The king of War - บทที่ 1447 ลูกชายที่โหดเหี้ยม
ขณะที่อวี๋เหวินปิงให้คนพาอวี๋เหวินเกาหยางไปที่ภูเขาเยี่ยนซาน หยางเฉินกำลังต่อสู้กับหลิวเหล่าก้วยอยู่บนภูเขาเยี่ยนซาน
หยางเฉินคิดว่าหลิวเหล่าก้วยทะลวงสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกแล้วจริง ๆ แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินต่อไป เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าพลังของหลิวเหล่าก้วยนั้นไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน
ที่แท้หลิวเหล่าก้วยไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก แต่หลังจากพิษกู่ดูดเลือดของกษัตริย์เย่แล้วพลังของเขาเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ หลิวเหล่าก้วยสามารถระเบิดพลังพลังความแข็งแกร่งของแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าเท่านั้น เห็นได้ชัดว่านี่ถึงจะเป็นพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของเขา
เพราะอย่างไรหยางเฉินเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม และเพิ่งทะลวงไปเมื่อสักครู่ และบังคับใช้เทคนิคการหายใจขั้นหกของคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อร่างของเขา
พลังความแข็งแกร่งของเขาลดลงมากเช่นกัน หลังจากพลังของหลิวเหล่าก้วยลดลงถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าแล้ว หยางเฉินก็หยุดใช้เทคนิคการหายใจขั้นหกอย่างรวดเร็ว และเริ่มใช้เทคนิคการหายใจขั้นห้าอีกครั้ง
เทคนิคการหายใจขั้นหกนั้นก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อร่างกายของเขา แต่เทคนิคการหายใจขั้นห้านั้น เมื่อเขาอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นสอง มันสามารถทำงานได้อย่างอิสระ ตอนนี้เขาทะลวงไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามแล้ว สำหรับเขาแล้วการใช้เทคนิคการหายใจขั้นห้านั้นเป็นเรื่องง่าย
ถึงกระนั้น แต่เย่หลินก็ยังไม่มีโอกาสเข้าไปแทรกแซง ก่อนหน้านั้นหยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้เขายังไม่ฟื้นตัว
“บูม บูม บูม!”
การต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างหยางเฉินและหลิวเหล่าก้วยยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าพลังของทั้งคู่จะลดลงมาก แต่พลังที่พวกเขาระเบิดออกมาก็ยังคงทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
“หลิวเหล่าก้วย ก่อนหน้านั้นคุณต้องการให้ผมยอมจำนนต่อคุณ? ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมจะให้โอกาสคุณยอมจำนนต่อผม ผมรับรองได้ว่าจะทำให้พลังบูโดของคุณพัฒนาไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกโดยเร็วที่สุด”
หยางเฉินกล่าวขณะกำลังโจมตีหลิวเหล่าก้วย
“บังอาจ!”
หลิวเหล่าก้วยกล่าวด้วยโมโห “คุณเป็นตัวอะไร คุณมีคุณสมบัติที่จะทำให้ผมยอมจำนนต่อคุณ? คุณไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแค่ไหน คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองเหมียวที่กว้างใหญ่ไพศาลนั้นมีผู้แข็งแกร่งมากมายเพียงใด?”
“ยอมจำนนต่อผม และจงรักภักดีต่อเมืองเหมียว คุณถึงจะมีชีวิตรอดได้ มิเช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันตายของคุณ!”
