The king of War - บทที่ 1345 แสวงหาพันธมิตร
ต้วนหวงพูดด้วยน้ำเสียงใจเย็น “ครั้งนี้ ราชวงศ์เย่กล้าทำเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะจัดการกับสามราชวงศ์ใหญ่ในเวลาเดียวกัน”
“ราชวงศ์หลงได้ประกาศว่าจะยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดกับราชวงศ์เย่และช่วยเหลือเยี่ยนเฉินกรุ๊ป หากราชวงศ์ซ่านกวนยังยืนกรานที่จะสนับสนุนหยางเฉิน ราชวงศ์เย่จะต้องเผชิญหน้ากับสองราชวงศ์ใหญ่ในเวลาเดียวกันแล้ว”
“ส่วนราชวงศ์ต้วนแค่ยืนดูอยู่ห่างๆ รอให้พวกเขาทั้งสองเกิดความสูญเสีย ก็ถึงเวลาที่ราชวงศ์ต้วนของเราจะผงาดขึ้น”
ต้วนหวูหยาถอนหายใจและนิ่งเงียบไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมา “นี่คือสิ่งที่ท่านคิด แต่ถ้าราชวงศ์เย่พ่ายแพ้หรือว่าได้รับชัยชนะล่ะ? ราชวงศ์ต้วนจะนั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้จริงเหรอ?”
“หากราชวงศ์เย่ชนะก็จะยิ่งมีความทะเยอทะยานมากขึ้น พอถึงตอนนั้นราชวงศ์ต้วนจะมีเพียงสองทางเลือก คือโค่นล้มและยอมสวามิภักดิ์!”
“ความพ่ายแพ้ของราชวงศ์เย่ ราชวงศ์หลงและราชวงศ์ซ่านกวนถือเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ของหยางเฉิน พอถึงตอนนั้นราชวงศ์ต้วนก็มีแต่จะเสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆ เท่านั้น!”
“ตอนนี้มีเพียงการช่วยเหลือหยางเฉินเท่านั้น ที่จะรับประกันได้ว่า อย่างน้อยราชวงศ์ต้วนก็สามารถรักษาสถานะปัจจุบันเอาไว้ได้ในวันที่ราชวงศ์เย่พ่ายแพ้”
“เสด็จพ่อ สิ่งที่ควรพูดข้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าออกจากราชวงศ์ต้วนแล้ว ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องในราชวงศ์ต้วน สิ่งที่ข้าพูดเมื่อกี้เป็นเพียงคำแนะนำแก่ท่านเท่านั้น ท่านตัดสินใจเอาเองว่าจะทำอย่างไร”
ต้วนหวูหยาพูดจบก็วางสายไป
ทันใดนั้นสีหน้าของต้วนหวงก็เคร่งขรึมจริงจัง เขาทอดสายตาไปที่ต้วนหวูเหิง ทายาทคนปัจจุบันของราชวงศ์ที่เดินเข้ามาในห้องพอดี
“หวูเหิง เจ้าคิดว่าครั้งนี้ราชวงศ์ต้วนจะเลือกทางไหนดี?”
ต้วนหวงถามขึ้นอย่างฉับพลัน
ต้วนหวูเหิงพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “แม้แต่อู่หยู่หลานแห่งราชวงศ์อู่ที่อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า ก็ไม่สามารถฆ่าหยางเฉินได้ ลำพังกษัตริย์เย่ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับแดนเหนือมนุษย์ มีคุณสมบัติอะไรมาเป็นคู่ต่อสู้ของคุณหยาง?”
“เสด็จพ่อ ข้าคิดว่าการเลือกของราชวงศ์ต้วนไม่ใช่เรื่องยาก!”
ต้วนหวงอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักว่าอู่หยู่หลานซึ่งเป็นอดีตภรรยาของเขาได้ไปหาหยางเฉินด้วยตัวเอง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนทั้งสอง แต่ก็เข้าใจว่าหยางเฉินรอดชีวิตมาได้เพราะอู่หยู่หลาน
หมายความว่าหยางเฉินในตอนนี้ มีความสามารถในการจัดการกับผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าแล้วเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความกังวลในใจของต้วนหวงก็หายไปในทันที เขาหัวเราะลั่น “ถ่ายทอดคำสั่งของข้าออกไป ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ราชวงศ์ต้วนจะตัดขาดการติดต่อกับราชวงศ์เย่ และร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ป!”
“รับบัญชาเสด็จพ่อ!”
