The king of War - บทที่ 140 อารมณ์ไม่ดี
เฉินอิงจวิ้นก็ไม่ได้สนใจซูซาน จ้องมองหยางเฉินด้วยแววตาที่เยือกเย็น กัดฟันพูดว่า:“ปล่อย!”
หยางเฉินไม่อยากยุ่งด้วยซ้ำ แต่เฉินอิงจวิ้นดันจะลงมือ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ซูซานก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉินซี ในเมื่อเชิญเขามาทานอาหาร ถ้าหากโดนตบหน้าต่อหน้าตัวเอง ต่อให้เป็นฉินซี ก็ไม่พอใจ
“เฉินอิงจวิ้นใช่มั้ย? ฉันไม่ได้สนใจที่จะมาพูดจาไร้สาระมากขนาดนั้นกับนาย และก็ไม่ตั้งใจที่จะถือสานาย แต่นายกลับลงมือ นี่ก็ไม่ถูกแล้ว”
หยางเฉินไม่ได้ปล่อยข้อมือของเฉินอิงจวิ้น พูดอย่างราบเรียบว่า: “ฉันจำเป็นต้องบอกนาย ซูซานเป็นแค่เพื่อนสนิทภรรยาของฉัน ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่บริสุทธิ์กับฉัน แต่ถึงจะอย่างนั้น นายอยากตบเธอต่อหน้าฉัน ฉันไม่เห็นด้วย!”
ทันทีที่เสียงลดลง หยางเฉินก็ปล่อยมืออย่างกะทันหัน และดวงตาของเฉินอิงจวิ้นก็ประกายไฟด้วยความโกรธ และจับจ้องมองไปที่หยางเฉิน
เมื่อซูซานได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ดีว่า ทางไปสู่ความสุขนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรค วันนี้พวกเธอก็แค่เจอกันเป็นครั้งที่สอง
“ฉันรู้เพียงว่าเพื่อนสนิทของซูซานชื่อฉินซี แกคงจะไม่ใช่สามีของผู้หญิงคนนั้นนะ?”
ทันใดนั้นเฉินอิงจวิ้นก็เอ่ยปากพูด และรู้ถึงการมีอยู่ของฉินซี
พ่อของเขาเป็นเพื่อนกับซูเฉิงอู่ ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งของตระกูลเฉิน อย่างน้อยก็ระดับเดียวกับตระกูลซู และอยู่ในเจียงโจว ไม่ได้มีตระกูลเฉิน ตระกูลเฉินทำได้เพียงมีอิทธิพลนอกเมืองเท่านั้น
ดูเหมือนความปรารถนาที่จะครอบครองที่เขามีต่อซูซาน ถึงสุดขีดอย่างนั้นแล้ว แม้แต่เพื่อสนิทของซูซานเป็นใคร เขาก็รู้
“ถูกต้อง ฉันเป็นสามีของฉินซี!”หยางเฉินตอบอย่างราบเรียบ
เฉินอิงจวิ้นแสยะยิ้ม: “แค่ลูกเขยเศษสวะ ก็กล้ายุ่งเรื่องของฉันคุณชายเหรอ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่หวาดกลัว! ถ้าหากตอนนี้แกคุกเข่าลงใต้เท้าของฉัน ขอร้องให้ฉันปล่อยแกไปครั้งหนึ่ง บางทีอาจจะเห็นแก่ความตรงไปตรงมาและจริงใจที่แกมีต่อฉัน ส่วนที่แก่กับซูซานไม่มีความสัมพันธ์กัน ฉันจะไว้ชีวิตสุนัขอย่างแก”
“เฉินอิงจวิ้น! นายมากเกินไปแล้ว!”
ซูซานพูดด้วยความโกรธ: “หยางเฉินเป็นเพื่อนของฉัน ถ้าหากนายกล้าทำแบบนี้กับเขา ฉันไม่มีทางปล่อยนายไว้แน่!”
ซูซานในเวลานี้ บนร่างก็มีรัศมีที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และน้ำเสียงก็เคร่งขรึมมาก
“ซูซาน เธอปกป้องลูกเขยเศษสวะคนนี้ขนาดนี้ ยังโอบกอดกับเขา คงจะไม่ใช่ว่าจะสวมเขาให้เพื่อนสนิทของเธอจริงๆนะ?”เฉินอิงจวิ้นพูดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์อย่างกะทันหัน
“นายหุบปากซะ!”ซูซานแทบจะบ้าอยู่แล้ว
ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะมองเฉินอิงจวิ้นจากตระกูล หรือว่ารูปลักษณ์ ก็ดีมาก และก็เหมาะกับเธอมาก
แต่ว่าซูซานกลับไม่มีความสนใจต่อเขาแม้แต่น้อย เฉินอิงจวิ้นก็แค่คนบ้าที่มีความปรารถนาที่จะครอบครอง ตอนนี้ทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน เขาก็คลุ้มคลั่งขนาดนี้ ถ้าการแต่งงานกันล่ะ?
