The king of War - บทที่ 1312 จู่โจมให้แพ้ในทีเดียว
หยางเฉินได้ฟังจากคำพูดของหลงเยว่ ให้รู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่งยวด
การต่อสู้ปะทะกันของทั้งคู่ที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ ฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน แต่โดยเท็จจริงแล้วหยางเฉินได้ทุ่มพลังเต็มสุด เขาก็แค่เพียงเทียบเปรียบได้อย่างหืดขึ้นคอ
จากคำที่หลงเยว่พูด หยางเฉินเข้าใจได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามเตรียมจะทุ่มพลังเต็มสุดกำลังแล้ว
“ก่อนที่จะฆ่าแก ข้าอยากรู้นักว่า แกเป็นใครกันแน่?”
หลงเยว่ถามย้ำอีก พูดด้วยใบหน้าที่ฉงนสงสัยว่า “แม้แต่ข้าเอง ก็จะยอมรับไม่ได้ว่า อาศัยความอัจฉริยะทางบูโดของเจ้า หากวางตัวไว้ในเมืองหวยเฉิง ก็ยังต้องอยู่ในระดับท้อปสาม”
“นี่เพียงเป็นการฝึกฝนพื้นฐานในกลุ่มสามัญชนเท่านั้น ข้าจึงไม่เชื่อ ว่าคนอย่าเจ้า จะไม่มีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่”
หยางเฉินหัวเราะอย่างขมขื่น แต่แรกนั้นอู่หยู่หลานก็เคยพูดกับเขาแบบนี้ และยังมีหลิวเหล่าก้วยแห่งเมืองเหมียวที่เกือบถูกเขาสังหาร ก็เชื่อว่าเขาต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มาก
แต่ทว่า เขาก็ไม่รู้จริง ๆ เขาเองจะมีเบื้องหลังอะไรที่ยิ่งใหญ่
เขารู้แต่เพียงว่า แม่บังเกิดเกล้าของเขา ได้ตายไปแล้วเมื่อหกปีก่อน ด้วยโรคร้ายที่รักษาไม่ได้
ส่วนพ่อบังเกิดเกล้าของเขา จะเป็นใคร เขาไม่เคยรู้ได้เลย
หรือจะว่า พ่อของตัวเขาเอง จะยิ่งใหญ่มาก?
“ตอนนี้มาคุยเรื่องพวกนี้ ยังจะมีความหมายอะไรอีก ?”หยางเฉินพูดพูดเสียงชืด ๆ
ถึงยังไงหลงเยว่ก็ตัดสินใจจะฆ่าเขาอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ถึงจะรู้ละเอียดในเบื้องหลังของหยางเฉินแล้ว หลงเยว่จะปล่อยเลิกเปลี่ยนใจงั้นหรือ?
“แกพูดถูก มันไม่มีความหมายอะไรเลยจริง ๆ ถ้าแกไม่ตาย รังแต่จะเป็นฝันร้ายให้กับตระกูลราชวงศ์ ไม่ว่าแกจะเป็นใคร วันนี้ ถึงยังไงก็ต้องตาย!”
สิ้นเสียงพูดของหลงเยว่ กระแสพลังบูโดที่น่าสะพรึงกลัวสร้างความกดดันขึ้นในบรรยากาศ แผ่พุ่งออกมาจากตัวเขา
สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกกับพลังปราณที่เปลี่ยนเข้มขึ้นไม่หยุดหย่อน แววตาหยางเฉินเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักใจ
เขาสัมผัสได้จากความรู้สึก ในชั่วพริบเดียวนั้น แดนพลังบูโดของหลงเยว่ดูเหมือนทะลุก้าวขึ้นไปอีก
เมื่อครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาได้เคยประมือกับอู่หยู่หลานจากตระกูลราชวงศ์อู่ และอู่หยู่หลานนั้นมีพลังฝีมืออยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
ในขณะนี้ เวลานี้ กระแสพลังบูโดบนตัวของหลงเยว่ เทียบกับพลังบูโดบนตัวของอู่หยู่หลัน ดูเกือบจะเหมือนกัน
แต่ที่เขาเอาชนะอู่หยู่หลานได้นั้น ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะเอาชนะหลงเยว่ได้
เพราะตอนที่เขาประมือกับอู่หยู่หลานนั้น เขาเข้าไปอยู่ในภาวะบ้าคลั่ง เนื่องจากภายในร่างกายของเขาเวลานั้น คงยังมีฤทธิ์ยาที่ยังสมบูรณ์พร้อมอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ยาเพิ่มพลังบูโดอีกสามเม็ดจากเฟิงเสี่ยวหว่าน
หลังจากนั้น เขาก็ยังได้ประมือกับดอกเตอร์แบล็กที่มีพลังเกือบถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า และเพราะดอกเตอร์แบล็กก็ยังได้ฉีดยายาสมบูรณ์ชนิดเหนือชั้นให้ ยาสูตรใหม่ล่าสุด ชนิดที่ว่าประสิทธิภาพน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นไปอีก
แต่มาในขณะนี้ พลังฝีมือของเขาอยู่ในสถานะแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง และก็ไม่มียาเพิ่มพลังบูโดของเฟิงเสี่ยวหว่าน ที่พอจะเป็นได้ก็คือใช้วิธีฝืนเพิ่มพลังในวิธีของตัวเอง มาเร่งให้เข้าสู่สภาวะบ้าระห่ำขึ้นมา
การทำในรูปแบบนี้ เขาก็แค่เพียงจะเพิ่มพลังการต่อสู้ขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
ส่วนหลงเยว่นั้น จะทะลุตรงจากแดนเหนือมนุษย์ขั้นสอง ขึ้นไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
ระยะต่างในช่วงนั้นของสองคน ห่างกันมาก!
