The king of War - บทที่ 1329 คนตายคนหนึ่ง
เงาร่างชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าหลงเทียนหยู่ เอามือไพล่หลัง มองไปทางหลงหวงที่กำลังตกใจอย่างเฉยเมย
“หยางเฉิน!”
เมื่อหลงหวงเห็นชายหนุ่มผู้นั้นก็หรี่ตาลงทันที
ส่วนหยางเฉินก็หันหลังให้หลงเทียนหยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งได้ยินคำพูดของหลงหวงในเวลานี้ หลงเทียนหยู่ถึงรู้ว่าใครช่วยเขาไว้ น้ำตาพรั่งพรูออกมาทันที
“คุณหยาง ในที่สุดท่านก็มา!”
หลังจากพบกับความสิ้นหวัง หลงเทียนหยู่ก็ไม่อยากตายแล้ว แค่อยากจะแก้แค้นเท่านั้น
ตอนแรกคิดว่าตนเองจะถูกหลงหนิงฆ่าตายแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะรอดชีวิตจากความสิ้นหวังสุดขีดเช่นนี้
จิตใจที่เป็นกังวลของหลงจิ้นรู้สึกผ่อนคลายลงได้ในที่สุด
เขามองไปที่แผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยความก็รู้สึกขอบคุณ
“ที่เหลือมอบให้ข้าจัดการเถอะ!”
หยางเฉินชำเลืองมองหลงจิ้นและหลงเทียนหยู่ที่บาดเจ็บหนัก พลางกล่าวอย่างใจเย็น
“ท่านพ่อ ไอ้สารเลวนี้ทำขาข้าหัก ท่านต้องล้างแค้นให้ข้าด้วย!”
หลงหนิงถูกหยางเฉินหักขาข้างหนึ่ง เขากล่าวด้วยสีหน้าที่ดุดัน
หลงหวงไม่สนใจหลงหนิง มองไปยังหยางเฉินด้วยสายตาเคร่งขรึม
เขานึกไม่ถึงเลยว่าหยางเฉินจะยังมีชีวิตมาที่ราชวงศ์หลง
หลังจากที่เขาฆ่าหลงเคอ ก็โยนความผิดเรื่องการตายของหลงเคอไปที่หยางเฉิน จากนั้นจึงกระจายข่าวไปให้หลงเยว่ที่อยู่ในจวนผู้ว่าการเมืองหวยเฉิงอันห่างไกล
ในความคิดของเขา หลงเยว่ต้องไปแก้แค้นหยางเฉินแน่นอน
หมายความว่าหลงเยว่ไปแก้แค้นหยางเฉินไม่ทันเวลาหรือ?
เวลานี้จิตใจของหลงหวงเต็มไปด้วยความสงสัย
“ข้าเคยเห็นคนที่ไร้มนุษยธรรม แต่ไม่เคยเห็นคนที่ไร้มนุษยธรรมอย่างท่านมาก่อน ท่านฆ่าลูกชายสองคนต่อกัน ตอนนี้ท่านยังกำลังจะฆ่าหลานชายของท่านเอง”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
เดิมทีเขายังสงสัยว่าหลงหวงได้โยนความผิดให้เขาหลังจากสังหารหลงเคอหรือไม่ แต่ตอนนี้เขาไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยอีกแล้ว
หลงเคอถูกหลงหวงสังหาร
ตอนนี้ยังมีศพขององค์ชายนอนอยู่ในราชวงศ์หลง ก็เป็นฝีมือของหลงหวงด้วยเช่นกัน
สีหน้าของหลงหวงแย่ลง เขากัดฟันพูดว่า “นี่เป็นเรื่องภายในของราชวงศ์หลง คุณหยางคิดจะเข้ามายุ่งเหรอ?”
“ที่ข้ามาในวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อยุ่งเรื่องครอบครัวของท่าน แต่มาเพื่อขอคำอธิบายจากท่าน ผู้แข็งแกร่งแดนเทพหกคนที่ราชวงศ์หลงส่งไปร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งแดนเทพของราชวงศ์เย่เพื่อโจมตีข้า หลงหวง ท่านคิดจะอธิบายยังไง?”
