The king of War - บทที่ 1530 การต่อสู้ที่บ้าคลั่ง
หลี่จ้งไม่ได้ตอบรับซ่านกวนฟู่ เพราะว่าเขาในเวลานี้ ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ลมปราณวิถีบู๊บนตัวก็เพิ่มสูงขึ้น ราวกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่สูญเสียการควบคุม โจมตีซ่านกวนฟู่อย่างบ้าคลั่ง
แม้ว่าซ่านกวนฟู่จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก อย่างไรก็ตามหลี่จ้งที่เดิมทีก็เข้าใกล้กับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า คัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานก็สามารถที่เพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้อีก หลังจากที่ทายยาแดนเหนือมนุษย์ลงไป พลังของหลี่จ้งก็ส่งสัญญาณกดทับซ่านกวนฟู่อย่างแผ่วเบา แต่ตอนนี้ หลี่จ้งสูญเสียการควบคุม และพลังของเขา ก็เพิ่มสูงขึ้นในทันที เหนือกว่าซ่านกวนฟู่ในทันที
“ผลัวะ!”
ซ่านกวนฟู่หลบไม่ทันเวลา ถูกหลี่จ้งโจมตีเต็มๆ เสียงดังผลัวะ ร่างกายของซ่านกวนฟู่กระเด็นราวกับลูกบอลที่โดนตบกระเด็น กระเด็นกลับหัวออกไปในทันที
มองดูหลี่จ้งที่ทรงพลังขนาดนี้ หยางเฉินก็ดูตกใจเช่นกัน หลี่จ้งในตอนนี้ ความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับผู้แข็งแกร่งของผู้พิทักษ์แล้วมั้ง?
“หยางเฉิน แกรู้มั้ยว่า เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของหลี่จ้งกันแน่?”
ซ่านกวนฟู่มองไปทางหยางเฉินอย่างกะทันหัน และถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หยางเฉินแกล้งทำเป็นหวาดกลัว ส่ายหน้า: “ผมก็ไม่รู้ แต่ผมรู้สึกว่า เขาเหมือนกับจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว ตอนนี้บ้าไปแล้ว”
เขาไม่บอกความจริงกับซ่านกวนฟู่หรอก ถ้าหากบอกซ่านกวนฟู่ หลี่จ้งในตอนนี้สูญเสียการควบคุมเป็นเพราะทานยาแดนเหนือมนุษย์ ไม่สูญเสียการควบคุมไปทั้งหมด ก็คิดหาทางมีสติรู้ตัวให้ได้ ซ่านกวนฟู่คงจะหาวิธีรับมืออย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ต่อสู้กับหลี่จ้งต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดของหยางเฉิน ซ่านกวนฟู่กลับไม่ได้สงสัยอะไร เพราะเขาก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะรับมือยังไง
ในเวลานี้นี่เอง หลี่จ้งก็พุ่งไปทางซ่านกวนฟู่อีกครั้ง ซ่านกวนฟู่ตกใจในทันที ขยับเท้า ร่างก็หายตัวไปจากที่เดิมในทันที
“ตูม!”
ในขณะที่ซ่านกวนฟู่เพิ่งจะออกไปจากที่เดิม หลี่จ้งก็โจมตีอย่างหนักอีกครั้ง โจมตีต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านโดยตรง
เห็นเพียงต้นไม้โบราณที่แข็งอย่างที่สุดนั้น ตำแหน่งที่ถูกหลี่จ้งโจมตีโดนเต็มๆ ก็กลายเป็นธุลี และต้นไม้โบราณก็ล้มลงไปที่บนพื้นโดยตรง
ซ่านกวนฟู่ตกใจหวาดผวา มองดูหลี่จ้งที่ตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่งอย่างสมบูรณ์ สีหน้าท่าทางของเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง ด้วยความแข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นหกของเขา ถูกหลี่จ้งทำร้ายจนไม่มีแรงสู้กลับ
และเขาก็คาดเดาพลังต่อสู้ในปัจจุบันของหลี่จ้ง ได้พอประมาณ น่าจะเป็นแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นหก แต่ก็ยังมีระยะห่างช่วงหนึ่งกับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด
และตัวของซ่านกวนฟู่ ท่าทางก็แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกขั้นต้น อยู่ห่างจากหลี่จ้งอย่างน้อยสามแดน อยากจะฆ่าหลี่จ้งเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ
มองดูหลี่จ้งที่อยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง จู่ๆซ่านกวนฟู่ก็ยับยั้งลมปราณวิถีบู๊บนตัว ทันใดนั้น หลี่จ้งเหมือนเป็นคนขาดสติที่สูญเสียเป้าหมาย โหมทำลายไปทุกที่
หยางเฉินขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆซ่านกวนฟู่ก็หยุดการโจมตี หรือว่า เขารู้ว่าผลข้างเคียงของยาแดนเหนือมนุษย์เหรอ?
