The king of War - บทที่ 1604 รักษาหายได้ไหม
บทที่ 1604 รักษาหายได้ไหม
สัมผัสถึงกลิ่นอายอันยิ่งใหญ่พวกนี้ล็อกตนเองเอาไว้ หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมา เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง สถานที่เดินทางของตนเอง เหมือนว่าถูกผู้แข็งแกร่งของเมืองเหมียวรู้เข้าแต่แรกแล้ว
มิฉะนั้น ทำไมตนเองเพิ่งมาถึงเมืองเหมียว ถึงถูกผู้แข็งแกร่งมากขนาดนี้จ้องไว้?
ประเด็นคือ กลิ่นอายวิถีบู๊บนตัวของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แกร่งมาก ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าขึ้นไป
ที่นี่คือเมืองเหมียวเขตหลัก และก็เป็นเมืองที่เจ้าเมืองแห่งเมืองเหมียวพักอยู่ อยากจะมุ่งหน้าไปสิบสามเขตอื่นในเมืองเหมียว ทำได้เพียงโดยสารเครื่องบินเข้าไปจากเขตหลัก
ว่าตามแผนการของหยางเฉิน เดิมเขาคิดว่าพอถึงเมืองเหมียวเขตหลักแล้ว ค่อยไปตามหาต้นหญ้าคืนจิตที่เมืองเหมียวแดนที่เก้า
หลิวเหล่าก้วยที่โดนเขาฆ่าตาย เป็นศิษย์พี่ของหวงจิ้นเจ้าแดนแห่งเมืองเหมียวแดนที่เก้า คงมีสักวันหนึ่ง หวงจิ้นจะไปหาเขาเพื่อแก้แค้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สู้ไปเจอหวงจิ้นในตอนนี้สักหน่อย
“ออกมาให้หมดเถอะ!”
หลังหยางเฉินมาถึงพื้นที่ค่อนข้างเงียบแห่งหนึ่ง จึงพูดจาเสียงดังฟังชัด
เมื่อเขาเพิ่งพูดจบ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สามคน ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างกายของหยางเฉิน
หยางเฉินถามด้วยเสียงเย็นชา “พวกคุณเป็นใคร? ทำไมต้องจ้องผมไว้ด้วย?”
สิ่งที่ทำให้หยางเฉินตกใจคือ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สามคนนี้ ล้วนเป็นชายวัยกลางคน คนที่อายุน้อยที่สุดคนนั้น ดูขึ้นมาท่าทางอายุเพียงสี่สิบปี
ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งที่เขาสัมผัสพบเจอมา โดยพื้นฐานเป็นผู้แข็งแกร่งอาวุโสที่อยู่มาหกสิบเจ็ดสิบปีกันแล้ว แวบหนึ่งผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์อายุสี่สิบห้าสิบปีสามคนปรากฏตัวขึ้น ยังเป็นครั้งแรก
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ที่อายุประมาณสี่สิบปีคนนั้น เอ่ยปากบอกว่า “พวกเรามาจากคฤหาสน์เจ้าเมืองครับ เจ้าเมืองของพวกเรามีคำเชิญ! ขอเชิญคุณหยางตามพวกเราไปด้วยครับ!”
น้ำเสียงและท่าทีของอีกฝ่าย กลับเคารพนบนอบมาก
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว “เจ้าเมืองของเมืองเหมียว อยากเจอผม?”
เขาคิดไม่ออกจริงๆ เจ้าเมืองของเมืองเหมียวจะเจอตนเองได้อย่างไร ประเด็นคือ เขามาเมืองเหมียวเป็นครั้งแรก และเคยพบปะเพียงผู้แข็งแกร่งของแดนที่เก้าแห่งเมืองเหมียว
แต่ว่าตอนนี้ เจ้าเมืองของเมืองเหมียวกลับอยากเจอตนเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นี่เป็นเขตอิทธิพลของเมืองเหมียว ว่าตามข้อมูลพวกนั้นที่หลิวเหล่าก้วยบอกหยางเฉินดูแล้ว ความสามารถเจ้าเมืองของเมืองเหมียว มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า
หยางเฉินก็แค่มีเพียงความสามารถจองแดนเหนือมนุษย์ขั้นหก ถ้าเจ้าเมืองของเมืองเหมียวอยากคิดไม่ซื่อต่อตนเอง ยังง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
แต่ว่า ถ้าเจ้าเมืองของเมืองเหมียวอยากฆ่าเขาจริง ทำไมถึงส่งคนมาเชื้อเชิญเขาด้วย?
