The king of War - บทที่ 1554 ยอมรับตัวตน
ราชวงศ์เฝิงเป็นหนึ่งในสองราชวงศ์โบราณและความแข็งแกร่งเหนือราชวงศ์หลัก 4 ตระกูล ในแต่ละราชวงศ์โบราณมีขุมพลังแดนเหนือมนุษย์มากมาย
ทีมผู้พิทักษ์เงาลับทุกวันนี้แข็งแกร่งราวกับฟ้า และยังมีผู้แข็งแกร่งละดับแดนเทพชั้นยอดหลายคน แต่ราชวงศ์ในสมัยโบราณที่จะมีแดนเหนือมนุษย์มากมาย ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังไม่เพียงพอ
ขณะนี้ ลั่วปิงได้มารายงาน “ท่านประธาน คุณอ้ายมาแล้ว”
หยางเฉินรีบพูดขึ้นว่า “ให้เธอเข้ามา!”
ในไม่ช้า อ้ายหลินก็มาถึงสำนักงานของหยางเฉิน และเฉียนเปียวก็ได้ออกไป ไม่มีคนนอกแล้วหยางเฉินจึงเปิดปากพูด “พี่อ้าย ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำให้พวกคุณลำบาก ”
หยางเฉินรู้สึกผิดและโทษตัวเองมาก ตอนแรกที่หม่าชาวหายตัว ถูกราชวงศ์เฝิงนำตัวไป เพราะตอนที่หม่าชาวไปตามหาเขาเพียงลำพัง แล้วเขาก็ถูกผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์เฝิงพาตัวไปแล้ว
คราวนี้ เฝิงเสียวหว่านก็ถูกพาตัวไปโดยผู้แข็งแกร่งของราชวงศ์เฝิงพร้อมกับเสี่ยวจิ้งอัน
สามีและลูกชายของอ้ายหลินถูกราชวงศ์เฝิงพาตัวไป แค่คิดก็รู้ว่าในใจเธอคงเจ็บปวดมาก
อ้ายหลินรีบถาม “หยางเฉิน คุณพบจิ้งอันแล้วหรือยัง?”
หยางเฉินไม่ปิดบัง พยักหน้าแล้วพูดว่า “เสี่ยวหวันและเสี่ยวจิ้งอันถูกคนของราชวงศ์เฝิงพาตัวไป และฉันกำลังวางแผนที่จะไปหาราชวงศ์เฝิง”
เมื่อได้ยินชื่อราชวงศ์เฝิง อ้ายหลินก็เงียบไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล
ราชวงศ์เฝิงไม่ใช่ราชวงศ์ธรรมดา ตอนที่หยางเฉินเดินทางไปเมืองราชวงศ์ซ่านกวน เขาเกือบตายอยู่ในเมืองราชวงศ์ซ่านกวน ไม่ง่ายเลยที่จะรอดมาได้ สุดท้ายเขาก็ต้องไปราชวงศ์เฝิงที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อช่วยผู้คน
ผ่านไปนาน อ้ายหลินพูดด้วยท่าทางที่ซับซ้อน “หยางเฉิน แม้ว่าฉันจะไม่อยากให้เธอไปเสี่ยง แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆ ไม่รู้จะไปหาใครอีก ช่วยลูกชายและสามีของฉันด้วย ได้โปรด!”
