The king of War - บทที่ 1686 จบเห่เป็นแน่
ได้ยินที่ติงชางติงชางพูด เหล่าจิ่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบพูดขึ้นว่า “หยางเฉิน ฆ่ามันทิ้ง!”
เขารู้ดีถึงแรงจูงใจของของอาถรรพ์นี้ พูดได้ว่า ให้แม้แต่พวกกลุ่มระดับยอดตระกูลบู๊โบราณ ก็ยังใช่ว่าจะมีของของอาถรรพ์ ประเภทนี้ในครอบครอง
แต่ในเวลานี้ หยางเฉินมีมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ครอบครองอยู่ในมือ ย่อมคิดได้เลยว่า พอข่าวนี้แพร่กระจายออกไป จะนำพาเอาปัญหายุ่งยากถึงหยางเฉินขนาดไหน
ในเมื่อติงชางติงชางรู้จักมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉิน ฉะนั้นก็ต้องตายกับตาย
“เป็นเรื่องกันเลยจริง ๆ !ในมือผู้แข็งแกร่งเหนือแดนมนุษย์ขั้นเจ็ดกระจอกกระจอกคนหนึ่ง กลับมีของวิเศษแบบนี้อยู่ในครอบครองได้”
แววตาของติงชางติงชาง เต็มไปด้วยความโลภ สองตาจ้องอยู่แต่มีดพกในมือของหยางเฉิน
ตัวเขานั้นแม้อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นปลาย แต่ก็ห่างจากชั้นสุดยอดไม่ไกลแล้ว อีกทั้งเขายังมีเคล็ดวิชาระฆังทองซึ่งเป็นของประจำตระกูลติง
พูดได้ว่า ในการใช้พลังฝีมือของเขาอย่างเต็มที่แล้ว ถ้าผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขั้นเก้าไม่ออกมาเอง เขาก็คือผู้ไร้เทียมทาน
อีกถ้าเขาได้มีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉินมา ต่อให้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง เขาก็มีความเป็นไปได้ที่จะสังหารฝ่ายตรงข้ามได้
รอถึงให้พลังฝีมือของเขาไปถึงแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ต่อให้ผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นสุดยอด เขาก็ไม่หวั่น
หวยหลานตะโกนเสียงอย่างดัง “พี่หยาง ต้องฆ่ามันให้ตาย!”
หยางเฉินย่อมรู้ดีในเรื่องนี้ ตอนที่เขานำเอามีดพกเล่มนี้ขึ้นมา เขาก็ได้คิดถึงผลความเป็นไปไว้แล้ว ไม่ฆ่าติงชางติงชาง ก็ต้องถูกติงชางติงชางฆ่าแล้วยึดมีดพกไป
ในเมื่อต้องเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ยอมรอรับความตายแน่
ตัวเขาในเวลานี้ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยขีดรอยปริแตก ดูสภาพน่าสยดสยอง
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกำลังรองรับความกดดันที่หนักหน่วง
พลังของมีดพกเล่มนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งถึงขนาดทำให้เขาถึงขั้นที่จะรับไม่ไหวอยู่แล้ว
“ไปตายเถอะ!”
เขาย่ำขาลงไปอย่างรุนแรง ตัวร่างเหมือนระเบิดออก พุ่งใส่เข้าไปที่ติงชางติงชาง
และในขณะเดียวกัน เหล่าจิ่วก็ขยับตัว ตามหยางเฉินไปติด ๆ พุ่งเข้าหาติงชางติงชาง
ถึงแม้แขนเขาจะขาดไปข้างหนึ่ง แต่แขนอีกข้างหนึ่งยังอยู่ ถึงแม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของติงชางติงชาง แต่ก็พอช่วยหยางเฉินฆ่าติงชางติงชางได้อยู่
ติงชางติงชางไม่กล้าชล่าใจ พอมองเห็นหยางเฉินพุ่งเข้ามา เขาก็รีบขยับตัว หายออกไปจากที่เดิม
แต่ในขณะเดียวกันนั้น การรุกจู่โจมของหยางเฉินก็ถึงที่ ลงพอดีตรงจุดติงชางติงชางยืนอยู่เมื่อครู่นี้
เหล่าจิ่วซึ่งคาดเดาไว้อยู่แล้ว ติงชางติงชางจะต้องไม่กล้ารับมือโดยตรงกับการจู่โจมของหยางเฉินเป็นแน่ ในฉับพลันที่การจู่โจมของหยางเฉินพบกับความว่างเปล่า เงาร่างของเขาก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่ข้างหน้าติงชางติงชางแล้ว เงื้อแขนฟาดฝ่ามือลงไป
“ปึง!”