ซูซานไม่กล้าจินตนาการจริงๆ ให้เธอแต่งงานกับเฉินอิงจวิ้น นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ไอ้หนุ่ม สิ่งที่ฉันพูดกับแก ไม่ได้ยินเหรอ!”
ยิ่งซูซานปกป้องหยางเฉินมากเท่าไหร่ เฉินอิงจวิ้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น รู้สึกเหมือนกับว่าโดนสวมเขาอย่างเปิดเผย
เขายกมือมองดูเวลา พูดอย่างยิ้มแย้มว่า: “ฉันให้เวลาแกเพียงแค่ยี่สิบวินาที ถ้าหากไม่คุกเข่าขอความเมตตากับฉัน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
ในขณะนี้ บอดี้การ์ดสองคนในชุดสูท เดินมาถึงข้างหลังของเฉินอิงจวิ้น จ้องมองไปที่หยางเฉินอย่างบูดบึ้งไม่ยิ้มแย้ม
“เฉินอิงจวิ้น ที่นี่เป็นเจียงโจว ไม่ใช่เมืองโจวเฉิง ตราบใดที่นายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ ฉันจะทำให้นายเดินออกจากที่เจียงโจวไม่ได้! ไม่เชื่อ นายก็ลองดูได้!”
ซูซานแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หยิบโทรศัพท์ออกมาทันที โทรหาหมายเลขหนึ่ง: “ภายในสิบนาที พาคนมาที่ร้านอาหารเมิ่งจี้!”
ซูซานในเวลานี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รัศมีที่แข็งแกร่งบนร่างกายนั้น ทำให้เฉินอิงจวิ้นรู้สึกแปลกมาก
เขาดูเหลือเชื่อ: “ซานซาน เพื่อผู้ชายคนนี้ เธอยังอยากจะเรียกคนมาจัดการกับฉันเหรอ?”
“เฉินอิงจวิ้น นี่เป็นสิ่งที่นายบีบบังคับฉันเอง ฉันก็บอกกับนายอย่างชัดเจนมากแล้ว ระหว่างพวกเรามันเป็นไปไม่ได้ นายเป็นคนมาตามตอแยฉันทุกวิถีทาง ตอนนี้ยังอยากจะลงมือกับเพื่อนของฉัน”ซูซานพูดอย่างเยือกเย็น
“ดี! ดีมาก! คาดไม่ถึง ผู้หญิงของฉันเฉินอิงจวิ้น กลับเพื่อชายอื่น จะจัดการกับฉัน”
เฉินอิงจวิ้นแสยะยิ้ม กัดฟันพูดว่า: “ฉันกลับจะดูว่า ต่อให้เธอเรียกคนมา แล้วจะทำอะไรฉันได้เหรอ? ถ้าหากลุงซูรู้แล้ว เขาคงจะยืนอยู่ข้างฉันอย่างแน่นอน”
สีหน้าของหยางเฉินก็ไร้อารมณ์ แม้ว่าซูซานจะเรียกคนมา เขาก็ไม่ได้ขัดขวาง เนื่องจากว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขา
“ไอ้หนุ่ม แกก็เป็นแค่ยืมอยู่ข้างหลังของผู้หญิงเหรอ? ถ้าหากเป็นผู้ชาย ก็ไสหัวออกมา อย่าเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังของซานซาน ก็เท่ากับว่าเป็นแค่ผู้หญิง!”เฉินอิงจวิ้นพูดอย่างเยาะเย้ย
มีผู้คนมองดูอยู่รอบๆ เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ พวกเขาก็ให้ความสนใจตั้งนานแล้ว แต่ละคนก็วิจารณ์เฉินอิงจวิ้น
เนื่องจากในความคิดของคนไหนก็ตาม ก็เหมือนราวกับว่าหยางเฉินกับซูซานกำลังคบหาดูใจกัน และเฉินอิงจวิ้นตามตื๊อซูซานไม่ปล่อย ยังจะอาศัยอำนาจรังแกคนอื่นอีก
“หยางเฉิน อย่าไปสนใจเขา รอคนของฉันมาถึง ฉันจะดูว่าใครกล้าขวางพวกเรา” ซูซานพูดอย่างโกรธจัด
หยางเฉินยิ้มอย่างขมขื่น ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตัวเองถึงคราวที่ผู้หญิงมาปกป้องแล้ว?
