The king of War - บทที่ 1484 ความกังวลของราชวงศ์
ในตอนนี้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ซ่านกวนโหรว แม้แต่กษัตริย์ซ่านกวนก็ยังอึ้งกับความกล้าหาญของหลานสาวที่โดดเด่นคนนี้
“ซ่านกวนโหรว รู้ไหมว่าเธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงของคนที่เห็นด้วยดังขึ้น
ซ่านกวนโหรวมองไปหาคนที่กำลังพูดอยู่ และพูดอย่างใจเย็นว่า “เสด็จอารอง หนูรู้ว่าหนูกำลังพูดอะไรอยู่ แต่ไม่ทราบว่าเสด็จอารองต้องการจะสื่อถึงอะไร?”
เสด็จอารองของซ่านกวนโหรว เป็นองค์ชายรองของราชวงศ์ซ่านกวน ซ่านกวนจื่อโม่
เขาพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า “ที่ข้าจะสื่อนั้นง่ายมาก สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากความโง่เขลาของหยางเฉินเอง เขาเลี้ยงดูตระกูลหลี่อีกทั้งยังคิดให้ตระกูลหลี่เข้ามาแทนที่ราชวงศ์เย่ ตอนนี้ก็ได้รับผลที่ตัวเองทำไว้ ก็สมควรแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับราชวงศ์ซ่านกวนของเราเลย”
ทันทีที่ซ่านกวนจื่อโม่พูดจบ ซ่านกวนโหรวก็พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นหนูอยากถามเสด็จอารองว่า ที่ท่านพูดแบบนี้เพราะท่านกลัวตระกูลหลี่หรือเปล่าคะ?”
ซ่านกวนจื่อโม่และซ่านกวนโหรวก็จ้องหน้ากัน เขาไม่ได้ปิดบังเรื่องที่กลัวตระกูลหลี่และพูดอย่างเย็นชาว่า “หากจะคิดเช่นนั้น ก็ได้! ตระกูลหลี่ในตอนนี้แข็งแกร่งขนาดใด ทุกคนที่อยู่นี่ต่างก็รู้ดี แดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่อย่างหลี่จ้งเพียงคนเดียว ก็สามารถกวาดล้างราชวงศ์ซ่านกวนทั้งหมดได้”
“ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหลี่กลัวผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ซ่านกวน เกรงว่าพวกเขาคงทำอะไรบางอย่างกับราชวงศ์ซ่านกวนไปนานแล้ว? สำหรับพวกเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เราอย่าเข้าไปเสี่ยงกับตระกูลที่เราชนะไม่ได้ แต่ให้หาวิธีฝึกฝนผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ของราชวงศ์ซ่านกวนเราเองดีกว่า”
“สำหรับพวกเราแล้ว เส้นทางสายนี้ยาวมาก จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการผ่านมันไปให้ได้ ถ้าตอนนี้ไปเป็นศัตรูกับตระกูลหลี่ก็เท่ากับเอาตัวเองไปตายฟรี”
คำพูดของซ่านกวนจื่อโม่ แม้ว่าจะฟังดูน่าเกลียด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
ตอนนี้ตระกูลหลี่มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ สำหรับราชวงศ์ซ่านกวนแล้วมันคือปัญหาใหญ่ ราชวงศ์ซ่านกวนสามารถแจ้งเมืองราชวงศ์ซ่านกวนได้ว่า ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผู้พิทักษ์ของราชวงศ์ซ่านกวน