แน่นอนว่า หลังจากที่ซ่านกวนฟู่ยับยั้งลมปราณวิถีบู๊บนตัว หลี่จ้งไม่ได้จับจ้องโจมตีซ่านกวนฟู่อีก
ดังนั้น เขาพูดออกมาว่า: “ผู้อาวุโสซ่านกวน จู่ๆผมนึกอะไรบางอย่างออก มีคนบ้าทางวิทยาศาสตร์ชื่อดอกเตอร์แบล็ก ในมือครองครอบเทคโนโลยีไฮเทคมากมายที่เกี่ยวข้องกับผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊”
“หือ?”
ซ่านกวนฟู่มองไปทางหยางเฉิน และพูดอย่างเย็นชาว่า: “เมื่อกี้นี้แกยังบอกว่า ตัวเองไม่รู้ไม่ใช่เหรอ?”
หยางเฉินรีบพูดว่า: “เมื่อกี้นี้ผมไม่รู้จริงๆ ตอนนี้เพียงแค่จู่ๆก็นึกถึงดอกเตอร์แบล็กคนนี้ และมองดูท่าทางตอนนี้ของหลี่จ้ง เดาว่ายาที่หลี่จ้งทานลงไปก่อนหน้านี้ มีความเป็นไปได้มาก ที่จะเกี่ยวข้องกับดอกเตอร์แบล็กคนนี้”
แม้ว่าซ่านกวนฟู่จะไม่พอใจหยางเฉินเป็นอย่างมาก แต่ก็อยากรู้อาการตอนนี้ของหลี่จ้ง ดังนั้นจึงพูดด้วยเสียงเยือกเย็น: “ทางที่ดีแกบอกทุกอย่างที่แกรู้มาให้หมด บางทีฉันมีความสุข อาจจะปล่อยให้แกรอดชีวิตก็ได้”
คำพูดของซ่านกวนฟู่ เต็มไปด้วยการข่มขู่
ในใจของหยางเฉินเต็มไปด้วยความอาฆาตต่อซ่านกวนฟู่ แต่ภายนอกกลับดูท่าทางหวาดกลัว และรีบพูดว่า: “ผมจะพูดเดียวนี้แหละครับ ถ้าหากสภาวะตอนนี้ของหลี่จ้ง เป็นเพราะทานยาที่ดอกเตอร์แบล็กวิจัยเข้าไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เขาก็ตกอยู่ในสภาวะสูญเสียการควบคุมหลังจากที่ทานยาไป”
“แต่หลังจากที่ทานยาของดอกเตอร์แบล็กไป ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นก่อน เพราะว่าร่างกายไม่สามารถทนรับต่อความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหันในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปในระยะเวลาอันสั้น แต่สภาวะที่สูญเสียการควบคุมแบบนี้ จะอยู่ได้ไม่นาน หลังจากที่หลี่จ้งฟื้นคืนสติรู้ตัวอีกครั้ง ก็สามารถที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งทั้งหมด”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา บนใบหน้าของซ่านกวนฟู่ เต็มไปด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม
หลี่จ้งในตอนนี้ แข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ถ้าหากให้เขาควบคุมพลังทั้งหมดนี้ได้ เกรงว่าขนาดเขา ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่จ้ง ถึงกับอาจจะตายอยู่ในมือของหลี่จ้ง
หยางเฉินรู้ว่า ซ่านกวนฟู่เชื่อคำพูดของเขาแล้ว ดังนั้นจึงรีบพูดทันทีว่า: “แน่นอนว่า ทานยาแบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียง ว่ากันว่าผู้ที่ทานยา ความสำเร็จวิถีบู๊ของจากนี้ไป บางทีอาจจะหยุดอยู่ที่สภาวะอย่างในตอนนี้ทั้งหมด”
