The king of War - บทที่ 1629 ผู้แข็งแกร่งเมืองหวยเฉิง
บทที่ 1629 ผู้แข็งแกร่งเมืองหวยเฉิง
การฝึกฝนของหยางเฉินในครั้งนี้กินเวลาตลอดทั้งคืน เมื่อเขาเสร็จสิ้นการฝึกฝน เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าพิษกู่ในร่างกายของเขาดูเหมือนจะเข้าสู่สภาวะหลับใหล
เมื่อคืนหยางเฉินได้รับการฝึกฝนในสภาพกระตุ้นสายเลือดบ้าคลั่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาฝึกฝนด้วยวิธีนี้ สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความเร็วในการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในที่สุดเขาก็มีวิธีที่จะสกัดกั้นพิษกู่ไร้หัวใจแล้ว
แต่ในขณะที่เขากำลังมีความสุข ความเจ็บปวดได้แผ่ซ่านออกมาจากภายในร่างกายของเขาในทันใด พิษกู่ไร้หัวใจฟื้นพลังชีวิตและเริ่มกัดกินหัวใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง
หยางเฉินหน้านิ่วคิ้วขมวด สูดหายใจเข้าลึกๆ รีบกระตุ้นสายเลือดบ้าคลั่ง
เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เมื่อเขากระตุ้นสายเลือดบ้าคลั่ง พิษกู่ไร้หัวใจจะไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก แต่จะซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่ง
หยางเฉินพึมพำกับตัวเอง “ดูเหมือนว่า ก่อนจะจัดการพิษกู่ไร้หัวใจได้ ฉันจำเป็นต้องกระตุ้นสายเลือดบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้พิษกู่ไร้หัวใจสงบลงได้”
ทันทีที่เดินออกมาจากห้อง ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น “พี่หยาง พี่เป็นยังไงบ้าง?”
“เสียวหว่าน! เธอกลับมาได้ยังไง?”
หยางเฉินแปลกใจมากที่เห็นเฝิงเสียวหว่าน
อ้ายหลินพูดด้วยสีหน้ากังวล “ฉันขอให้เธอกลับมาเอง”
ที่แท้อ้ายหลินก็เป็นคนเรียกกลับมา เห็นได้ชัดว่า เฝิงเสียวหว่านรู้อาการป่วยของเขาแล้ว
หยางเฉินพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวล ฉันพบวิธีจัดการกับพิษกู่ไร้หัวใจแล้ว”
สองสาวมีสีหน้าประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย มองไปที่เฝิงเสียวหว่านและพูดว่า “เธอสามารถตรวจร่างกายฉันได้เลย”
เพื่อไม่ให้อ้ายหลินและเฝิงเสียวหว่านต้องเป็นห่วง เขาต้องบอกให้เฝิงเสียวหว่านตรวจร่างกายเขาด้วยตัวเอง
เฝิงเสียวหว่านวางนิ้วลงบนข้อมือของหยางเฉิน
หลังจากนั้นไม่นานก็เอามือออก มองหยางเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าพี่ใช้วิธีไหนบังคับพิษกู่ไร้หัวใจให้หลบมุม
แต่พิษกู่ไร้หัวใจก็ยังคงอยู่”
“ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพิษกู่ไร้หัวใจ
เต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง ฆ่าให้ตายยากมาก”
พิษกู่ชนิดนี้น่ากลัวมา มันคือพิษกู่ที่บริโภคเลือดของผู้ถูกพิษ
“ต่อให้คุณบังคับพิษกู่ไร้หัวใจให้เข้าไปในเขตอันตรายภายในร่างกายได้
มันก็ไร้ประโยชน์ เว้นแต่คุณจะควบคุมพิษกู่ไร้หัวใจเอาไว้ได้ตลอดเวลา มิฉะนั้นตราบใดที่มันยังคงอยู่ในร่างกายของคุณ
มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตคุณอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฝิงเสียวหว่าน
หยางเฉินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่าจะสามารถใช้สภาวะสายเลือดบ้าคลั่ง เพื่อบังคับให้พิษกู่ไร้หัวใจไปยังบริเวณที่ไม่มีอันตรายภายในร่างกาย
แล้วรอจนกว่าพิษกู่ไร้หัวใจจะอดตาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพลังชีวิตของมันจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาฝึกฝนมาตลอดทั้งคืน พอฝึกฝนเพิ่งเสร็จ พิษกู่ไร้หัวใจก็คืนชีพกลับมาทันที
หยางเฉินถามขึ้น “ดังนั้น ตราบใดที่ฉันสามารถควบคุมสภาวะนี้ได้ ก็ไม่มีคำว่าอยู่ได้เพียงเจ็ดวันอีกต่อไป?”
