The king of War - บทที่ 1657 ขอยืมเรือเข้าทำศึก
บทที่ 1657 ขอยืมเรือเข้าทำศึก
เห็นหยางเฉินขึ้นไปบนเรือเจียงเฉิงจื่อ เหล่าจิ่วกับหวยหลันให้รู้สึกงุนงง เจียงเฉิงจื่อ
“ก็บอกแล้วไง พวกคุณจะใช้เรือของข้าออกไปไม่ได้ แล้วนี่คุณหมายถึงยังไง?”
หัวเราะเหอ ๆ มองหยางเฉินพลางพูดว่า
หยางเฉินเอ่ยปากพูดว่า “ท่านก็บอกแล้ว
พวกเราจะใช้เรือของท่านออกจากไปไม่ได้ ผมก็เพียงขอนั่งพักชั่วคราวสักครู่เดียว ไม่ได้คิดจะออกจากเมืองหวยเฉิง เมื่อสักครู่นี้ท่านผู้อาวุโสพูดเองว่า ชาตินี้จะไม่ทำอะไรที่เป็นการผิดคำพูด
ท่านก็ได้แจงให้รู้แล้วว่า เพียงแค่ไม่ได้ใช้เรือของท่านออกไป ท่านก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยกับอะไรให้มากเรื่อง”
เจียงเฉิงจื่อ
หัวเราะและพูดไปว่า “ข้าก็อยากรู้มากเลยนะ ถ้าไม่ใช้เรือข้าข้ามแม่น้ำหวยเหอ
เจ้ายังจะใช้วิธีไหนได้ในการออกจากที่นี่ไป”
หยางเฉินก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ขอขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสด้วย!”
พูดจบ
เขาก็มองไปที่เหล่าจิ่วกับหวยหลัน พูดว่า “ท่านจิ่ว
พวกท่านขึ้นเรือสิ!”
เหล่าจิ่วถึงแม้ไม่เข้าใจว่าหยางเฉินจะทำอะไร
แต่ก็รู้ดีว่า หยางเฉินลองถ้าทำแล้ว จะต้องมีเหตุผลของเขาแน่นอน ฉะนั้นก็ขึ้นเรือไป
หวยหลันก็รีบตามไปด้วย
หยางเฉินมองเจียงเฉิงจื่อ พูดว่า “ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่คิดจะขึ้นไปบนเรือด้วยหรือ?”
เจียงเฉิงจื่อ
หัวเราะ แล้วก็ตามขึ้นเรือไป
หยิบเอากระบอกน้ำเต้าใส่เหล้า กระดกดื่มไปคำใหญ่
หยางเฉินคว้าพายในเรือมาพาย เรือลำน้อยลอยมุ่งไปกลางลำน้ำ
เจียงเฉิงจื่อ ยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
และก็ไม่ได้ห้ามปราม ปล่อยให้หยางเฉินพาเรือลอยสู่กลางลำน้ำ
ไม่นานนัก เรือลำน้อยหยุดอยู่ที่กลางลำน้ำ หยางเฉินจึงได้หยุดลง
มองไปที่เจียงเฉิงจื่อ พูดว่า
“ท่านผู้อาวุโสเจียง พวกเราจะนั่งพักตรงบริเวณนี้สักพัก ท่านไม่มีอะไรขัดข้องนะครับ?”
เจียงเฉิงจื่อ หัวเราะพลางพูดว่า
“ไม่มีปัญหา ขอเพียงไม่ได้เอาเรือของข้าออกพ้นจากไปก็แล้วกัน
เห็นแก่หน้าท่านเจ้าเมืองเหมียว ทุกอย่างแล้วแต่พวกเจ้า”
พูดจบ
เจียงเฉิงจื่อ ก็ยกกระบอกน้ำเต้าเหล้า
กระดกเข้าไปอีก
เหล่าจิ่วขมวดคิ้วย่น มองหน้าหยางเฉินถามว่า “คุณมีความคิดไว้ยังไงหรือ?”
หวยหลันค่อนข้างจะร้อนรนพูดว่า “ถ้ายังไม่รีบไป กองกำลังใหญ่เมืองหวยเฉิงมาถึง เราจะหนีก็คงหนีไม่ได้แล้วนะ”
ขณะกำลังพูดอยู่นั้น ทุกคนที่อยู่บนเรือ มองไปลิบ
ยังมีเรือเล็กอีกสามลำ กำลังแล่นมุ่งตรงมากลางน้ำอย่างรวดเร็ว
ๆ เห็นผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิงปรากฏขึ้นสิบกว่านาย อีกทั้งที่ริมฝั่งน้ำ
หวยหลันร้อนรนขึ้นมาในพลัน
“พี่หยาง ผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิงกำลังมากันแล้ว รีบคิดหาทางเร็ว
ๆ!”
