The king of War - บทที่ 1487 จะฆ่าหรือไม่
หลี่จ้งกลัวแล้วจริงๆ แม้ว่าหยางเฉินจะอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม แต่พลังในการต่อสู้ของเขานั้นเทียบเท่ากับแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกเลยทีเดียว ส่วนหลี่จ้งยังอยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ หรืออาจสามารถปลดปล่อยพลังแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าได้โดยการพึ่งพาคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน
หากหยางเฉินอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบ การที่จะฆ่าเขานั้นมันเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าการปอกกล้วยเข้าปาก
เมื่อคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่หยางเฉินกำลังทดสอบตระกูลหลี่ ความกลัวในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
“พ่อครับ ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีครับ? ตามที่เป่าจุ้นเล่า เมื่อหยางเฉินได้ยินว่าอ้ายหลินกำลังขอความช่วยเหลือ เขาเกือบจะวิ่งหนีไปแล้ว เป็นไปได้สูงมากว่าเขากำลังแสร้งทำเป็นกลัวอยู่นะครับ!” หลี่เจียงสงพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หลี่เป่าจุ้นก็ถือโอกาสพูดขึ้นว่า “เหล่าจู่ เมื่อครู่ท่านไม่ได้เห็นสายตาของหยางเฉินว่ามันน่ากลัวแค่ไหน แต่ผมเห็นด้วยกับตาเลยนะครับ ดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยสีเลือด มันช่างน่ากลัวจริงๆ”
หลี่จ้งไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เดินไปมาในห้อง และคิดในใจว่าจะขจัดความเข้าใจผิดระหว่างเขากับหยางเฉินได้อย่างไร
แม้ว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของพวกเขา แต่หยางเฉินอาจกำลังทดสอบพวกเขาก็เป็นไปได้ หรือว่าหยางเฉินอาจกำลังวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาผู้คน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ล่ะ?
ถ้าหยางเฉินไม่ได้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ แสดงว่าตระกูลหลี่ต้องตกอยู่ในภัยอันตรายแน่นอน
ทันใดนั้น หลี่จ้งก็พูดขึ้นว่า “ไปบอกคุณหมอหลี่ ต้องรักษาผู้หญิงคนนั้นให้หายและทำให้ร่างกายของเธอฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด!”
“นอกจากนี้ ให้คนของตระกูลหลี่ไปตามหาคนของเฝิงเสียวหว่านกลับมาให้หมด”
“ครับท่านพ่อ!” หลี่เจียงสงรีบตอบรับ
หลี่จ้งพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวข้าจะไปหาคุณหยางเป็นการส่วนตัว ดูว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
เมื่อคิดว่าหยางเฉินอาจจะยังไม่ได้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ หลี่จ้งก็รู้เสียดายมาก ถ้าตอนนั้นเขาติดตามหยางเฉินไปด้วย แล้วจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
ในไม่ช้า หลี่จ้งก็มาถึงคฤหาสน์ที่หยางเฉินอาศัยอยู่ เขาเคาะประตูเบาๆ แล้วพูดว่า “คุณหยางครับ หลี่จ้งมาขอโทษคุณครับ!”
หยางเฉินที่กำลังฝึกเทคนิคการหายใจขั้นแรกของต้าเต้าเทียนหยานในห้อง เมื่อได้ยินเสียงของหลี่จ้งเขาก็ความสงสัยขึ้น จะมาขอโทษงั้นหรือ?
เขาถึงกับงุนงงและไม่เข้าใจว่าหลี่จ้งจะมาไม้ไหนอีก
หยางเฉินจึงพูดเบาๆ ว่า “เข้ามาคุยกันก่อน!”
หลังจากได้รับการอนุญาตของหยางเฉินแล้ว หลี่จ้งก็เปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง
หยางเฉินมองหน้าหลี่จ้งด้วยสายตาที่ผิดหวัง “การที่ผมพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลหลี่ไปสู้กับเมืองราชวงศ์เย่ คุณคิดว่าผมกำลังหลอกใช้พวกคุณให้สู้กับคนราชวงศ์เย่ใช่ไหม? ถึงจะแพ้ คนที่เสียหายที่สุดก็คือตระกูลหลี่ ส่วนผมไม่ได้เสียหายอะไรเลย และถ้าหากตระกูลหลี่เข้ามาแทนที่ราชวงศ์เย่ได้ ตระกูลหลี่ก็ยังต้องตกอยู่ภายใต้การบังคับของผม คุณคิดแบบนี้ใช่ไหม?”