“เดิมทีเดียว ข้าตั้งใจอยู่ว่าจะไว้ค่อยหาโอกาสสบาย ๆ แล้วค่อยฝ่าทะลวงพลังขึ้นไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม แต่เมื่อข้าได้พบว่า เพียงแค่พลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นสองนี้ คิดจะสังหารแก มันยากมาก”
หลงเยว่มองหยางเฉินด้วยใบหน้าเมินเฉย เหมือนมองคนที่ไม่มีชีวิต พูดเสียงเย็นเยือกว่า “เพราะฉะนั้น วันนี้ข้าจะฝ่าทะลวงละ”
“สามารถบีบให้ข้าตัดใจฝ่าทะลวงเพิ่มพลังมาฆ่าแก ถึงจะต้องตายไป แกก็น่าจะภูมิใจนะ!”
สีหน้าหยางเฉินเครียดจนดูไม่ได้ สองตาเขม็งจ้องไปที่หลงเยว่พูดว่า “แกกับข้า ก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน แกน่าจะเข้าใจ การตายของหลงเคอ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า แม้ตัวเจ้าเอง ก็เพียงแต่ถูกกษัตริย์หลงหลอกใช้ ให้มาสังหารข้า”
“ในเมื่อข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ ทำไมจะต้องผูกใจจะเอาข้าให้ตายให้ได้อีก?”
“ข้ารับปากแกได้นะ ถ้าแกยอมหยุดเรื่องการต่อสู้นี้ ข้าก็จะเลิกยุ่งกับราชวงศ์หลง!”
เป็นครั้งแรกที่หยางเฉินยอมก้มหัว ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เขาไม่แน่ใจว่า การที่เขาเข้าไปสู่สภาวะบ้าคลั่งแล้ว จะหายฟื้นกลับมาได้หรือไม่
ในช่วงระยะนี้ เขากำลังฝึกตัวเองเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง แล้วคลายฟื้นคืนตัวเองได้ แต่ตอนนี้เป็นการต่อสู้จริง
ถ้าลงได้เข้าต่อสู้กับหลงเยว่อย่างเอาเป็นเอาตายกันแล้ว ผลได้เสียนั้นยากจะคาดเดา
การเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่งถ้ายิ่งนาน ก็ยิ่งยากในการควบคุมตัวเอง ก็คือว่า จะต้องใช้เวลาที่สั้นที่สุด ในการเอาชนะหลงเยว่ มิฉะนั้นหากเกินเวลาที่จำกัดไว้ การจะฟื้นคืนเอาสติกลับมา คงจะยาก
แทบจะพูดได้ว่า ความหวังเลือนราง
ได้ยินที่หยางเฉินพูด หลงเยว่ถึงกับหัวเราะ สีหน้าแฝงการเย้ยหยันอยู่ให้เห็น “ทีแรก ข้าก็คิดว่าแกจะสู้กับข้าอย่างเต็มที่ แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะประมือกัน แกก็ดันกลัวเสียแล้ว”
“แก ทำให้ข้าผิดหวังมาก!”
สีหน้าหยางเฉินขุ่นเคืองไม่น่าดูเอาเลย ไม่คิดว่าตัวเองไม่อยากให้เกิดการบาดเจ็บไปด้วยกันทั้งคู่ กลับถูกหลงเยว่มองว่าตัวเองเกิดกลัว
เมื่อครั้งก่อนหน้านี้ที่ประมือกับดอกเตอร์แบล็ก แม้แต่ดอกเตอร์แบล็กที่มีพลังต่อสู้ระดับเหนือมนุษย์ขั้นห้าแล้ว ก็ยังถูกเขาเล่นงานไปอย่างสาหัส
แล้วจะมีอะไรหนักหนากับหลงเยว่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามแค่นี้?