“เฉินอิงจวิ้น ฉวยโอกาสที่ฉันอารมณ์ยังดี ฉันเตือนนายรีบหลีกทาง ไม่งั้นรอตอนที่ฉันเปลี่ยนใจ ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว” หยางเฉินเอ่ยปากพูดอย่างกะทันหัน
“งั้นเหรอ? แกกลับอารมณ์ดีจริงนะ! ให้ฉันได้ดู แกมีความสามารถอะไรกันแน่”เฉินอิงจวิ้นพูดยั่วยุ
หยางเฉินส่ายหน้า หมดคำพูดแล้วหมดหนทาง เฉินอิงจวิ้นคนนี้ เด็กเหมือนกับชื่อของเขา ไม่เหมือนผู้ใหญ่แม้แต่น้อย
“นายเป็นคนของตระกูลเฉิน ในเมืองโจวเฉิงเหรอ?”
ทันใดนั้นหยางเฉินเอ่ยปากพูดถาม เมื่อกี้นี้ตอนที่ซูซานตักเตือนเขา ก็บอกว่าที่นี่ไม่ใช่เมืองโจวเฉิง
“ไอ้หนุ่ม ตอนนี้แกรู้ว่าฉันเป็นใครแล้วใช่มั้ย?”
เมื่อเห็นว่าหยางเฉินรู้จักตระกูลเฉินของเมืองโจวเฉิง เฉินอิงจวิ้นก็พูดอย่างได้ใจว่า: “ฉันเป็นคนของตระกูลเฉิน ตระกูลชั้นสูงของเมืองโจวเฉิง คุณปู่ของฉันเป็นผู้นำของตระกูลเฉิน เฉินซิงไห่!”
ปรากฏว่าเป็นคนของตระกูลเฉินในเมืองโจวเฉิงจริงๆ ก่อนหน้านี้หลังจากที่ตระกูลหยางโดนเขาทำลาย ปิดท้ายก็ส่งมอบตระกูลหยางในเมืองโจวเฉิงให้กับลั่วปิง แต่ตระกูลเฉิน ยังขัดขวางทุกวิถีทาง และยังต้องการช่วงชิงกิจการของตระกูลหยาง
เพียงแต่ว่ากิจการของตระกูลหยาง ก็ผ่านขั้นตอนตามระเบียบ โอนให้หยางเฉิน ตระกูลเฉินถึงได้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงกระนั้น ตระกูลเฉินยังคงคงสร้างปัญหาให้กับลั่วปิงไม่หยุด
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขาส่งเฉียนเปียวไปที่ข้างกายของลั่วปิง เกรงว่าชีวิตของลั่วปิงจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ
“ที่แท้เฉินซิงไห่เป็นปู่ของแกเหรอ! มิน่าล่ะถึงได้กล้าจะหยิ่งผยองขนาดนี้”หยางเฉินยิ้มแล้วพูด
เมืองโจวเฉิงกับเจียงโจวเป็นเมืองในระดับเดียวกัน แต่เจียงโจวมีตระกูลชั้นสูงอยู่สี่ตระกูล แต่เมืองโจวเฉิง กลับมีเพียงสองตระกูล ตระกูลเฉินเป็นหนึ่งในนั้น แค่คิดก็รู้แล้ว ตำแหน่งของตระกูลเฉินอยู่ในเมืองโจวเฉิงจะสูงมากแค่ไหน
“บังอาจ!”
เฉินอิงจวิ้นพูดตวาดว่า: “ชื่อจริงคุณปู่ของฉัน ใช่ว่าแกจะเรียกได้เหรอ?”
“ต่อให้ปู่ของแกยืนอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันก็กล้าเรียกแบบนี้ แล้วแกเป็นตัวอะไร?” หยางเฉินแสยะยิ้มแล้วพูด
“ไอ้หนุ่ม แกบีบบังคับฉันเองนะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินอิงจวิ้นก็โกรธจัด: “พวกแกลุยได้!”
เขาออกคำสั่ง และบอดี้การ์ดทั้งสองวิ่งพุ่งไปหาหยางเฉินอย่างพร้อมเพรียง
ซูซานพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “เฉินอิงจวิ้น นายกล้าเหรอ!”