“แล้วก็ ผมอยู่ในอาการโคม่าเป็นเวลาสามวันสามคืน พวกคุณคิดว่าผมสูญเสียทักษะการต่อสู้แล้วจริงๆ และการที่ผมให้เพื่อนผมไปจากที่นี่ พวกคุณก็คิดว่าผมไม่มีกำลังที่จะปกป้องพวกเขา แล้วให้พวกเขาหนีไปจากเมืองราชวงศ์ซ่านกวนงั้นใช่ไหม?”
หยางเฉินถามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน้ำเสียงของเขาเรียบง่ายจนดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังมีความสุขหรือทุกข์อยู่ แต่ด้วยความสงบของเขา มันกลับทำให้หลี่จ้งรู้สึกกดดันอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“พรึ่บ!”
หลี่จ้งคุกเข่าลงต่อหน้าหยางเฉินและพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดว่า “คุณหยางครับ ผมผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ ครับ! ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหมครับ? ผมสัญญาว่าตระกูลหลี่จะไม่ทรยศคุณอีกแล้วครับ!”
หยางเฉินพูดอย่างใจเย็นว่า “คุณคิดว่าผมยังจะเชื่อคำพูดของคุณอยู่ไหม?”
หลี่จ้งขอร้องอีกครั้ง “คุณหยางครับ ต้องให้ผมทำอย่างไรคุณถึงจะยอมเชื่อใจผมครับอีกครั้งครับ?”
หยางเฉินส่ายหัว “คุณน่าจะรู้นะว่าผมเป็นคนที่เห็นคุณค่าของความจริงใจมาก ใครก็ตามที่ดีกับผม ผมจะดีกับเขาเป็นพันเท่า แต่ถ้ามีคนทรยศผม ผมจะไม่มีทางยกโทษให้เขาอย่างง่ายๆ แน่นอน”
หลี่จ้งพยักหน้า “ผมเข้าใจทุกอย่างที่คุณหยางพูดแล้วครับ แต่ผมยังคงอยากขอคุณให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ครั้งนี้ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ แต่โชคดีที่ยังไม่ได้สายเกิดแก้ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คุณอ้ายจะไม่เป็นอะไรแน่นอน เพราะผมได้หาหมอที่ดีที่สุดมาแล้วครับ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบขวดพอร์ซเลนสีขาวที่สวยงามออกมาแล้วยื่นให้กับหยางเฉิน
หยางเฉินขนวดคิ้ว “หมายความว่าไง?”
หลี่จ้งรีบตอบว่า “นี่คือยาอายุวัฒนะที่ผมเจอพร้อมกับคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยาน ผมไม่ทราบว่ายานี้มันมีคุณสมบัติอะไรบ้าง แต่ที่ผมมั่นใจได้ก็คือ ยาอายุวัฒนะนี้ต้องเป็นยาที่ล้ำค่ามากแน่นอนครับ”
“ผมรู้ว่าผมทำผิดจนไม่สมควรได้รับการอภัย และผมทำให้คุณหยางผิดหวังในตัวผมมาก แต่ผมอยากมอบยานี้ให้กับคุณจริงๆ นะครับ ผมไม่ขอให้คุณอภัยผม แต่ผมขอแค่คุณไว้ชีวิตตระกูลหลี่”
ทันใดนั้นหยางเฉินก็ถอนหายใจยาวๆ และหลังจากรับขวดพอร์ซเลนมาเขาก็พูดขึ้นว่า “คุณลุกขึ้นก่อนเถอะ!”
หลี่จ้งจึงจะกล้าลุกขึ้นแล้วตอบว่า “ครับ!”
เขาได้แต่ก้มหน้าลงเหมือนเด็กน้อยที่ทำผิดและไม่กล้ามองไปที่หยางเฉินเลย
“อย่างที่คุณบอก แม้ว่าตระกูลหลี่จะทำผิด แต่โชคดีที่มันไม่ได้หนักหนาจนสายเกินแก้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ช่างมันเถอะ และนับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของผมกับตระกูลหลี่ก็จบลงเพียงเท่านี้”
“หลังจากนี้ ขอแค่ตระกูลหลี่ไม่หาเรื่องผมก่อน ผมก็จะปล่อยตระกูลหลี่ไป แต่ถ้าใครในตระกูลหลี่กล้าท้าทายผมอีก ผมขอรับประกันว่าผมจะทำให้ตระกูลหลี่หายไปจากโลกนี้อย่างสิ้นซาก!”