คิดถึงตรงนี้ หยางเฉินเอ่ยปากบอก
“ในเมื่อเจ้าเมืองมีคำเชิญ ย่อมต้องไปแน่!
นำทางเถอะครับ!”
เวลานี้โรลส์-รอยซ์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ด้านข้างสามสี่คนนี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ที่เป็นหัวหน้าคนนั้นเอ่ยปากบอก “คุณหยาง เชิญครับ!”
มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่เป็นหัวหน้าตามหยางเฉินขึ้นรถไปด้วยกัน ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์สองคนที่เหลือ ไม่นานหายลับไปจากที่เดิม ไม่รู้ว่าไปที่ไหนกัน
หยางเฉินถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร?”
อีกฝ่ายเอ่ยปากตอบ “ผมชื่อเหมียวหง!”
หยางเฉินพยักหน้า ถามว่า “เจ้าเมืองของพวกคุณ ตามตัวผมมีธุระอะไรเหรอ?”
เหมียวหงส่ายหน้า “เรื่องของเจ้าเมือง พวกผมไม่กล้าคาดเดาเหลวไหล!”
ท่าทางของเหมียวหงเคร่งขรึมอย่างมาก พูดจาก็มีระเบียบแบบแผน
หยางเฉินสอบถามอีกว่า “คุณรู้หรือเปล่า สถานที่ไหนในเมืองเหมียว มีต้นหญ้าคืนจิตบ้าง?”
เหมียวหงส่ายหน้า “ไม่รู้ครับ!”
ถึงแม้หยางเฉินมาถึงเมืองเหมียวแล้ว แต่ว่าจนถึงตอนนี้ ล้วนไม่รู้ว่าที่ไหนมีต้นหญ้าคืนจิต
สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังคือ เหมียวหงก็ไม่รู้ชัดเช่นกัน
เห็นท่าทางที่อยู่ในระเบียบแบบแผนของเหมียวหง หยางเฉินรู้ว่า ต่อให้เขายังถามมากต่อไปอีก กลัวว่าเหมียวหงคงไม่พูดข้อมูลมีประโยชน์อะไรออกมาหรอก
ผ่านไปยี่สิบนาที รถค่อยๆ ขับสู่ที่ดินแห่งหนึ่ง สุดท้ายจอดอยู่หน้าอาคารสไตล์โบราณหลังหนึ่ง
“พี่หยาง!”
หยางเฉินเพิ่งลงรถ เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจดังขึ้น
“หยางเฉิน นายมาได้อย่างไร?”
ตามมาด้วย มีเสียงที่คุ้นเคยอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
ตอนที่หยางเฉินมองเห็นทั้งสองคน
“ฉันตามหาพวกเธอนานมากเลย นึกไม่ถึงจะหาพวกเธอเจอที่นี่แล้ว”
ตะลึงค้างแล้ว สักพักหนึ่งถึงได้สติกลับมา พูดด้วยท่าทางขมขื่น
ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ ก็คือเฝิงเสียวหว่านกับอ้ายหลิน
เวลานี้ อ้ายหลินยังอุ้มเสี่ยวจิ้งอันไว้ในอ้อมอก ดูขึ้นมาเสี่ยวจิ้งอันโตขึ้นมากเลยทีเดียว กำลังหลับปุ๋ยอยู่
สีหน้าของเฝิงเสียวหว่านกับอ้ายหลินดีมากๆ ดูแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นี่คงไม่เลวดี
หน้าอาคารสไตล์โบราณหลังนี้ ยังมีสวนผักแปลงหนึ่ง ในสวนผักปลูกผักนานาชนิด
ส่วนลักษณะการแต่งตัวของเฝิงเสียวหว่านและอ้ายหลิน ก็เป็นการแต่งตัวของคนเมืองเหมียว
หยางเฉินพูดว่า “เจ้าเมืองของเมืองเหมียวส่งคนไปเชิญฉันมา”
เขาไม่ได้บอกสถานการณ์ของหม่าชาว กลัวว่าอ้ายหลินจะเป็นห่วง
อ้ายหลินก็พูดว่า
“ลุงเฝิงส่งพวกเรามา ตอนแรกเขาบอกว่าราชวงศ์เฝิงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อันตรายมากๆ เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของหม่าชาว เขาบอกว่าจะส่งพวกเราไปในที่ปลอดภัย
ผลปรากฏว่ากลับถูกส่งมาที่นี่แล้ว”
หยางเฉินถามอีกว่า “พวกเธออยู่ที่นี่สบายดีนะ?”
