The king of War - บทที่ 1415 หลงจินยืนยันจะทำต่อไป
ทันทีที่หยางเฉินเปิดปาก เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
“คุณบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ได้งั้นเหรอ?”
คนเมื่อกี้ที่พูดคือผู้นำของตระกูลเศรษฐี ขมวดคิ้วและกล่าว
หลงจิ้นยกคิ้ว มองชายชราอย่างไม่พอใจและตะโกนว่า “ฟางหรู อย่าไร้มารายาทกับคุณหยาง!”
“หลงหวง ผมไม่ได้ไม่เคารพเขา แต่คำพูดของเขาเด็ดขาดเกินไปไหม? เพราะสุดท้ายแล้ว ราชวงศ์เย่เป็นหนึ่งในสี่ราชวงศ์ในจิ่วโจว และตอนนี้แดนบูโดของกษัตริย์เย่ก็ได้ทะลุแดนเหนือมนุษย์แล้ว รวมถึงอดีตฝ่าบาทอีกคนที่ 50 ปี ที่แล้วก็ได้บุกเข้าไปในแดนเหนือมนุษย์แล้ว ”
“ขอพูดคำที่ท่านหลงหวงไม่ชอบฟัง ถ้าราชวงศ์ไม่มีผู้พิทักษย์ ด้วยความแข็งแกร่งของราชวงศ์เย่ในปัจจุบัน อยากปราบปรามสามราชวงศ์ที่เหลือนั้นมันเป็นไปไม่ได้”
ฟางหรูไม่ไว้หน้าหลงจิ้นเลย และในคำพูดของเขานั้น ยังมีการดูถูกราชวงศ์หลงอยู่บ้าง
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของสมาชิกของราชวงศ์หลงเปลี่ยนไปอย่างมาก และสีหน้าของหลงจิ้นก็น่าเกลียดมากในทันใด
แน่นอน เขาเข้าใจว่าสิ่งที่ฟางหรูพูดนั้นไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะราชวงศ์เย่ในตอนนี้ มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สองคนแล้ว แต่อีกสามราชวงศ์ ไม่มีผู้แข็งแกร่งสักคนที่ก้าวข้าวสู่แดนเหนือมนุษย์
ในโลกบูโด มีคำกล่าวที่ว่า ภายใต้แดนเหนือมนุษย์ ทุกคนเป็นแค่มด สามารถเห็นได้ว่า ช่องว่างระหว่างผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์และแดนเทพนั้นใหญ่เพียงใด
เพียงแต่ว่า คำพูดของฟางหรูในครั้งนี้ มันทำให้หลงจิ้นเสียหน้ามาก
หยางเฉินไม่ได้พูด เขาเพียงเหลือบมองฟางหรูอย่างเฉยเมย เขาจะโกรธเพียงเพราะอีกฝ่ายพูดความจริงงั้นเหรอ คงไม่ใช่หรอกใช่ไหม?
ชั่วขณะหนึ่ง ในห้องขนาดใหญ่มีความเงียบงัน และทุกคนก็มองไปที่ฟางหรู
“หลงหวง ผมยังคงคิดว่า การที่ราชวงศ์เย่ได้เชิญตระกูลที่ร่ำรวยมาร่วมงานนั้น ไม่ใช่เพราะตี้ชุน ผมยอมเชื่อว่าราชวงศ์เย่ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงกำลังของราชวงศ์เย่ เพื่อกดขี่ตระกูลชั้นนำต่างๆ”
“สำหรับสถานที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดของราชวงศ์เย่เป็นเยี่ยนตู มันอาจจะเป็นการหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด อย่างไรก็ตาม ในราชวงศ์เย่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สองคน หากงานเลี้ยงวันเกิดถูกกำหนดไว้ที่เมืองราชวงศ์เย่ กลัวว่าพวกตระกูลชั้นนำจะไม่กล้าไป”
“ดังนั้น ในเยี่ยนตูที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้นจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด”
“ผมคิดว่า ตอนนี้เราควรมุ่งเน้นไปที่วิธีจัดการและรับมือกับการปราบปรามเมืองราชวงศ์หลงของราชวงศ์เย่มากกว่า แต่ไม่ใช่เรื่องที่ราชวงศ์เย่ต้องการยึดครองตี้ชุนหรือไม่”
ฟางหรูกล่าวต่อ
เขาดูไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย ในสิ่งที่เขาพูด ไม่มีข้อบกพร่องใดๆหลินฮุยพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้นำฟางพูดถูก ราชวงศ์เย่น่าจะต้องการแสดงความแข็งแกร่งของตระกูลตนเอง และในเวลาเดียวกันเพื่อยับยั้งและปราบตระกูลชั้นนำจากทุกทิศทุกทาง เพื่อเผยให้เห็นถึงสถานะของราชวงศ์เย่”
หลงจิ้นก็มองไปที่ชายชราอีกคนและถามว่า “เจียงเหวินซานท่านคิดว่าอย่างไร?”