น้ำเสียงของหยางเฉินเย็นเยือกจนสุดขั้ว แม้แต่หลี่จ้งยังรู้สึกหนาวถึงกระดูก
หยางเฉินส่ายหัว “พวกคุณปฏิบัติต่อผมอย่างไร ผมก็ทนได้ แต่พวกคุณไม่ควรที่จะใช้เพื่อนของผมมาข่มขู่อย่างยิ่ง และการที่ผมยอมปล่อยตระกูลหลี่ไป ก็เป็นเพราะผมเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเรา ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไร ตระกูลหลี่กับผมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรอีก”
แม่ว่าหลี่จ้งจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็พยักหน้าตอบ “ผมเข้าใจแล้วครับ คุณหยางครับ ผมขอโทษจริงๆ นะครับ และผมขอรับประกันว่า ต่อจากนี้ตระกูลหลี่จะไม่ก่อกวนคุณอีกครับ”
หยางเฉินพยักหน้า “ดี คุณกลับไปก่อนเลย!”
“ครับ!” หลี่จ้งหันหลังแล้วเดินออกไป
กระทั่งหลี่จ้งจากไป หยางเฉินถึงจะแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่แผ่นหลังของเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบไปแล้ว
เมื่อครู่นี้ บอกได้เลยว่าเขากำลังเดิมพันด้วยชีวิตของเขา และเดิมพันว่าหลี่จ้งจะไม่กล้าลงมือกับเขาง่ายๆ แน่นอน
เพราะหากเกิดอะไรที่ไม่คาดคิด ด้วยพลังความแข็งแกร่งของแดนเหนือมนุษย์ขั้นสี่ของหลี่จ้ง การที่เขาจะฆ่าหยางเฉินก็ง่ายยิ่งกว่าการฆ่ามดตัวหนึ่ง
และหลังจากหลี่จ้งออกจากห้องของหยางเฉิน สีหน้าของเขาก็ดูมืดมนอย่างสุดขีด และนัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“ท่านพ่อครับ เป็นยังไงบ้างครับ?” เมื่อเห็นหลี่จ้งกลับมาถึง หลี่เจียงสงก็รีบถามทันที
หลี่จ้งส่ายหัว “ครั้งนี้หยางเฉินตั้งใจจะแยกทางกับตระกูลหลี่อย่างเด็ดขาดแล้วจริงๆ ไม่ว่าข้าจะพูดยังไง เขาก็ไม่ยอมให้โอกาสตระกูลหลี่อีกแล้ว”
หลี่เจียงสงถอนหายใจ “ถ้าเขาให้โอกาสพวกเรา มันจะเป็นปัญหามากกว่านะครับ”
หลี่จ้งพยักหน้าแล้วพูดว่า “แต่สิ่งที่ข้าสงสัยคือ ทำไมข้าถึงสัมผัสพลังต่อสู้ของเขาไม่ได้เลย? ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนพลังได้เพอร์เฟคขนาดนี้?”
หลี่เจียงสงถามอย่างระมัดระวังว่า “เขาคงไม่ได้ใช้เทคนิคซ่อนพลังเพื่อมาตบตาพวกเราหรอกนะ?”
หลี่จ้งส่ายหัว และทันใดนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าไม่รู้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ข้าแน่ชัดได้ก็คือ เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ถึงแม้ยังมีพลังการต่อสู้อยู่ในตัว แต่เขาไม่สามารถระเบิดพลังขั้นสูงสุดได้ และตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เราจะฆ่าเขาได้ หากเราพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป อนาคตคงเป็นเรื่องยากที่เราจะแตะต้องเขาได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่จ้ง หลี่เจียงสงก็ถึงกับตกตะลึง “ท่านพ่อครับ ท่านจะฆ่าเขาเหรอครับ?”
หลี่จ้งไม่พูดอะไรแต่ถามกลับว่า “แล้วนายคิดว่าเราควรเดิมพันอีกสักครั้งไหม?”