“ก็หมายความว่า หลังจากที่หลี่จ้งมีสติรู้ตัว เกรงว่าต่อไปจะไม่มีความก้าวหน้าทั้งหมดอีก และความแข็งแกร่งของเขา ก็จะคงที่จนถึงสภาวะในตอนนี้”
หยางเฉินไม่ได้บอกความจริงกับซ่านกวนฟู่ อันที่จริง ทานยาแดนเหนือมนุษย์ ไม่สูญเสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องทนทุกข์กับชะตากรรมของการตายด้วยความรุนแรง ต่อให้จะฟื้นสติรู้ตัว แต่ผลของยาก็มีเวลาจำกัด
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่ทานยา ยังจะเข้าสู่ช่วงอ่อนแออีกด้วย ซึ่งช่วงเวลานั้นถึงจะเป็นอันตรายที่สุด
ในฐานะที่เป็นคนที่ถูกดอกเตอร์แบล็กทำร้ายมาเป็นเวลานาน เขารู้ดีเป็นอย่างมาก เกี่ยวกับยาเหล่านั้นที่ดอกเตอร์แบล็กผลิตไว้
ใบหน้าของซ่านกวนฟู่ เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ไม่มีความลังเลเลยสักนิดแล้ว เห็นเพียงเขาพูดอย่างเยือกเย็นว่า: “ดูเหมือนว่า ต้องเสียสละอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้น อาจจะตายอยู่ในมือของแกจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซ่านกวนฟู่ หยางเฉินแอบดีใจในทันที สิ่งที่เขาต้องการก็คือผลที่ตามแบบนี้ หลี่จ้งมีคัมภีร์ต้าเต้าเทียนหยานมาเพิ่มความแข็งแกร่ง ยังมียาแดนเหนือมนุษย์สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ ซ่านกวนฟู่ในฐานะผู้นำคนก่อนของราชวงศ์ซ่านกวน จะไม่มีได้ยังไง?
ภายใต้การจ้องมองของหยางเฉิน จู่ๆซ่านกวนฟู่ก็หยิบขวดหยกอันประณีตออกมา จากนั้นเทยาเม็ดหนึ่งออกมาจากข้างใน และกลืนมันลงในอึกเดียว
ในไม่ช้า ลมปราณวิถีบู๊ที่น่าสะพรึงกลัวมาก ก็ปะทุออกมาจากร่างกายของซ่านกวนฟู่
ในช่วงเวลาสั้นๆซ่านกวนฟู่ซึ่งเดิมทีที่ด้อยกว่าหลี่จ้งนั้น ลมปราณวิถีบู๊บนตัวของเขา ก็เหนือกว่าหลี่จ้งในทันที
รู้สึกถึงลมปราณวิถีบู๊อีกครั้ง หลี่จ้งก็มุ่งเป้าไปที่ซ่านกวนฟู่ไว้ในทันที ขยับเท้า ร่างกลายเป็นภาพติดตา พุ่งไปที่ซ่านกวนฟู่
“หึ! ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลย!”
ซ่านกวนฟู่ตะโกนอย่างเย็นชา ในมือของเขา ทันใดนั้นกริชเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น พุ่งไปทางหลี่จ้งในทันที
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อซ่านกวนฟู่หยิบกริชสั้นเล่นนั้นออกมา หยางเฉินรู้สึกถึงลมหายใจแห่งความตาย จากกริชสั้น ราวกับกริชสั้นเล่มนั้นไม่ใช่ของตาย แต่เป็นของสิ่งมีชีวิต