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้า “ใช่! ตราบใดที่ยังอยู่ในสภาพนี้ พิษกู่ไร้หัวใจก็จะหลับและไม่สามารถทำร้ายคุณได้”
“แต่คุณแน่ใจหรือว่าคุณสามารถรักษาสภาพนี้ไว้ได้ตลอดเวลา?”
หยางเฉินส่ายหน้าแล้วพูดตามความจริง
“ฉันพบว่า เมื่อใช้สายเลือดที่ฉันกระตุ้น แล้วสามารถป้องกันพิษกู่ไร้หัวใจไม่ให้ทำร้ายฉันได้
แต่ฉันจำเป็นต้องคอยกระตุ้นสายเลือดอยู่ตลอดเวลา”
“สถานะเช่นนี้ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ตลอด ต้องคอยกระตุ้นอยู่เสมอ และมันจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อร่างกายของฉัน หากฉันคอยกระตุ้นพลังเลือดบ้าคลั่งตลอดเวลา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อ้ายหลินก็พูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “เสียวหว่าน คุณมีวิธีกำจัดพิษกู่ไร้หัวใจที่อยู่ในร่างกายของพี่เฉินแล้วหรือยัง?”
เฝิงเสียวหว่านส่ายหัว “ฉันก็กำลังศึกษามันอยู่
ฉันอ่านข้อมูลมามากมาย แต่ไม่มีวิธีไหนที่จะกำจัดพิษกู้ไร้หัวใจได้”
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาพิษกู่ไร้หัวใจออกมา
อ้ายหลินถามอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่มีทางอื่นอีกแล้วเหรอ? เช่นการใช้ยาเพื่อขับไล่พิษกู่ไร้หัวใจออกจากร่างกายของพี่เฉิน?”
เฝิงเสียวหว่านกล่าวว่า “ฉันกำลังศึกษาอยู่ แต่ยังไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆ”
หยางเฉินเห็นสีหน้าจริงจังของหญิงสาวทั้งสอง ก็ยิ้มเป็นการปลอบโยน “ไม่ต้องกังวล
ตอนนี้ฉันยังควรักษาสถานะสายเลือดบ้าคลั่งเอาไว้ได้อยู่ ลำพังแค่พิษกู่ไร้หัวใจ
จะมาเอาชีวิตของฉัน อย่าได้ฝันไปเลย”
เฝิงเสียวหว่านพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉันจะพยายามคิดหาวิธีอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยพี่จัดการกับอันตรายที่แฝงอยู่อย่างพิษกู่ไร้หัวใจ”
“พี่หยาง ไม่ต้องกังวล
แต่หยางเฉินกลับส่ายหน้าและมองไปยังหม่าชาวที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ
เขากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ตอนนี้ฉันสามารถบังคับพิษกู่ไร้หัวใจให้อยู่ในที่ที่ไม่สามารถทำร้ายฉันได้และจะไม่มีอันตรายใดๆ สำหรับในเวลานี้
ฉันเกรงว่าหากเขาอยู่ในสภาพนี้นานเกินไป ต่อให้ฟื้นคืนมาได้ ก็อาจจะสูญเสียความตระหนักรู้ไปบางส่วน”
เธอไปคิดหาวิธีที่จะช่วยนำพาจิตสำนึกของหม่าชาวกลับคืนมา
เฝิงเสียวหว่านพยักหน้า
“พี่หยางไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้เบาะแสบางอย่างจากทางพี่หม่าแล้ว อีกไม่นานก็จะสามารถเรียกให้เขาตื่นได้
ตอนนี้อันตรายที่แท้จริงก็คือคุณ หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณ พวกเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเลวร้าย”
อ้ายหลินยังกล่าวอีกว่า
พวกเราที่พึ่งพาคุณเพื่อความอยู่รอด จะถูกคุกคามด้วยความตาย”
“เสียวหว่านพูดถูก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ
หยางเฉินรู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่แบกไว้บนบ่าของตน จึงกล่าวอย่างจริงจังว่า “พวกเธอไม่ต้องกังวล ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง!”