เจียงเหวินซานผู้นำตระกูลเจียง หนึ่งในสี่ตระกูลหลักในเมืองราชวงศ์หลง
เจียงเหวินซานเหลือบมองหลงจิ้นแล้วพูดว่า “หลงหวง ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้นำฟางกล่าว”
เพียงคำเดียว มันแสดงให้เห็นทัศนคติของเขา
สีหน้าของหลงจิ้นดูน่าเกลียดเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้โกรธ และดวงตาของเขาหันไปทางคนสุดท้าย อวี๋สุ่ยผู้นำตระกูลอวี๋หนึ่งในสี่ตระกูลหลักในเมืองราชวงศ์หลง
เมื่อเห็นหลงจิ้นมองมาที่เขา อวี๋สุ่ยยิ้มก่อนที่หลงจิ้นจะพูด เขาก็พูดว่า “ผมคิดว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องไปสนใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ที่แท้จริงของราชวงศ์หลงในตอนนี้”
“ไม่ว่าราชวงศ์หลงจะมุ่งเป้ามาที่ตี้ชุน หรือเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของราชวงศ์เย่ต่อตระกูลชั้นำต่างๆ เราก็ต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งของราชวงศ์เย่”
“ดังนั้น จริงๆแล้วมีเพียงหัวข้อเดียวที่เราต้องคุยกัน และนั่นคือเมืองราชวงศ์หลงของเรา ควรมีท่าทีต่อราชวงศ์เย่อย่างไร?ควรแสดงความเป็นมิตรกับราชวงศ์เย่?หรืออยู่ห่างๆจากราชวงศ์เย่?”
ทุกคนตกตะลึงและต่างก็พยักหน้า
แม้แต่หลงจิ้นก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่กระชับ“ตระกูลอวี๋主พูดถูก”
หลังจากพูดจบ เขามองไปรอบๆ แล้วพูดว่า“ราชวงศ์เย่ในตอนนี้ แข็งแกร่งมากจริงๆ และเหนือกว่าราชวงศ์อีกสามราชวงศ์ อีกอย่าง ราชวงศ์เย่โลภมากเช่นกัน”
“ไม่ว่าจะมาเพราะตี้ชุนหรือเพื่อแสดงความแข็งแกร่งของราชวงศ์เย่ เพื่อกดขี่เราก็ดี หากราชวงศ์เย่ประสบความสำเร็จ มันจะเป็นหายนะสำหรับเมืองราชวงศ์”
“ตอนนี้ แต่ละราชวงศ์ของเรา สามารถหาวิธีที่จะรวมกองกำลังภายในเมืองราชวงศ์ของแต่ละราชวงศ์ให้เป็นเชือกเส้นเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการกดขี่ข่มเหงของราชวงศ์เย่”
“ความคิดของผมคือ งานเลี้ยงวันเกิดในวันพรุ่งนี้ เราจะใช้โอกาสนี้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือเมื่อราชวงศ์เย่ ต้องการยึดตี้ชุนหรือเพื่อปราบปรามราชวงศ์ใด เมืองราชวงศ์ของเราจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่”
นี่คือความเห็นของหลงจิ้น และเป็นความเห็นของราชวงศ์หลงด้วย และยังเป็นจุดประสงค์ของหลงจิ้นที่จะเชิญผู้นำตระกูลทั้งสี่ของเมืองราชวงศ์หลงมารวมกัน
มิฉะนั้น เมื่อราชวงศ์หลงกับราชวงศ์เย่ต่อสู้กัน หากมีกองกำลังระดับสูงของราชวงศ์หลงออกมาและสนับสนุนราชวงศ์เย่อย่างเปิดเผย และเมืองราชวงศ์หลงทั้งหมดอาจจะกลายเป็นข้าราชบริพารของราชวงศ์เย่
นี่คือสิ่งที่หลงจิ้นไม่อยากเห็น
ในเวลานี้ ท่าทีของเขาแข็งกร้าวอย่างยิ่ง และร่างกายของเขาก็เผยบูโดของกึ่งแดนเหนือมนุษย์ออกมาจางๆ
สิ่งนี้ทำให้ผู้นำของทั้งสี่ราชวงศ์ดูตกใจ