ต้วนหวูเหิงรับคำสั่งแล้วออกไป
ในเวลาเดียวกัน ที่ราชวงศ์ซ่านกวน ซ่านกวนโหรวก็กำลังเกลี้ยกล่อมกษัตริย์ซ่านกวนอยู่เช่นกัน
“ท่านปู่ หยางเฉินเป็นชายหนุ่มอัจฉริยะที่มีศักยภาพมากจริงๆ หากเราพลาดโอกาสที่จะได้ผูกมิตรกับหยางเฉิน ข้าเกรงว่าเราจะไม่มีโอกาสอีกแล้วในอนาคต”
ซ่านกวนโหรวกอดแขนของกษัตริย์ซ่านกวน พูดจาออดอ้อน “ท่านปู่ ข้าขอร้องล่ะ ท่านรับปากช่วยเยี่ยนเฉินกรุ๊ปเถอะ ตกลงไหม?”
“เสี่ยวโหรว เจ้าบอกข้ามาตรงๆ เจ้าหลงรักไอ้หนุ่มนั่นหรือเปล่า?” กษัตริย์ซ่านกวนถามซ่านกวนโหรวด้วยรอยยิ้ม
ซ่านกวนโหรวหน้าแดงทันที พูดอย่างเขินอาย “ท่านปู่!”
“ฮ่าฮ่า ข้าเข้าใจแล้ว! ข้าเข้าใจแล้ว!”
กษัตริย์ซ่านกวนหัวเราะลั่นแล้วพูดว่า “เสี่ยวโหรว ตอนนี้เจ้าไปติดต่อหยางเฉิน บอกว่าข้าเชิญเขามาเป็นแขกของราชวงศ์ซ่านกวน!”
ไม่นานหยางเฉินก็ได้รับโทรศัพท์จากซ่านกวนโหรว เมื่อรู้ว่ากษัตริย์ซ่านกวนต้องการพบเขา ก็ตอบตกลงทันที
“คุณหยาง ท่านจะไปราชวงศ์ซ่านกวนจริงเหรอ?”
เมื่อหลงจิ้นรู้ว่าหยางเฉินกำลังจะไปราชวงศ์ซ่านกวน สีหน้าก็ดูจริงจังขึ้นมาก
หยางเฉินพยักหน้า “ข้าเป็นเพื่อนกับซ่านกวนโหรวแห่งตระกูลซ่านกวน ตอนนี้ราชวงศ์เย่ต้องการจัดการกับข้า ถึงเวลาที่ข้าต้องหาเพื่อนใหม่พอดี”
“ตอนนี้ราชวงศ์หลงและราชวงศ์ต้วนได้แสดงท่าทีว่าจะตัดสัมพันธ์กับราชวงศ์เย่ และร่วมมือกับเยี่ยนเฉินกรุ๊ปในเวลาเดียวกัน ในบรรดาราชวงศ์ทั้งสี่ มีเพียงราชวงศ์ซ่านกวนเท่านั้นที่ยังไม่ได้แสดงท่าที”
“ข้าเดาว่า กษัตริย์ซ่านกวนต้องการพบข้า หรือไม่ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้”
ส่วนราชวงศ์ซ่านกวน หยางเฉินไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ต่อราชวงศ์ ตรงกันข้ามกลับมีความรู้สึกดีๆ ด้วยซ้ำ
ตอนที่แข่งขันแย่งชิงตำแหน่งคิงแห่งเยี่ยนตูก่อนหน้านี้ ซ่านกวนโหรวงอยู่เคียงข้างตนเสมอ
ยิ่งกว่านั้นหลังจากที่เขาสูญเสียความทรงจำและไปที่หนิงโจว ราชวงศ์ซ่านกวนก็ได้ช่วยเหลือเยี่ยนเฉินกรุ๊ปอยู่ไม่น้อย
ความรู้สึกเหล่านี้ หยางเฉินเก็บเอาไว้ในใจ
“ท่านมีอะไรกังวลอีกไหม?”
หยางเฉินมองไปที่หลงจิ้นและถามขึ้น
เมื่อครู่เมื่อหลงจิ้นได้รู้ว่าหยางเฉินกำลังจะไปที่ราชวงศ์ซ่านกวน ความกังวลก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้หยางเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย
หลงจิ้นพยักหน้า กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ราชวงศ์ซ่านกวนก็ไม่ใช่ธรรมดา เช่นเดียวกับราชวงศ์เย่ ว่ากันว่ายังมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์อยู่ด้วย”
“ตอนนี้ในราชวงศ์ซ่านกวนมีเพียงซ่านกวนโหรวคนเดียวที่ท่านติดต่อคบหาด้วย แต่เธอเป็นผู้หญิง ไม่สามารถเป็นตัวแทนของราชวงศ์ซ่านกวนได้ ไม่มีใครรับประกันได้ว่า หากท่านไปที่ราชวงศ์ซ่านกวน แล้วพวกเขาจะไม่ยุ่งกับท่าน”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลงจิ้น ความกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหยางเฉิน
สิ่งที่กษัตริย์เย่ได้กระทำลงไปนั้นอยู่นอกเหนือไปจากจินตนาการของเขา หากราชวงศ์ซ่านกวนมีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์เช่นเดียวกับราชวงศ์เย่ รวมถึงความสามารถของกษัตริย์ซ่านกวนไปถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ ถ้าเขาบุกเดี่ยวไปที่ราชวงศ์ซ่านกวน ราชวงศ์ซ่านกวนคิดจัดการกับเขา แล้วจะรับมืออย่างไร?