ซ่านกวนจื่อโม่พูดต่อว่า “ครั้งนี้ หยางเฉินพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลี่ไปเมืองราชวงศ์เย่ เพื่อพยายามแทนที่ราชวงศ์เย่ สุดท้ายเขาเกือบตายอยู่ในเมืองราชวงศ์เย่ ยิ่งตอนนี้วิถีบู๊ของเขาก็ถูกทำลายแล้ว หากเรายอมเสี่ยงที่จะช่วยคนไร้ประโยชน์คนนี้ แล้วไปทำให้ตระกูลหลี่ไม่พอใจ มันแทบจะไม่คุ้มการเสี่ยงเลยด้วยซ้ำ”
“และผมก็เชื่อด้วยว่า การเดินทางไปเมืองราชวงศ์เย่ในครั้งนี้ คนของตระกูลหลี่คงรู้และเข้าใจถึงพลังของผู้พิทักษ์ราชวงศ์แล้ว ตราบใดที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน ตระกูลหลี่ก็จะไม่กล้าลงมือใดๆ กับราชวงศ์ซ่านกวนของเราในตอนนี้แน่นอน”
“ดังนั้นผมจึงแนะนำว่างานที่สำคัญที่สุดของเราคือ การอยู่นิ่งๆ”
คนหลายคนของราชวงศ์ซ่านกวนแอบพยักหน้าอย่างเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของซ่านกวนจื่อโม่ ซ่านกวนโหรวกัดริมฝีปาก พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“เสด็จอารอง ในฐานะที่คุณเป็นองค์ชาย การมีความคิดแบบนี้น่ากลัวมาก อย่าลืมว่าราชวงศ์ซ่านกวนแท้จริงแล้วเป็นผู้ควบคุมอำนาจของเมืองราชวงศ์ซ่านกวน ในเมืองราชวงศ์ซ่านกวน เราไม่จำเป็นต้องกลัวใคร แต่เป็นคนอื่นมากกว่าที่ควรกังวลว่าจะทำให้เราขุ่นเคือง”
ซ่านกวนโหรวมองอย่างเด็ดเดี่ยวและพูดต่อว่า “แม้ว่าตระกูลหลี่จะมีเหล่าจู่ที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ แล้วมันจะอย่างไรล่ะ? ราชวงศ์ซ่านกวนของเราก็มีผู้พิทักษ์คอยปกป้องอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
“ถ้าตระกูลหลี่กล้าลงมือกับราชวงศ์ซ่านกวนของเราจริงๆ พวกเขาไม่กลัวว่าผู้พิทักษ์จะมาปรากฏตัวและทำลายตระกูลหลี่เหรอ?”
“ตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับราชวงศ์ซ่านกวนของเรา ฉันคิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้ว่า คุณหยางมีศักยภาพมากแค่ไหน หากวิถีบู๊ของเขาถูกทำลายแล้วจริงๆ แสดงว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด หากเราช่วยเหลือเขาในตอนนี้และเมื่อไหร่ที่เขาได้ฟื้นฟูวิถีบู๊ของเขากลับมาได้ ราชวงศ์ซ่านกวนก็จะมีเพื่อนที่มีศักยภาพและทรงพลัง”
“เมื่อถึงเวลานั้น เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรกับตระกูลหลี่ คุณหยางก็จะลงมือกับตระกูลหลี่เอง เมืองราชวงศ์ซ่านกวนที่ไม่มีตระกูลหลี่ถึงจะเรียกว่าเป็นราชวงศ์ซ่านกวนเป็นเจ้าของเมืองราชวงศ์ซ่านกวนที่แท้จริง”
“ดังนั้น ฉันขอแนะนำให้ส่งทหารไปที่ตระกูลหลี่เพื่อช่วยคุณหยางออกมา!”
คำพูดของซ่านกวนโหรวดังมาก แม้แต่ซ่านกวนจื่อโม่ยังตกอยู่ในภวังค์ด้วยความรู้สึกเลือดขึ้นหน้า เพียงแค่ว่าราชวงศ์ซ่านกวนนั้นเคยชินกับความเงียบและวันที่สงบสุขมานานเกินไป เขาเลยกลัวกับการที่ต้องมารับมือตระกูลหลี่กะทันหันแบบนี้
ซ่านกวนจื่อโม่รู้สึกหงุดหงิดและพูดว่า “ซ่านกวนโหรว ที่คุณเอาแต่พูดว่านี่เป็นโอกาสสำหรับราชวงศ์ซ่านกวนของเรา เป็นไปได้ไหมว่าคุณจะตกหลุมรักหยางเฉินเข้าให้แล้ว ดังนั้นคุณจึงใช้โอกาสนี้เพื่อช่วยคนที่คุณรักออกมา?”
ซ่านกวนโหรวโกรธมากเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆ แบบนี้
สีหน้าของซ่านกวนโหรวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากัดฟันและพูดว่า “เสด็จอารอง ฉันได้วิเคราะห์ตามความจริงของราชวงศ์ นอกจากนี้ คุณหยางกับฉันนั้นบริสุทธิ์ใจ และไม่ได้มีความคิดสกปรกอย่างที่คุณว่าหรอกค่ะ”
ซ่านกวนจื่อโม่หัวเราะเยาะ “ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณสองคนจะบริสุทธิ์หรือไม่ แต่สิ่งที่ผมเห็นมีแต่เพียงสิ่งที่คุณทำเพื่อเขา คุณไม่นึกถึงความปลอดภัยของตระกูลเลยด้วยซ้ำ พฤติกรรมแบบนี้ไม่คู่ควรกับการเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ซ่านกวนเลยด้วยซ้ำ”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงของอีกคนดังขึ้น “น้องรองพูดถูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ราชวงศ์ซ่านกวนจะโจมตีตระกูลหลี่ ตระกูลหลี่แข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ ส่งกองกำลังไปตระกูลหลี่ในเวลานี้ มีเพียงแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลแตกหัก อีกทั้งอาจทำให้ตระกูลหลี่โกรธได้ ปล่อยให้ตระกูลหลี่เดินเล่นไปก่อน และรอให้เขามาเปิดศึกกับราชวงศ์ซ่านกวนของเราเอง”
คนที่พูดคือซ่านกวนจื่อจื้อ เป็นองค์ชายคนโตของราชวงศ์ซ่านกวน เดิมทีเขาเป็นองค์ชายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่จะมารับตำแหน่งเป็นฝ่าบาทองค์ต่อไป
แต่กษัตริย์ซ่านกวนชื่นชอบและโปรดปรานซ่านกวนโหรวมากกว่า เพราะซ่านกวนโหรวเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง แถมยังมีทั้งพรสวรรค์ด้านบูโดและยังมีความสามารถด้านอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้น กษัตริย์ซ่านกวนได้แต่งตั้งซ่านกวนโหรวให้มารับตำแหน่งฝ่าบาทองค์ต่อไปตั้งแต่ต้นแล้ว เว้นแต่ว่าก่อนที่เขาจะสละราชสมบัติ หนึ่งในลูกชายสามคนของเขา จะต้องมีคนหนึ่งเหนือกว่าซ่านกวนโหรว มิเช่นนั้นซ่านกวนโหรวจะเป็นฝ่าบาทองค์ต่อไป
ด้วยเหตุนี้ องค์ชายคนโตซ่านกวนจื่อจื้อและองค์ชายรองซ่านกวนจื่อโม่ ไม่พอใจซ่านกวนโหรวมาก องค์ชายสามซ่านกวนจื่อฉินเป็นพ่อของซ่านกวนโหรว แน่นอนว่าเขาไม่คัดค้านลูกสาวของเขา
ในตอนนั้น เมื่อเห็นซ่านกวนจื่อจื้อและซ่านกวนจื่อโม่รวมหัวกันรังแกซ่านกวนโหรว ซ่านกวนจื่อฉินก็โกรธและลุกขึ้นมาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “องค์ชายใหญ่และองค์ชายรอง ของราชวงศ์ซ่านกวนกลัวเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“นอกจากตระกูลหลี่ที่มีเหล่าจู่ที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่แล้ว ก็จะมีด้านไหนที่แข็งแกร่งไปกว่าราชวงศ์ซ่านกวนของเราอีกล่ะ?”
“ถึงพูดไปตระกูลหลี่มีเหล่าจู่แดนเหนือมนุษย์ ราชวงศ์ซ่านกวนของเราก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้พิทักษ์แดนเหนือมนุษย์?”
“ในเมืองราชวงศ์ซ่านกวน พวกเราต่างหากที่เป็นเจ้าของ ตระกูลหลี่มีสิทธิ์พูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“คำที่องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองพูดนั้น มันเต็มไปด้วยความกลัวต่อตระกูลหลี่ แบบนี้ คู่ควรกับการเป็นองค์ชายของราชวงศ์ซ่านกวนแล้วเหรอครับ?”
ซ่านกวนจื่อฉินพูดไม่ยอมหยุด คำพูดเหล่านี้ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง แต่ทำให้ซ่านกวนจื่อโม่และซ่านกวนจื่อจื้อโมโหอย่างมาก
“บังอาจ!”
ซ่านกวนจื่อโม่และซ่านกวนจื่อจื้อก้าวไปข้างหน้า จ้องไปที่ซ่านกวนจื่อฉินและตะโกน