“หลงหวง คุณต้องการยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่หรือ?”หลินฮุยถามด้วยความประหลาดใจ
หลงจิ้นพูดอย่างเย็นชาว่า “เราควรยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่ไม่ใช่หรือ? ถ้าปล่อยให้ราชวงศ์เย่ประสบความสำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองราชวงศ์หลง ผมไม่พูด พวกคุณทุกคนน่าจะรู้ดี”
ฟางหรูขมวดคิ้ว “หลงหวง ผมคิดว่ายังไม่ถึงขั้นต้องยืนฝั่งตรงข้ามกับราชวงศ์เย่ ผมขอแนะนำว่า เราควรรอจนถึงพรุ่งนี้ รอดูกับสถานการณ์ว่าจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่หรือไม่ค่อยว่ากัน”
เจียงเหวินซานก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ผู้นำฟางพูดถูก บางทีเราอาจจะรอดูก่อน อย่ากลายเป็นเมืองราชวงศ์แรกที่ตกเป็นเป้าหมายของราชวงศ์เย่”
หลินฮุยพูดอย่างรวดเร็ว “หลงหวง โปรดคิดให้รอบคอบก่อน!”
อวี๋สุ่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่หลงจิ้น
“หึ!”
หลงจิ้นส่งเสียงอย่างเย็นชาว่า “อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรอยู่ หากมีความคิดที่ดูเพ้อฝันก็ควรยอมแพ้ซะ มิฉะนั้น พวกคุณจะตกเป็นเหยื่อของราชวงศ์เย่เท่านั้นในท้ายที่สุด ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของหลายคนก็ดูน่าเกลียดมาก
สำหรับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองราชวงศ์หลง หากพวกเขามีโอกาสสืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์ พวกเขาย่อมยินดี แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นข้าราชบริพารของราชวงศ์เย่ พวกเขาก็เต็มใจเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าหลงจิ้นรู้ดีว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่
“หลงหวง คุณพูดแบบนี้ มันทำร้ายจิตใจเรามากเลยนะ”
ฟางหรูขมวดคิ้วและพูดว่า “ผมถามตัวเองดูแล้วผมไม่ได้รู้สึกผิดอะไร และผมไม่มีความคิดที่เพ้อเจ้อ เหตุผลที่ผมเสนอความคิดที่ว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ก็เพื่อผลประโยชน์ของเมืองราชวงศ์หลงเช่นกัน ”
“เพราะสุดท้ายแล้ว ปืนจะยิงนกที่ยื่นหัวออกมา หากถึงตอนนั้น มีเพียงเราที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่ ผลของเราก็จะน่าสังเวชอย่างยิ่ง”
หลินฮุยกล่าวว่า “หลงหวง โปรดคิดให้รอบคอบ!”
เจียงเหวินซานก็กล่าวอีกว่า “หลงหวง โปรดคิดให้รอบคอบด้วย!”
มีเพียงอวี๋สุ่ยเท่านั้นที่ไม่พูดอะไร แค่ยิ้ม ราวกับว่าทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ความโกรธบนใบหน้าของหลงจิ้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และความกดดันในร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่เย็นชาของเขากวาดไปที่ผู้คน หรี่ตาและกล่าวว่า “ถ้าผมยืนกรานที่จะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของราชวงศ์เย่ล่ะ?