ติงชางติงชางเพิ่งปรากฏร่างขึ้น ก็ถูกฝ่ามือของเหล่าจิ่วฟาดใส่ ติงชางติงชางถึงกับเซถอยไม่เป็นท่า
แต่ทว่า พลังเคล็ดวิชาระฆังทองของเขายังไม่ได้สลายไป ฝ่ามือของเหล่าจิ่วที่ฟาดใส่ จึงไม่ได้ทำให้เกิดบาดเจ็บรุนแรง
“ไปตายซะ!”
ส่วนหยางเฉินในทันทีที่จู่โจมพลาด ก็ขยับมีดพกอีกครั้ง มุ่งพุ่งเข้าใส่ติงชางติงชาง
ติงชางติงชางถูกฝ่ามือเหล่าจิ่วฟาดกระเด็นออกไป ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็สัมผัสถึงกระแสอันตรายที่น่าสะพรึงกลัวจู่โจมเข้ามา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ใช้พละกำลังสุดชีวิต ขาถีบพื้น พาร่างถอยหลบไปอย่างแรง
“ผัวะ!”
แต่ การหลบของเขาก็ช้าไปนิดหนึ่ง มีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉิน ก็ปาดโดนตัวเขา กรีดเป็นบาดแผลเลือดออกเป็นทาง และในครั้งนี้ ยังเป็นแผลลึกขึ้นไปกว่าครั้งที่แล้วอีก
และในขณะนั้น การจู่โจมของเหล่าจิ่วก็ใส่ตามลงมาอีก
“ปึง!”
ติงชางติงชางโดนอัดใส่ ทั้งตัวเซถอยไปอย่างแรง
ส่วนหยางเฉินจู่โจมซ้ำลงไปอีก มุ่งใส่ลงบนตัวของเขา
“ผัวะ!”
“มีดที่สี่!”
การประสานกันของเหล่าจิ่วกับหยางเฉินเป็นไปอย่างแนบเนียน แต่ละครั้งที่จู่โจม ก็จะใส่ลงไปในทันทีที่ติงชางติงชางเซถอย อีกคนก็จะจู่โจมใส่ตาม
การโจมตีใส่ของเหล่าจิ่วยังไม่ได้มีผลบาดเจ็บถึงตายได้ แต่มีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉินนั้น ได้ทำให้บนแผงอกของติงชางติงชาง มีรอยแผลชัดเจนถึงสี่รอย
มาถึงนาทีนี้ ติงชางติงชางรู้สึกแล้วว่า ชีวิตของตัวเขาเองนั้นอันตรายเป็นถึงที่สุดแล้ว โดยเฉพาะบาดแผลจากมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ในมือของหยางเฉินนั้น ปาดรอยแผลใส่บนตัวของเขา เป็นบาดแผลฉกรรจ์ที่สาหัสมาก ๆ
เขามีลางสังหรณ์ว่า บาดแผลจากมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์นี้ น่ากลัวจะฟื้นฟูได้ยากมากด้วย
“หยางเฉิน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าแน่!”
ติงชางติงชางมองไปยังหยางเฉินด้วยใบหน้าที่ดูสยดสยองแล้วพูด พอขาดคำเสียงพูด ตัวก็พุ่งห่างพ้นออกไปอย่างไกล
หยางเฉิงกำลังจะตามไป เสียงเหล่าจิ่วดังมาจากข้างหลัง “ไม่ต้องตามแล้ว พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่!”