“แน่ใจนะ จะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่งกับข้า?”เสียงหยางเฉินค่อย ๆ หนาวเยือกลง
“หยางเฉิน แกนี่จะประเมินดูตัวเองสูงเกินไปมากนะ?”
หลงเยว่ไม่ออกอาการโกรธแต่กลับหัวเราะ “ผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง พูดกับผู้แข็งแกร่งระดับเหนือมนุษย์ขั้นสาม แกไม่รู้สึกขำตัวเองเลยหรือ?”
หยางเฉินไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องใส่หลงเยว่ แววตาค่อย ๆ หนาวเยือกลง
“ในเมื่อยืนยันจะต่อสู้ ถ้าไม่เล่นด้วย มันก็จะทำให้แกผิดหวังมากสินะ?”
หยางเฉินใช้คำพูดง่าย ๆ
จิตสัมผัสถึงความสงบนิ่งของหยางเฉิน ในใจ หลงเยว่เกิดอาการตื่นอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้เป็นยังไง เหมือนมีพลังอะไรสักอย่าง ทำให้เขามีความรู้สึกกดดัน
“ไอ้หนู ข้าก็รู้ แกมีวิธีแปลงเพิ่มพลังขึ้นไปได้ แต่ถึงยังไงข้าก็อยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม ถ้าข้าลงมือ แกก็ไม่มีโอกาสทำอะไรได้แล้ว”
หลงเยว่หยีตาพูดว่า “เอาละ ข้าก็จะให้โอกาสแกได้ใช้วิชาแปลงพลังของแกสักครั้ง ข้าจะต่อให้แกสามกระบวนท่า หลังสามกระบวนท่าแล้ว แกก็หมดสิทธิ์!”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
พอหยางเฉินพูดขาดคำ ขาก็ได้ขยับ พุ่งเข้าใส่หลงเยว่ในฉับพลัน
“อ้าว?”
หลงเยว่ขมวดคิ้วจนหน้านิ่ว เดิมเขาคิดอยู่ว่า หยางเฉินจะแปลงเพิ่มพลังขึ้นมาต่อสู้กับตน คิดไม่ถึงว่า ยังคงเป็นพลังฝีมือระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นที่หนึ่ง ที่ใช้มาต่อสู้กับตน
หรือจะว่า หยางเฉินไม่ได้มีวิชาแปลงพลัง?
หลงเยว่แอบคิดเดาอยู่ในใจ
และในขณะนั้นเอง หยางเฉินได้พุ่งใส่เข้ามาถึงหน้าเขาแล้ว หลงเยว่ขยับขา หลบฉากออกไปในชั่วพริบตา
“ปึง!”
เสียงดังสนั่นลั่น ตรงจุดที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ หินภูเขานั้นแตกกระจุย
“ปึง!”
“ปึง!”
ตามติดด้วยเสียงที่ดังสนั่นน่าสะพรึงกลัว จากการจู่โจมอีกสองครั้ง
ติดต่อกันสามกระบวนท่า หลงเยว่ก็ไม่ได้โต้ตอบหยางเฉินจริง ได้แต่ฉากหลบ ส่วนหยางเฉินได้ใช้พลังเต็มที่ ก็ยังไม่สามารถแม้แต่จะสะกิดถูกตัวหลงเยว่
แดนเหนือมนุษย์ขั้นสองกับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม แม้ต่างกันเพียงเพิ่มพลังอีกขั้นเดียว แต่ที่ดูว่าแค่ค่าต่างเพียงเล็กน้อย นี้ มันห่างกันไปขนาดไหน ต้องผู้เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น จึงจะรู้ดี
“สามกระบวนท่าผ่านไปแล้วนะ ต่อนี้ไป แกลงมือมาอีกนั้น ข้าจะไม่มีการออมมือให้แล้วนะ”
หลงเยว่หยีตาพูด
ในทันใดนั้น พลังปราณบูโดที่น่าสะพรึงกลัว ระเบิดกระจายออกมาจากตัวเขา
ในพริบตานั้น เขาดูเหมือนจอมราชันย์ยืนค้ำฟ้าดินนี้อยู่ สยบสรรพสัตว์ทั้งปวง
ให้แม้แต่หยางเฉิน ก็ยังรู้สึกถึงอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวนั้น แต่สีหน้าเขายังคงหนักแน่น สายตาที่มองหลงเยว่ แววตาคงเปี่ยมด้วยพลังสู้ ไม่มีให้เห็นความคิดที่จะถอย