หยางเฉินกล่าวเยาะเย้ย “เมื่อเป็นเช่นนั้น ผมทำได้เพียงธำรงคุณธรรม ฆ่าเฒ่าประหลาดที่ชั่วร้ายอย่างคุณ”
หลังจากกล่าวจบ พลังบูโดบนร่างกายของหยางเฉินแข็งแกร่งขึ้น ราวกับราชาแห่งโลก ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่อยากจะเลื่อมใสศรัทธา
หลิวเหล่าก้วยแอบตกใจ เขาไม่คิดว่าหยางเฉินจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ขณะเดียวกันความร้อนรุ่มในดวงตาของเขายิ่งรุนแรงขึ้น
เมื่อครึ่งปีที่แล้ว เขาเกือบตายด้วยน้ำมือของหยางเฉิน และช่วงเวลาวิกฤติเขาได้รับการช่วยเหลือจากหวงจิ้นซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์แห่งเมืองเหมียว หลังจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
ด้วยการอาศัยเลือดของผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดมาเลี้ยงพิษกู่ ทำให้พลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เวลาเพียงครึ่งปี แดนบูโดของเขาได้รับการปรับปรุงถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า
ถ้าเขานำเลือดของหยางเฉินมาเลี้ยงพิษกู่ เกรงว่าพลังความแข็งแกร่งของหลิวเหล่าก้วยจะทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาอาจทะลวงไปสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหก หรือแม้แต่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด
นี่เป็นเหตุผลที่หลิวเหล่าก้วยตกลงที่จะร่วมมือกับราชวงศ์เย่เพื่อฆ่าหยางเฉิน ไม่เพียงแต่สามารถล้างความอัปยศได้ แต่ยังสามารถใช้เลือดของหยางเฉินเพื่อปรับปรุงพลังความแข็งแกร่งของตนเอง
เมื่อสักครู่ หลังจากหลิวเหล่าก้วยใช้พิษกู่ดูดเลือดของราชวงศ์เย่แล้ว พลังความแข็งแกร่งของเขาก็ทะยานสูงขึ้น หากไม่ใช่เพื่อการต่อสู้กับหยางเฉินแล้วใช้พลังมากเกินไป เพียงแค่อาศัยเลือดของกษัตริย์เย่ ก็สามารถทำให้พลังความแข็งแกร่งของหลิวเหล่าก้วยพุ่งทะยานขึ้นไปอีกครั้งได้
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป และเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นหยางเฉินหรือหลิวเหล่าก้วยต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
เย่หลินที่ยืนอยู่ด้านข้าง รอโอกาสดีที่สุดเพื่อเคลื่อนไหว แต่เขาไม่สามารถหาโอกาสที่เหมาะสมได้ ซึ่งทำให้เขาลำบากใจมาก
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ถ้าเขาเข้ามาแทรกแซง เว้นเสียแต่เขาจะสามารถฆ่าหยางเฉินได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว มิเช่นนั้นสถานการณ์ของเขาจะอันตรายมาก
และถ้าเขาตายไปแล้ว ราชวงศ์เย่ก็จะถูกทำลายล้างเช่นกัน
ตอนนี้สีหนาของสองพี่น้องซ่งจั่วและซ่งโหย่วเต็มไปด้วยความกังวลเช่นกัน มองหยางเฉินที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด พวกเขาอธิษฐานอยู่ในใจ
ขณะนี้ ใต้ภูเขาเยี่ยนซาน ผู้แข็งแกร่งแดนเทพชั้นยอดและผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนเหนือมนุษย์สิบกว่าคนกำลังรออยู่ เพราะพวกเขาอยู่ห่างจากสนามรบมากเกินไป ทำให้ตอนนี้พวกเขาไม่รู้สถานการณ์ของการต่อสู้ มีเพียงว่าสถานการณ์การต่อสู้นั้นดุเดือดเป็นอย่างมาก
หลงจิ้นกล่าวเสียงต่ำ
กษัตริย์ซ่านกวนที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “วางใจเถอะ คุณหยางจะไม่เป็นอะไร!”
ต้วนหวงรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก และกล่าวว่า “ยังไม่แน่นอน! พลังของหลิวเหล่าก้วยนั้นแข็งแกร่งมาก แล้วยังมีเย่หลินอีกคน เกรงว่าสถานการณ์ของคุณหยางจะยากลำบากเป็นอย่างมาก!”
“ฮึ่ม!”
ขณะนี้ ผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์เย่กล่าวเยาะเย้ย “พวกคุณอย่าฝันกลางอีกเลย มีผู้อาวุโสเย่หลินและกษัตริย์เย่แห่งราชวงศ์เย่ แล้วยังมีหลิวเหล่าก้วยแห่งเมืองเหมียว พวกเขาร่วมมือกัน ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก เกรงว่าจะมีเพียงความตายทางเดียวเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงหยางเฉิน เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
“คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย!”