หยางเฉินลังเลขึ้นมาในทันที ถ้าปล่อยติงชางติงชางมีชีวิตรอดไป เรื่องที่เขามีมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์อยู่ในครอบครองก็จะถูกเปิดเผย ถึงเวลานั้นเขาจะต้องเผชิญกับพวกผู้แข็งแกร่งอีกมากมาย ที่มีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ดูเหมือนก็มองออกในความคิดของหยางเฉิน เหล่าจิ่วพูดอย่างเคร่งขรึม “ที่นี่เป็นเขตของเมืองซ่านเฉิง พวกเราคิดจะตามหาติงชางติงชางน่าจะยาก ถึงถ้าจะตามไปเจอ ก็คงต้องหลุดเข้าไปในบ้านตระกูลติง ถึงเวลานั้นพวกเราอาจจะถึงขนาดติดปีกก็ยังจะหนีไม่พ้นนะ”
“เวลานี้ พวกเราจำเป็นที่จะต้องรีบไปจากที่นี่ ไม่งั้นถ้าติงชางติงชางมันไปพาพวกคนมาช่วย พวกเราจะมีอันตรายมาก อีกอย่าง ยังมีพวกผู้แข็งแกร่งจากหวยเฉิงก็อยู่บนเส้นทางตามล่าพวกเราอยู่”
“ท่านก็อย่าไปห่วงเรื่องติงชางติงชางจะเอาเรื่องที่ท่านครอบครองมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์ไปเปิดโปง เพราะตัวติงชางติงชางเองก็อยากได้มีดพกเล่มนี้อยู่ ถึงคิดว่า เขาคงไม่โง่ที่จะไปเปิดเผยเรื่องที่ท่านครอบครองมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์เล่มนี้อยู่ เพราะจะทำให้ผู้แข็งแกร่งฮือกันขึ้นมาแย่งแข่งกับเขา ลำพังบ้านตระกูลติง คงแย่งกับใครไม่ได้”
หวยหลานก็ได้ขับรถเข้ามาถึง ได้ยินที่เหล่าจิ่วพูด ผงกหัวอย่างเห็นด้วย “ท่านจิ่วพูดถูก พี่หยาง ท่านอย่ากังวลไปว่าติงชางติงชางจะไปเปิดโปงเรื่องที่ท่านได้ครอบครองมีดพกอาถรรพ์มีดพกอาถรรพ์นี้เลย พวกเราตอนนี้จะต้องรีบออกให้พ้นจากที่นี่”
เงาเลือดในแววตาของหยางเฉินค่อย ๆ จางหายไป จัดการเก็บมีดพกขึ้น
ในทันทีที่เก็บมีดพกเข้าที่ ความเจ็บปวดเหมือนเนื้อถูกจับฉีกเกิดขึ้นไปทั่วทั้งตัว
ใบหน้าบิดเบี้ยวแสดงออกถึงความเจ็บปวด ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
เหล่าจิ่วถึงกับหน้าถอดสี “ของอาถรรพ์แว้งกัด !”
พูดจบ เขารีบผลักหยางเฉินเข้าไปในรถ หวยหลานสตาร์ตเครื่องรถ ขาเหยียบคันเร่ง พารถพุ่งออกไปจากที่นั่น
หยางเฉินล้มนอนอยู่ในรถ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาบดกัดฟันกรามแน่น ความเจ็บปวดที่โถมใส่เป็นระลอก ทำให้เขารู้สึกตายไปเสียเลยได้จะดีกว่า
เหล่าจิ่วก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “ท่านสามารถใช้พลังฝีมือแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นสุดยอดควบบังคับของอาถรรพ์ได้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากอยู่แล้ว อีกทั้งบังคับใช้ของอาถรรพ์นี้ติดต่อกัน นี่เป็นเรื่องทำให้ร่างกายต้องแบกรับเนน้ำหนัก การแว้งกัดก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น”
หวยหลานขับรถไปพลาง พูดด้วยความห่วงกังวล “พี่หยาง ท่านต้องอดทนให้ได้นะ พวกเรากำลังจะหลุดพ้นออกนอกเขตุเมืองซ่านเฉิงแล้ว”
“อ๊าก……”
เสียงลึก ๆ จากในลำคอหยางเฉิน เหมือนเสียงครวญของสัตว์ป่า เขากำหมัดแน่นทั้งสองข้าง สองแขนเห็เอ็นเขียวปูดโปนเด่นชัด
ในความรู้สึกของเขา ร่างกายของตัวเขาเอง เหมือนถูกแรงพลังอะไรจากข้างนอกกระชากฉีกทึ้งอย่างบ้าคลั่งไม่ยอมหยุด
เวลาผ่านไปเป็นนาทีจากวินาที มีแต่ความเจ็บปวดที่ต่อเนื่อง
และในขณะนั้นเอง ข้างหน้าบนถนน ปรากฏมีรถบรรทุกขนาดใหญ่หลายคัน จอดขวางอยู่กลางถนน
พอเห็นมีรถจอดกีดขวางทางอยู่ หวยหลานรีบเบรกรถหยุดอย่างกะทันหัน สีหน้าบ่งชัดในความสิ้นหวัง “คราวนี้ พวกเราจบเห่แน่!”