หยางเฉินรีบพูด “พี่อ้าย ดูสิ่งที่คุณพูด หม่าชาวเป็นพี่ชายของฉัน เฝิงเสียวหว่านเป็นน้องสาวของฉัน และเสี่ยวจิ้งอันเป็นลูกทูนหัวของฉันด้วย ที่ฉันไปช่วยพวกเขานั้นสมควรแล้ว”
“ในช่วงเวลานี้ คุณสามารถอยู่ในเมืองเยี่ยนตูอย่างสงบ เพื่อรอฟังข่าวดีจากฉัน ฉันสัญญาว่าจะพาพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
หลังจากส่งอ้ายหลินแล้ว หยางเฉินรู้สึกว่าภาระบนบ่าของเขายิ่งมากขึ้นไปอีก เขาไม่เคยติดต่อกับราชวงศ์เฝิงผู้แข็งแกร่ง มาก่อนและเขาไม่รู้ว่าการเดินทางไปราชวงศ์เฝิงครั้งนี้จะราบรื่นไหม
แต่คิดดูแล้วไม่น่าจะราบรื่นนัก แม้แต่หม่าชาวซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกราชวงศ์เฝิงทอดทิ้ง ยังถูกกักขังในราชวงศ์เฝิง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยางเฉินขึ้นเครื่องบินออกจากเมืองเยี่ยนตูไปยังราชวงศ์เฝิง
ตอนนี้ปัญหาของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปจัดการเรียบร้อยแล้ว และมูลค่าตลาดของมันพุ่งสูงขึ้น ถึงเวลาจัดการปัญหาบางอย่างแล้ว
สามชั่วโมงต่อมา เครื่องบินลงจอดที่สนามบินนานาชาติเมืองราชวงศ์เฝิง
สิ่งที่แม้แต่หยางเฉินไม่คาดคิด เมื่อเขาก้าวเข้ามาในเมืองราชวงศ์เฝิง ก็มีคนรู้ถึงการมาของเขา
เมืองราชวงศ์เฝิง ในห้องลับใต้ดินของคฤหาสน์ มือและเท้าของหม่าชาวถูกล่ามด้วยโซ่เหล็ก แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะดิ้นหลุดไปได้
ในตอนนี้ ผมของหม่าชาวยุ่งเหยิง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แขนและขาที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กเต็มไปด้วยเลือด
ชายวัยกลางคนเดินเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าหม่าชาว พูดอย่างเย็นชาว่า “แกแน่ใจเหรอว่าไม่ยอมรับตัวตนที่แท้จริงของแก?”
หม่าชาวเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่ดื้อรั้นจ้องไปที่ชายวัยกลางคน พูดอย่างเฉยเมย “ให้ฉันละทิ้งครอบครัวและเพื่อน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ตราบใดที่แกเต็มใจยอมรับตัวตนของแก แกก็จะได้เป็นรัชทายาทของราชวงศ์ ตอนนี้ปู่ของแกป่วยหนัก และเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เป็นไปได้ที่จะสละราชสมบัติ แค่ตอนนี้แกยอมรับตัวตนของแก หลังจากที่ปู่ของแกสละราชสมบัติ มีฉันอยู่ จะไม่มีใครสามารถแตะบัลลังก์ราชวงศ์เฝิงของแกได้”
“ในฐานะที่ตัวตนของแกเป็นทายาทคนโตของราชวังศ์เฝิง เล็งไปที่จิ่วโจว มีคนเพียงไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้หญิงของแกแม้ว่าแกจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมจากตระกูลบู๊โบราณ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเลือกสามัญชนธรรมดามาเป็นภรรยาล่ะ”
หม่าชาวหัวเราะเยาะ “ในสายตาของพวกผู้ยิ่งใหญ่ มีเพียงอำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น ไม่รู้ว่าอะไรคือครอบครัว อะไรคือความรัก ถ้าแกให้ฉันเลือกระหว่างอำนาจ ครอบครัว เพื่อน ฉันจะเลือกครอบครัวกับเพื่อนอย่างไม่ลังเล”
เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าชาว ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็มืดมัวลงทันที และเขาก็พูดอย่างโกรธเคือง “แกคิดว่าฉันไม่กล้าฆ่าแกจริงๆ เหรอ แม้ว่าแกจะเป็นลูกชายของฉันเฝิงจื้อหย่วน ถ้าทำให้ฉันโกรธ ฉันก็กล้าที่จะฆ่าแก!”
ชายวัยกลางคนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฝิงจื้อหย่วน องค์ชายรองของราชวงศ์เฝิง และเป็นพ่อแท้ๆของหม่าชาว
เมื่อมองไปที่เฝิงจื้อหย่วนด้วยความโกรธ หม่าชาวไม่กลัวแม้แต่นิดแล้วแสยะยิ้ม “ฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับแก เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ที่แกจะฆ่าฉัน แต่ว่า ฉันขอเตือนแกอย่างหนึ่ง แกอย่าฆ่าฉันจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าฉันกลัวตาย แต่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพรสวรรค์ด้านวิถีบู๊ของพี่ใหญ่ฉันแข็งแกร่งขนาดไหน การฆ่าฉันจะนำความพินาศมาสู่ราชวงศ์เฝิง”
เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าชาว เฝิงจื้อหย่วนก็หัวเราะเยาะ “แกกำลังพูดถึงหยางเฉินใช่ไหม มันเป็นเพียงเทพสงครามในกองยุทธการที่เกษียณไปแล้ว ฉันยอมรับว่าพรสวรรค์ด้านวิถีบู๊ของมันแข็งแกร่งมาก ยังอายุไม่ถึง 30 ก็ได้ครอบครองพลังแดนเหนือมนุษย์แล้ว แต่แล้วไงหล่ะ? ที่นี่มีแม้กระทั่งแดนเหนือมนุษย์ชั้นยอดขั้นเจ็ดก็มี แค่พลังระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นสามเพียงคนเดียว จะทำอะไรราชวงศ์เฝิงของฉันได้? ”
หม่าชาวเพียงแต่หัวเราะอย่างเย็นชา ในขณะที่มองไปที่เฝิงจื้อหย่วน ในแววตากยังมีความสงสารอยู่เล็กน้อย ราวกับสงสารเฝิงจื้อหย่วนที่ดูคนไม่เป็น
เฝิงจื้อหย่วนกล่าวด้วยสีหน้าที่มืดมน “ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย สละทุกสิ่งในโลก ยอมรับว่าตัวเองเป็นทายาทคนโตของราชวงศ์เฝิง แล้วกลายเป็นรัชทายาทรุ่นที่สามของราชวงศ์อย่างเชื่อฟัง แล้วเราพ่อลูกก็มาร่วมมือกัน เพื่อจัดการกับวิธีการของเฝิงจื้อเอ้า”
ไม่รอให้หม่าเฉาระเบิดความโกรธ เฝิงจื้อหย่วนรีบพูดต่อ “ใช่แล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่ฉันเกือบลืมบอกแกไป เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว มีคนชื่อเฝิงเสียวหว่าน แล้วก็ลูกชายของแก ถูกพาตัวมาที่ราชวงศ์เฝิงด้วยกัน จะว่าไปฉันก็ถือว่าเป็นปู่ของไอ้น้อยคนนั้น แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ทำร้ายเขา เพราะเขาคือทายาทคนโตของราชวงศ์เฝิงรุ่นที่สี่ของเรา และยังพูดได้ว่าเป็นรัชทายาทรุ่นที่สี่ของราชวงศ์เฝิง”
บูม!
เฝิงเสียวหว่านพูดจบ และคลื่นความโกรธก็ปะทุออกมาจากตัวของหม่าชาว
หม่าเชาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แขนขาและข้อมือที่เปื้อนไปด้วยเลือด กลับน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ในห้องลับ มีแต่เสียงที่โซ่เหล็กกระทบกัน
หม่าชาวพูดด้วยสีหน้าดุร้าย “ไอ้สารเลว! ถ้าลูกชายของฉันมีแผลแม้แต่นิดเดียว ฉันจะไม่มีวันให้อภัยแกแน่!”
เฝิงจื้อหย่วนหัวเราะเยาะ “มีแต่พวกไร้ความสามารถเท่านั้น ที่จะข่มขู่คนอื่นด้วยคำพูดที่รุนแรง จะว่าไงดี ฉันก็มีความแข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้า อย่างแกจะทำอะไรฉันได้?”
“ตอนนี้ แกทำได้แค่เชื่อฟังแล้วยอมรับตัวตนของตัวเอง แล้วกลายเป็นรัชทายาทรุ่นที่สามของราชวงศ์เฝิง มิฉะนั้น แกจะถูกขังอยู่ในห้องลับนี้ไปตลอดชีวิต หรือก็คือ ถ้าแกไม่ยอมรับตัวตนของตัวเอง แกก็อย่าได้คิดที่จะได้เจอครอบครัวและเพื่อนของแก”