หลงจิ้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทางที่ดีพวกคุณควรอธิษฐานให้ผู้อาวุโสเย่หลินและกษัตริย์เย่ของคุณสามารถยืนหยัดได้นานขึ้น!”
“งั้นพวกเรามารอคอยดูกันต่อไปเถอะ” ผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์เย่กล่าวเยาะเย้ย
และขณะนี้ รถออฟโรดสีดำแล่นมาด้วยความเร็วสูง ตอนนี้ความสนใจของทุกคนอยู่บนภูเขาเยี่ยนซาน และไม่มีใครสนใจรถออฟโรดคันนั้น
รถออฟโรดจอดอยู่ด้านข้าง มีชายชราคนหนึ่งที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นปลายลงมาจากรถ จากนั้นเดินไปอยู่ตรงหน้าผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของราชวงศ์เย่ และกระซิบสองสามประโยค
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของราชวงศ์เย่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “ตกลง ผมจะขึ้นไปบนภูเขากับคุณทันที!”
หลังจากกล่าวจบ เขาพาชายชราที่อยู่ในระดับแดนเทพขั้นปลายไปที่รถออฟโรดทันที และรถก็วิ่งอย่างดุเดือดไปจนถึงยอดภูเขาเยี่ยนซาน
“เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเห็นรถที่กำลังเร่งขึ้นไปบนยอดภูเขาเยี่ยนซาน ต้วนหวงขมวดคิ้ว ความกังวลบนใบหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
เมื่อสักครู่ เขาเห็นความดีใจบนใบหน้าของผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของราชวงศ์เย่อย่างชัดเจน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ทำให้คนของราชวงศ์เย่รู้สึกดีใจ จะต้องเป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาจะไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
“ผมไม่ได้รู้สึกว่าในรถคันนั้นมีอะไรผิดปกติ” หลงจิ้นกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมื่อสักครู่ตอนที่รถคันนั้นปรากฏขึ้นมา เขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับสูงอยู่ในรถ
“หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้น!” กษัตริย์ซ่านกวนแอบอธิษฐาน
รถออฟโรดสีดำวิ่งอย่างดุเดือดไปตลอดทาง หลังจากเวลาผ่านไปสิบกว่าวินาที รถก็จอดอยู่ด้านข้าง ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำของราชวงศ์เย่ลงจากรถแล้วรีบเดินไปอยู่ตรงหน้าเย่หลิน แล้วเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย “คนมาถึงแล้วครับ!”
เย่หลินรู้สึกดีใจทันที เขาเหลือบมองไปยังทิศทางของรถออฟโรด จากนั้นมองไปที่สนามรบ และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ได้ยินมาว่าหยางเฉินให้ความสำคัญกับคนรอบกายมาก ผมอยากรู้จริง ๆ ถ้าหยางเฉินรู้ว่าพ่อบุญธรรมของเขาอยู่ในมือพวกเรา เขาจะให้พวกเราจับโดยไม่ขัดขืนหรือไม่?”
หลังจากนั้นเขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “นำตัวอวี๋เหวินเกาหยางมา!”
ไม่นาน อวี๋เหวินเกาหยางซึ่งถูกมัดไว้ก็ถูกนำตัวออกมา และข้างกายของเขานั้นยังมีอวี๋เหวินปิง
เมื่อมองซากปรักหักพังบนภูเขาเยี่ยนซานแล้ว สีหน้าของอวี๋เหวินปิงเต็มไปด้วยความอึ้ง เขารู้สึกรับไม่ได้ สถานที่แห่งนี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะได้รับความหายนะ และหลงเหลือร่องรอยจากการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่ง
แต่ความรู้สึกนี้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น
“เจ้าหนู คุณเริ่มแสดงฝีมือได้แล้ว!” เย่หลินมองอวี๋เหวินปิงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวี๋เหวินปิงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองไปที่หยางเฉินซึ่งอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร และตะโกนเสียงดังว่า “หยางเฉิน ถ้าคุณกล้าต่อสู้อีก ผมจะส่งอวี๋เหวินเกาหยางไปลงนรก!”