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปฝึกฝนก่อน”
พูดจบเขาก็หันหลันเดินจากไป
แต่ในขณะนั้นเอง ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากข้างนอก “คุณหยาง พวกเราเข้าไปได้ไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว หยางเฉินก็ตกตะลึง เฝิงเสียวหว่านก็ประหลาดใจ “ดีจังเลย! คุณปู่ซ่งจั่วและซ่งโย่วกลับมาแล้ว!”
เธอพูดพลางวิ่งไปเปิดประตู
เห็นเพียงสองพี่น้องตระกูลซ่ง ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
“คุณปู่จั่วโย่ว พวกคุณเป็นอะไรไป?”
ทันทีที่ทั้งสองผ่านเข้าประตูมา เฝิงเสียวหว่านก็อุทานออกมาทันที พลางรีบก้าวเข้าไปคอยพยุงสองพี่น้องจั่วโย่ว
ในเวลานี้สองพี่น้องตระกูลซ่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
หยางเฉินก็รีบมาอยู่ข้างกายสองพี่น้องจั่วโย่ว ไม่นานเขาพบว่าวิถีบู๊ของซ่งจั่วและซ่งโย่วสองพี่น้องถูกทำลายลงแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉันจะพยายามคิดหาวิธีอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยพี่จัดการกับอันตรายที่แฝงอยู่อย่างพิษกู่ไร้หัวใจ”
แต่หยางเฉินกลับส่ายหน้าและมองไปยังหม่าชาวที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ
หลังจากหยางเฉินและเฝิงเสียวหว่านช่วยประคองสองพี่น้องซ่งจั่วซ่งโย่วให้นั่งบนโซฟาแล้ว ก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ซ่งโย่วดวงตาแดงก่ำ กัดฟันพลางพูดว่า “ก่อนหน้านี้เสียวหว่านต้องการช่วยคุณ ขาดสมุนไพรล้ำค่าไปไม่กี่อย่าง พวกเราดั้นด้นไปทุกหนทุกแห่งเพื่อค้นหาพวกมัน สุดท้ายพลัดเข้าไปในเมืองหวยเฉิง แล้วถูกไล่ล่าโดยผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิง”
“พวกเราก็วิ่งไปจนสุดทาง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหลุดพ้นจากการตามล่าของผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิง เพียงแต่ว่าวิถีบู๊ได้ถูกทำลายลงแล้ว”
ซ่งจั่วมีสีหน้าเศร้าหมอง ในสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง
เฝิงเสียวหว่านพูดด้วยความเศร้าโศกและขุ่นเคือง “ใครกันที่เลวทรามแบบนี้ มาทำลายวิถีบู๊ของคุณปู่จั่วกับคุณปู่โย่ว?”
สิ้นเสียงของเธอ พลังแห่งวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเมฆา
สีหน้าของสองพี่น้องตระกูลซ่งย่ำแย่ลงถึงขีดสุดอย่างน่าสะพรึงกลัว กัดฟันพูดว่า “ผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิงกำลังไล่ตามมาแล้ว!”