หยางเฉินหัวเราะพลางพูดว่า “ไม่มีอะไรต้องรีบร้อน ถ้าพวกเขาไม่มา พวกเราจะออกจากเมืองหวยเฉิงได้ยังไงเล่า?”
พอพูดคำนี้ออกไป เหล่าจิ่วรู้แจ้งขึ้นมาในพลัน รอยยิ้มโผล่ขึ้นมาบนใบหน้า
“เป็นอย่างนี้นี่เอง คุณคิดใช้เรือของพวกเขา ออกจากเมืองหวยเฉิงนี่เอง!”
หยางเฉิงหัวเราะและผงกหัว
“ในเมื่อเราไม่สามารถเอาเรือของท่านผู้อาวุโสเจียงออกไปได้ แล้วพวกผู้แข็งแกร่งแห่งเมืองหวยเฉิงจะมาตามพวกเราก็ต้องใช้เรือมา ก็รอให้พวกเขามาแล้ว
พวกเราก็ขอยืมเรือพวกเขามาใช้ในการออกจากไป มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”
เหล่าจิ่วอยู่ในระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ในเมืองหวยเฉิง ก็จะมีเพียงเจ้าเมืองหวยเฉิงและราชายาสองคนนี้ ที่ไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าแล้ว
ฉะนั้นจึงพูดได้ว่า เพียงพวกเขาไม่ปรากฏตัวมาด้วยตัวเอง ความหวังที่จะออกจากเมืองหวยเฉิงของพวกหยางเฉิง ก็จะมีมากขึ้นมาก
ๆ
เจียงเฉิงจื่อ
ก็หัวเราะขึ้นมา “เจ้าหนูน้อย
หัวไอ้เฒ่าอย่างข้า ยังกล้าเอามาเล่นด้วยรึ”
แต่ในน้ำเสียงของเขา ไม่ได้ส่อความเป็นศัตรู กลับฟังดูให้รู้สึกว่ามีความชื่นชมอยู่
ในขณะนั้นเอง เรือเล็กสามลำ ก็ได้เข้ามาล้อมเรือเล็กลำนี้ไว้แล้ว
“หยางเฉิน แกยังคิดจะหนีไปทางไหนได้อีก?”
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นผู้นำ อยู่ในระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด ตวาดใส่หยางเฉินอย่างเกรี้ยวกราด
เรือเล็กทั้งสามลำ รวมผู้แข็งแกร่งอยู่สิบห้านาย ผู้นำนั้นเป็นระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
ที่เหลือนั้น ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
ที่รองลงมา เป็นสองผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
กองกำลังที่เข้มแข็งขนาดนี้ ได้สร้างความกดดันให้กับหยางเฉินอยู่อย่างใหญ่หลวง
ลำพังพลังฝีมือตัวเขาเองในเวลานี้ พอจะฝืนระเบิดเอาพลังฝีมือระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดได้
หากแม้นจะระเบิดพลังเพิ่มมากขึ้นไป
กลัวว่าจะทำให้เสียสติได้
ส่วนเหล่าจิ่วนั้น น่ากลัวต้องให้ไปรับมือกับผู้แข็งแกร่งสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนายนั้น
ถ้าเป็นไปตามนี้
จะต้องต่อสู้กับสองผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด กับผู้แข็งแกร่งระดับฝีมือต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์อีกสิบสองนาย
ก็หมายถึงว่า หยางเฉินกับหวยหลันสองคน
ในตัวหวยหลันเองมีพลังฝีมือเพียงอยู่ที่สุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นสาม ไม่ว่าคนไหนในบรรดาผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ ไม่มีใครที่หล่อนจะสู้ได้เลย
จึงต้องบอกว่า หยางเฉินจะต้องรับมือกับสองผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด กับอีกสิบสองผู้แข็งแกร่งระดับต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดอีกสิบสองนาย
กระแสพลังบูโดบนตัวของเหล่าจิ่วระเบิดออกในทันใด ร่างกายขยับวูบ
กระโดดพุ่งขึ้นไปบนเรือเล็กลำหนึ่ง มุ่งใส่เข้าไปที่ผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนายหนึ่ง
“ปัง!”