หยางเฉินดูนิ่งเฉยแต่น่าเกรงขาม
ตัวเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ ดังนั้นในด้านระดับที่บรรลุถึงจึงเหนือกว่าหลงหวงอย่างสิ้นเชิง
ในเวลานี้เขาอยู่ในความโกรธ ลมปราณแห่งวิถีบู๊ในร่างกายเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น ผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์หลงหลายคนตัวสั่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่หยางเฉิน
“เรื่องนี้เป็นฝีมือของหลงเคอทั้งหมด ข้าไม่รู้เรื่อง”
หลงหวงแสร้งทำเป็นใจเย็นแล้วพูดว่า “ตอนนี้หลงเคอก็ลงหลุมไปแล้ว ถ้าท่านยังไม่หายโกรธ ก็ต้องขุดซากกระดูกของเขาขึ้นมาเฆี่ยนตีแล้ว”
หยางเฉินเลิกคิ้วขึ้น “ถ้าไม่มีคำสั่งจากหลงหวง แค่องค์ชายอย่างเขา จะสามารถส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพหกคนออกไปได้หรือ?”
หลงหวงขมวดคิ้ว “เขาเป็นทายาทของราชวงศ์หลง ข้าวางแผนที่จะสละราชสมบัติให้ การที่เขาจะส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพหกคนออกไปทำงาน จะมีปัญหาอะไรล่ะ?”
“ดี ต่อให้เรื่องนี้เป็นฝีมือของเขาคนเดียว แล้วยังไงล่ะ?”
หยางเฉินมีสีหน้าหม่นหมองยิ่งขึ้น “ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อจะมาขอคำอธิบายจากท่าน!”
สิ้นเสียง อานุภาพวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา โอบล้อมหลงหวงอย่างแน่นหนาทันที
หลงหวงหน้าถอดสี เขารู้สึกได้ว่าวิถีบู๊ของหยางเฉินกดเขาไว้จนอยู่หมัด หากลงมือ เขาอาจจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของหยางเฉินได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ
“หยางเฉิน ท่านอย่ามาข่มเหงกันมากเกินไป!”
หลงหวงข่มความหวาดกลัว กัดฟันพูดว่า “หลงเยว่ลูกชายคนโตของข้า เข้าตาทางจวนผู้ว่าการเมืองหวยเฉิงและได้รับไปฝึกอบรมเมื่อสามสิบปีก่อน ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับแดนเหนือมนุษย์”
“ถ้าท่านกล้าทำร้ายข้า เขาจะไม่ปล่อยท่านไปแน่!”
“ท่านก็รู้ดีว่าตระกูลบู๊โบราณนั้นเป็นอย่างไร ท่านไม่อาจล่วงเกินได้เลย!”
“ถ้าท่านไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น!”
หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ท่านแน่ใจหรือว่าจะเอาคนตายมาขู่ข้า?”
“คนตาย?”
หลงหวงขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่ายังไง?”
หยางเฉินกล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเพิ่งสังหารผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามที่มาจากเมืองหวยเฉิงคนหนึ่ง เขาก็ชื่อหลงเยว่เหมือนกัน”
“ไม่ทราบว่าหลงเยว่ที่หลงหวงกล่าวถึงนั้น ใช่คนเดียวกับหลงเยว่ที่ถูกข้าสังหารไปหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินหยางเฉินพูดเช่นนั้น หลงหวงก็ตกตะลึง
“ท่านบอกว่าหลงเยว่ไปพบท่านแล้วงั้นเหรอ? แถมยังถูกท่านฆ่าตายอีก?”
หลงหวงถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หยางเฉินไม่ตอบแต่ยิ้มออกมา “เออใช่ เขาไม่เพียงแต่มาจากจวนผู้ว่าการเมืองหวยเฉิงเท่านั้น แต่ยังมาล้างแค้นให้กับน้องชายแท้ๆ ของเขาด้วย ส่วนเขาจะใช่หลงเยว่คนที่ท่านเอ่ยถึงหรือเปล่า ข้าไม่รู้”
“เป็นไปไม่ได้!”
หลงหวงสะดุดถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! เขาคือบูโดอัจฉริยะของราชวงศ์หลงในรอบร้อยปี อายุยังไม่ถึงสามสิบก็เข้าตาจวนผู้ว่าการเมืองหวยเฉิงแล้ว ถูกรับไปอยู่จวนผู้ว่าการ แถมยังได้แต่งงานกับลูกสาวสุดที่รักของผู้ว่าการเมืองหวยเฉิงด้วย”
“ตอนนี้เขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม แม้แต่ในเมืองหวยเฉิง เขาก็อยู่ในระดับสุดยอด แล้วจะตายในมือท่านได้อย่างไร?”
“หยางเฉิน ท่านต้องโกหกข้าแน่เลย ใช่ไหม?”
หยางเฉินเลิกคิ้วขึ้น “หยุดพูดจาไร้สาระ ข้ามาที่ราชวงศ์หลงวันนี้เพื่อขอคำอธิบายเท่านั้น ราชวงศ์หลงร่วมมือกับราชวงศ์เย่ส่งผู้แข็งแกร่งแดนเทพ 12 คนมาลอบสังหารข้า ท่านต้องมีคำอธิบายให้ข้า!”
“มิฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีราชวงศ์หลงในจิ่วโจวอีก!”
หยางเฉินในเวลานี้วางอำนาจอย่างที่สุด ไม่เห็นหลงหวงอยู่ในสายตาเลย
ด้วยระดับวิถีบู๊ในปัจจุบันของเขา หากอยู่ต่ำกว่าระดับแดนเหนือมนุษย์ ก็ไม่มีใครคู่ควรเป็นคู่ต่อกร หลงหวงอยู่เพียงระดับกึ่งแดนเหนือมนุษย์เท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
หลงหวงดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่หยางเฉินพูด จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หลงเยว่คือความหวังเดียวของเขา แล้วยังเป็นที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุดของเขา แต่ตอนนี้หยางเฉินกลับบอกว่า หลงเยว่ถูกเขาฆ่าตายแล้ว
ดูจากท่าทางของหยางเฉินไม่เหมือนว่าเขาพูดโกหก หรือว่าหลงเยว่จะถูกฆ่าตายแล้วจริงๆ?
หากเป็นเช่นนี้ กำลังทั้งหมดของราชวงศ์หลงก็ยังไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของหยางเฉิน
“หลงงมงายจนกู่ไม่กลับ!”
หยางเฉินมีสีหน้าเฉยเมย พูดจบก็สะบัดมือ
อานุภาพวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวได้กวาดไปทางหลงหวงราวกับคลื่นยักษ์
“ปัง!”
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน หยางเฉินไม่ได้แตะต้องร่างกายของหลงหวงเลย เห็นเพียงหลงหวงถอยหลังออกไป 7-8 ก้าวก่อนที่จะหยุดลงคล้ายถูกโจมตีอย่างหนัก
หลงหวงมองไปยังหยางเฉินอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่า ตนเองในเวลานี้หากอาศัยวิถีบู๊ในระดับกึ่งแดนเหนือมนุษย์ ก็ไม่คู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของหยางเฉินเลย เพียงกระบวนท่าเดียวของหยางเฉินก็ยังทนรับไม่ไหว
“คุณหยาง!”
หลงเทียนหยู่เอ่ยขึ้นในทันใด
หยางเฉินขมวดคิ้ว “ท่านต้องการให้ข้าปล่อยเขาไปเหรอ?”
หลงเทียนหยู่ส่ายหัว แววตาเต็มไปด้วยความดุดัน เขากัดฟันพูดว่า “ไอ้แก่คนนี้ฆ่าพ่อของข้า ข้าจะอ้อนวอนให้เขาทำไม?”