อ้ายหลินพยักหน้า “นอกจากไม่ได้อยู่ด้วยกันกับหม่าชาวแล้ว อย่างอื่นสบายหมด บางครั้งฉันก็คิดว่า รอต่อไปพวกเราแก่แล้ว ฉันจะหาสถานที่แบบนี้สักแห่ง ใช้ชีวิตที่เหลือกับหม่าชาว”
หยางเฉินหัวเราะแล้ว “ต้องมีวันนั้นแน่!”
เฝิงเสียวหว่านก็หัวเราะแล้วบอกว่า “ถึงตอนนั้น ฉันก็จะตามพวกพี่อยู่”
อ้ายหลินหัวเราะพูดขึ้น “ได้ ถึงตอนนั้นฉันกับหม่าชาว หยางเฉินกับฉินซี ยังมีเธอด้วย ถึงตอนนั้นหาสามีให้ตัวเองสักคน พวกเราหาสถานที่ห่างไกลจากเมืองวุ่นวาย ใช้ชีวิตยามแก่กัน”
พูดจบ อ้ายหลินมองทางเสี่ยวจิ้งอันในอ้อมอกด้วยท่าทางรักใคร่เอ็นดู ใบหน้าเต็มไปด้วยความรัก
ทันใดนั้นหัวใจของหยางเฉินหนักหน่วงพอสมควร ปัจจุบันนี้หม่าชาวโดนลูกแก้วดูดเลือดกลืนกินจิตสำนึกแล้ว ถ้าไม่มีต้นหญ้าคืนจิต คงไม่มีทางฟื้นกลับมาโดยสมบูรณ์
ถ้าหากว่า หม่าชาวไม่ตื่นตัวไปตลอด งั้นควรทำอย่างไรดี?
“หม่าชาวเกิดเรื่องแล้วหรือเปล่า?”
หยางเฉินกำลังกังวล ทันใดนั้นอ้ายหลินเงยหน้ามองทางเขาแล้วถามขึ้น
ชั่วขณะหนึ่งหยางเฉินตกใจ รีบตอบว่า “จะเกิดอะไรได้ที่ไหน? เธอวางใจก็พอ ตอนนี้หม่าชาวสบายดี ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น”
เบ้าตาอ้ายหลินแดงขึ้นมากะทันหัน มองหยางเฉินแล้วพูดว่า “พี่เฉิน นายไม่เคยพูดโกหก พอโกหก สีหน้าจะไม่ปกติเลย นายสบายใจได้ ฉันจะไม่ร้องไห้โวยวาย เขาเป็นสามีของฉัน ฉันแค่อยากรู้ว่าสามีของตัวเอง ตอนนี้สบายดีหรือไม่”
เฝิงเสียวหว่านก็ตาแดงก่ำมองทางหยางเฉินเหมือนกัน
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเงียบงัน ไม่รู้ว่าต้องเอ่ยปากอย่างไร
เขาอยากจะตามหาอ้ายหลินและเฝิงเสียวหว่านมาตลอด แต่ว่าตอนนี้หาคนเจอแล้ว กลับไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไร
สักพักหนึ่ง เขาถึงเอ่ยปากบอกว่า “สถานการณ์ของหม่าชาวค่อนข้างพิเศษ ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต เพียงแค่โดนลูกแก้วดูดเลือดกลืนกินส่วนจิตสำนึกไป ครั้งนี้ฉันมาเมืองเหมียว เพราะได้ยินว่าเมืองเหมียวมีต้นหญ้าคืนจิต ดังนั้นถึงมาตามหาต้นหญ้าคืนจิต”
หลังจากนั้น หยางเฉินก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไปรอบหนึ่ง
หลังพูดจบ อ้ายหลินน้ำตานองหน้าตั้งนานแล้ว
เธอเช็ดน้ำตา ตาแดงก่ำพูดขึ้น “พี่เฉิน ขอบคุณนายที่บอกเรื่องพวกนี้กับฉันนะ นายวางใจได้ ฉันจะเข้มแข็ง จะไม่กลายเป็นภาระของพวกนายเด็ดขาด”
หยางเฉินพยักหน้า มองทางเฝิงเสียวหว่านถามว่า “เสียวหว่าน สถานการณ์พี่ชาวของเธอในตอนนี้ เธอคงเข้าใจคร่าวๆ แล้ว เธอมีวิธีรักษาเขาให้หายไหม?