แรงอัดใส่ไปอย่างหนัก
โดนอัดกระเด็นลอยไปหลายสิบเมตร ตกลงไปในน้ำแม่น้ำหวยเหอ
ผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนายนั้น กระเด็นลอยออกไปอย่างกับลูกบอลหนัง
ทันทีเดียวกันกับที่เหล่าจิ่วเปิดฉากลงมือ หยางเฉินก็ทะยานขึ้นไปบนเรือเล็กอีกลำหนึ่ง
ตรงเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดนายหนึ่ง
ขยับมือคืออัดเข้าให้
“ปึง!”
ไอ้ผู้แข็งแกร่งสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด ก็ถูกอัดกระเด็นลงน้ำไปในชั่วพริบตา
ชั่วเวลาเพียงสั้น
ๆ
ผู้แกร่งกล้าสิบห้านาย หนึ่งนายระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดกับหนึ่งนายระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด หมดสภาพในการจะทำการต่อสู้ได้แล้ว
“พวกแกรนหาที่ตาย!”
ผู้แข็งแกร่งสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดที่เป็นหัวหน้า หน้าเปลี่ยนสีในพลัน ความโกรธเต็มหน้า พุ่งตรงเข้าใส่เหล่าจิ่ว
เหล่าจิ่วพูดเสียงเยือก “คนที่จะหาที่ตาย คือพวกแก!”
“ปึง!”
สองสุดยอดผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด เข้าประมือกันในชั่วพริบตา
ในชั่วพริบตาที่เหล่าจิ่วเริ่มต้นระเบิดศึก หยางเฉินก็ได้ปราดเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งระดับเริ่มต้นแดนมนุษย์ขั้นแปดคนนั้น
ความฮึกเหิมเต็มอัตราศึก
สายเส้นเลือดคะนองกระเซ็นซ่าน เดินปราณตามกระบวนเทพสงคราม อานุภาพกระหน่ำโหมคลั่ง
จากภายในร่างกระจายแผ่ออก
เขาผู้มีเพียงพลังฝีมือจริงที่ระดับกลางแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ด ขณะนี้ดูเหมือนว่าผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดของแท้เสียงจริง พอเงื้อมือขึ้นก็ฟาดใส่
“ปึง!”
ผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
กับการโหมซัดมาปะทะกันของหยางเฉิน พลังที่บ้าคลั่ง
ทำเอาเรือเล็กนั่นเกือบพัง โอนเอนง่อนแง่นอย่างรุนแรง
“ฆ่ามัน!”
อีกสี่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่บนเรือลำเดียวกันนั้น โจมตีเข้าใส่หยางเฉินโดยพร้อมเพรียงกัน
แววตาของหยางเฉินทอประกายเยือก จิตวิญญาณกระตุ้นร่างกายพร้อมลุยทำศึก ส่งกำลังไปที่ขา เรือลำเล็กสะท้านไหว
ผู้แข็งแกร่งทั้งสี่นายจากหวยเฉิง ยังไม่ทันได้โถมใส่เข้ามา ตัวทั้งตัวก็ถูกโยนอย่างแรงจากเรือที่โคลง
และในชั่วจะกระพริบตา หยางเฉินพุ่งปราดออกไปดุจประกายแลบของสายฟ้า ชอนไชแทรกไปในช่วงที่ตากระพริบ
“ปึง ปึง ปึง!”
สี่ผู้แข็งแกร่งแห่งเมืองหวยเฉิง กระเด็นตกน้ำไปต่อเนื่อง
บนอีกลำเรือหนึ่ง เหล่าจิ่วก็กำลังรโจมตีใส่อย่างดุเดือด ยกเว้นผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์นายนั้น
นอกนั้น ทยอยกันกระเด็นตกไปในน้ำ
“ปัง”
เสียงดังสนั่นลั่น เรือเล็กลำหนึ่งระเบิดเละไปในพริบตา
ในขณะนั้น คงเหลือแต่เรือที่เหล่าจิ่วปะทะกับผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดนายนั้น
และยังมีเรือเล็กลำที่หยางเฉินกำลังสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปด
ส่วนผู้แข็งแกร่งจากหวยเฉินนอกจากจากนี้ ตกน้ำไปหมดสภาพเรียบร้อย
ส่วนหวยหลัน คงนั่งอยู่บนเรือของเจียงเฉิงจื่อ มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความอัศจรรย์ใจ
ตั้งแต่เหล่าจิ่ว
เริ่มต้นลงมือกับผู้แข็งแกร่งระดับต้นแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดมา จวบจนถึงตอนนี้ เวลาเพียงแค่สิบกว่าวินาที
ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคน เหลือเพียงสองคน