หยางเฉินแข็งแกร่งมาก ด้วยความสามารถระดับแดนเหนือมนุษย์ของเขาในตอนนี้ หากเขาทุ่มสุดกำลัง ก็จะสามารถระเบิดกำลังต่อสู้ได้เทียบเท่ากับระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม
แต่ใครจะสามารถรับประกันได้ว่า ราชวงศ์ซ่านกวนไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามอยู่?
ใครสามารถรับประกันได้ว่าราชวงศ์ซ่านกวนจะไม่จัดการกับตน?
พูดอีกอย่างก็คือ ใครจะสามารถรับประกันได้ว่า ราชวงศ์ซ่านกวนกับราชวงศ์เย่จะไม่แอบร่วมมือกันอย่างลับๆ?
ไม่ใช่ว่าเขาขี้ขลาด แต่เขารู้จักตนเองดีว่าเป็นเช่นไร เขาไม่อยากเข้าถ้ำเสือโดยไม่เข้าสถานการณ์ของคนอื่น
พอเห็นหยางเฉินนิ่งเงียบไป หลงจิ้นก็รีบพูดขึ้นว่า “คุณหยาง กษัตริย์ซ่านกวนผู้นี้ก็เป็นคนที่มีนิสัยแปลกๆ เหมือนกัน บางทีวินาทีที่แล้วเขาอาจจะยังหัวเราะอยู่ แต่พอวินาทีถัดมาเขาอาจจะปลิดชีวิตใครก็ได้”
“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเราไม่สามารถรับประกันได้เลยว่าราชวงศ์ซ่านกวนจะไม่ร่วมมือกับราชวงศ์เย่”
“ตอนนี้ทั้งราชวงศ์หลงและราชวงศ์ต้วนต่างก็แสดงท่าทีว่าจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราชวงศ์เย่ มีเพียงราชวงศ์ซ่านกวนเท่านั้นที่ยังไม่ได้แสดงท่าที ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราชวงศ์เย่ต้องติดต่อราชวงศ์ซ่านกวนไปเองแน่นอน เพื่อแสวงหาพันธมิตร”
พูดถึงตรงนี้หลงจิ้นก็ไม่พูดต่อ แต่ความหมายของเขานั้นชัดเจนมากพอแล้ว
หยางเฉินส่ายหัวเล็กน้อย “ท่านพูดถูก มันมีความเป็นไปได้ แต่กษัตริย์ซ่านกวนเชิญมา ถ้าข้าไม่ไป จะเป็นการไม่เห็นกษัตริย์ซ่านกวนอยู่ในสายตาหรือเปล่า?”
“ที่ตอนนี้ราชวงศ์ซ่านกวนยังไม่ได้แสดงท่าที อาจจะเป็นเพราะต้องการลองใจว่าข้าใจกล้าแค่ไหน ถ้าข้าปฏิเสธ กษัตริย์ซ่านกวนที่ยังมีความหวังในตัวข้า จะเลือกยืนข้างราชวงศ์เย่เพราะสาเหตุนี้หรือเปล่า?”
หยางเฉินไม่ได้เป็นคนโง่ แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นในตัวซ่านกวนโหรว แต่ก็รู้ว่าตนเองนั้นไม่ได้ติดต่อกับราชวงศ์ซ่านกวนมากนัก คนเดียวที่เขารู้จักคือซ่านกวนโหรว
อย่างที่หลงจิ้นพูด ถึงอย่างไรซ่านกวนโหรวก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ว่าจะถูกกษัตริย์ซ่านกวนตามใจมากแค่ไหน ก็ไม่อาจครอบงำความคิดของกษัตริย์ซ่านกวนได้
แต่หยางเฉินก็รู้ดีว่า การที่กษัตริย์ซ่านกวนเชิญเขาไปที่ราชวงศ์ซ่านกวนในสถานการณ์แบบนี้ มันอาจจะเป็นบททดสอบสำหรับเขา