดครับ!”
ผู้จัดการหลักแหลมมาก แสดงความรู้สึกเสียใจก่อน จากนั้นมอบบัตรสมาชิกฟรีให้ ท่าทีเคารพนอบน้อมอย่างมาก
“นายคิดว่าพวกเราซื้อสมาชิกที่นี่ของพวกนายไม่ได้เหรอ?”
ฉินยีไม่รับปาก ไม่มีความหมายอยากไกล่เกลี่ยยอมความสักนิดเดียว บิดาของตนเองโดนเหยียดหยาม จำเป็นต้องทวงความเป็นธรรมกลับคืน
“คนสวย ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……”
ในขณะนั้นผู้จัดการร้อนใจรีบอธิบาย หยางเฉินขัดจังหวะคำพูดของเขาโดยตรง เอ่ยอย่างเย็นชา “พูดจาไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย ตอนนี้ให้เจ้านายของนายเข้ามา”
“เกิดเรื่องอะไรกัน?”
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่สวมสูทใส่รองเท้าหนังเดินเข้ามาที่หวงเหอบาธ
พอมองเห็นว่ามีคนมา ในใจผู้จัดการแอบคิดว่าไม่ดีแล้ว เมื่อสักครู่ยังอยากไม่ทำให้เจ้านายตกใจ จะจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยด้วยตนเอง แต่คาดไม่ถึงว่าพูดถึงใครคนนั้นก็โผล่มาเลย
ตอนนี้ถึงอยากปิดบัง ก็ปิดไม่มิดแล้ว เขาปาดเหงื่อบนหน้า พูดไปตามจริง “เจ้านายครับ คุณผู้ชายท่านนี้บอกว่าอยากซื้อหวงเหอบาธครับ!”
“อะไรนะ?”
ชายวัยกลางคนสีหน้าตกใจ จากนั้นบนใบหน้ามีความโกรธเคืองปรากฏขึ้นมานิดๆ
ภายนอกหวงเหอบาธเป็นโรงอาบน้ำแห่งหนึ่ง ในความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ สามารถพูดได้ว่าเพราะหวงเหอบาธ ตระกูลเว่ยถึงมีทุกอย่างในวันนี้ได้
สถานที่หนึ่งที่สำคัญเช่นนี้ คาดไม่ถึงมีคนขู่ว่าจะซื้อไป
“เจ้าหนุ่ม นายมาหาเรื่องวุ่นโดยเฉพาะสินะ?”
ชายวัยกลางคนหรี่ตาจ้องหยางเฉิน ในสายตามีความดุดันแวบผ่าน
“ติงลู่ นายแม่งเอาตาไหนมามองกันเนี่ยว่าคุณหยางจะมาก่อเรื่องวุ่นวาย? ถ้าไม่ใช่ว่าหมาที่แกเลี้ยงไว้กลุ่มนี้พุ่งชนคุณหยาง คงจะไม่วุ่นวายถึงขั้นนี้”
ทันใดนั้นหวังเฉียงเดินออกมาแล้ว ถึงแม้จะหวาดกลัวตระกูลเว่ย แต่เขาชัดเจนดีมาก ถ้าเขาแกล้งตายไปในเวลานี้ หยางเฉินที่สามารถให้เขาทุกอย่าง ย่อมสามารถทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ติงลู่สังเกตเห็นหวังเฉียงแล้ว เพียงแค่ในสายตาเขา ต่อให้หวังเฉียงเลื่อนตำแหน่งแล้ว ก็ยังห่างไกลเป็นคู่แข่งของตระกูลเว่ย อย่างมากเป็นแค่อันธพาลคนหนึ่ง เดิมทีเขายังรู้สึกเหยียดหยาม
“พี่เฉียง นี่คือเรื่องของหวงเหอบาธ พี่คงไม่คิดจะมายุ่งเรื่องไม่เข้าท่าหรอกมั้ง?” ติงลู่มองเขานิ่งๆ พลางถามขึ้น
หวังเฉียงกำลังอยากระเบิดอารมณ์ แต่ถูกหยางเฉินห้ามไว้
“เจ้านายติงใช่มั้ย หวงเหอบาธของนายแห่งนี้ ฉันสนใจแล้ว ตั้งราคามาเถอะ!”
หยางเฉินพูดแบบหน้าไร้ความรู้สึก
ติงลู่พินิจพิเคราะห์หยางเฉินตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง การแต่งตัวราคาถูก เดิมทีดูไม่ออกว่าเขามีกำลังทรัพย์ที่ไหนมาซื้อหวงเหอบาธไป
“เจ้าหนุ่ม นายอวดดีขนาดนี้ แถมยังสามารถทำให้คนแบบพี่เฉียงช่วยพูดให้นายได้อีก สถานะน่าจะไม่ธรรมดาล่ะมั้ง?”
ติงลู่พูดขึ้นกะทันหัน เพียงแต่ในคำพูดกลับมีอารมณ์เสียดสี
“ฉันมีสถานะอะไร นายไม่มีสิทธิ์รู้” หยางเฉยพูดจาเรียบๆ
“เจ้านายครับ เหมือนผมจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร!”
ในเวลานี้ ผู้จัดการเอ่ยปากบอกทันใด “ผู้หญิงด้านข้างเขาคนนั้น มีสมญานามว่าท่านประธานสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว ห้าปีก่อน เธอถูกยามของบริษัทหลับนอนด้วย ว่ากันว่ายามคนนั้นยังมาเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านของตระกูลเธอด้วย ผู้ชายคนนี้ น่าจะเป็นยามคนนั้นนะครับ”
เมื่อสักครู่นี้ที่ผู้จัดการมองเห็นฉินซี ยังรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ พอสมควร นึกอยู่ตั้งนาน ถึงนึกได้ว่าเธอเป็นใคร
คาดไม่ถึงตนเองเพิ่งถูกลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงคนหนึ่งขู่เข้าให้ ยังน่าอับอายเสียจริง
“ที่แท้เป็นแค่สวะที่อาศัยเมียมาเสแสร้งแกล้งทำ ฉันยังคิดว่าเป็นคนใหญ่โตที่ไหน”
ติงลู่ส่งเสียงหัวเราะเยาะ “ไอ้หนุ่ม ถือโอกาสที่ฉันยังไม่ได้แสดงอำนาจออกมา รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
หยางเฉินส่ายหน้าแบบจำใจ คนวอนหาที่ตายมากจริงๆ “วันนี้ ฉันซื้อหวงเหอบาธไว้แน่!”
ก่อนหน้านี้ตระกูลเว่ยไม่ใช่อยากจะบังคับซื้อยอดเมฆาไปจากในมือของตนเองเหรอ?
งั้นพอดีเลย วันนี้ตนเองจะแย่งซื้อหวงเหอบาธจากในมือของตระกูลเว่ยไป
เพราะแบบนี้ จึงใช้วิธีของคนอื่นมาใช้กับคนนั้นกลับไป
“ในเมื่อนายแสดงขนาดนี้ งั้นฉันจะทำให้นายสมหวัง หนึ่งร้อยล้าน! ขอเพียงนายสามารถจ่ายมาหนึ่งร้อยล้านได้ ฉันจะตัดสินใจขายที่นี่ให้นาย!”
ติงลู่ถูกยั่วยุให้โมโหในชั่วขณะนั้น โดยเฉพาะท่าทางของหยางเฉินที่อยากซื้อหวงเหอบาธอย่างแน่วแน่ ยิ่งทำให้เขาโกรธเคืองอย่างยิ่ง
หวังเฉียงได้ยินตกใจยกใหญ่ ถ้าหยางเฉินยอมรับช่วงธุรกิจสีเทาพวกนี้ อย่าพูดถึงหนึ่งร้อยล้านเลย ต่อให้พันล้าน ซื้อที่นี่มาล้วนคุ้มค่าแน่นอน
แต่ถ้าไม่ทำธุรกิจผิดกฎหมายพวกนั้น หนึ่งร้อยล้านนี้เดิมทีคงไม่คุ้ม
เขารีบพูดเสียงเบาๆ ที่ข้างหูหยางเฉิน “คุณหยางครับ ราคาประเมินของที่นี่ ห้าสิบล้านก็ขั้นสุดแล้ว……”
“เอาเลขบัญชีให้ฉัน จะโอนเงินให้นายในตอนนี้!”
คำพูดของหวังเฉียงยังไม่ทันจบ หยางเฉินก็เห็นด้วยกับราคาสูงหนึ่งร้อยล้านแล้ว
“แสดง ฉันจะดูว่านายจะแสดงไปถึงเมื่อไร”
หลังจากนำเลขบัญชีบอกหยางเฉิน ติงลู่พูดแบบหน้าตายิ้มเยาะ
สำหรับเขานั้น ต่อให้ฉินซีเป็นท่านประธานของซานเหอกรุ๊ป ก็เอาหนึ่งร้อยล้านออกมาไม่ได้ สำหรับหยางเฉิน เพียงแค่ยามกระจอกที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง ย่อมถูกเขาเพิกเฉยไปโดยตรง
หยางเฉินส่งเลขบัญชีของติงลู่ออกไป ไม่ถึงสองนาที มือถือของติงลู่ก็มีเสียง “ติง”ดังขึ้นแล้ว