The king of War - บทที่ 169ฉันไม่ยกโทษให้
“จริงด้วย คำพูดที่คุณหงพูดออกมาเสมือนน้ำที่สาดออกไป ไม่เคยเก็บกลับมา ต่อไปงานประมูลที่คุณหงรับผิดชอบ จะไม่เห็นคนตระกูลเฉินอีกต่อไป!”
……
คนโดยรอบล้วนมองเฉินอิงจวิ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
“ถ้านายขอให้คุณหยางยกโทษให้ได้ งั้นฉันจะถอนคำสั่งเมื่อกี้นี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้!”
ขณะที่ผู้คนกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าหงฝูไม่อาจถอนคำพูดที่บอกออกไปแล้วได้ หงฝูกลับแสดงออกมาทันใดว่าสามารถถอนคำสั่งเมื่อสักครู่คืนได้
แต่กลับต้องทำให้ชายหนุ่มที่เค้ากายนิ่งไม่ขยับเป็นท่อนไม้ผู้นั้น ให้อภัยเฉินอิงจวิ้น
พูดมาแบบนี้ คนที่ไม่เคยแหกกฎระเบียบของตนเองมาก่อน ปัจจุบันนี้กลับแหกกฎเพราะชายหนุ่มคนหนึ่ง
เฉินอิงจวิ้นทำหน้าตื่นตกใจเช่นกัน ไม่นานเขามองด้านหน้าของหยางเฉินด้วยท่าทางไม่ยินยอม กัดฟันแน่นพร้อมพูดว่า “ขอโทษ ผมไม่ควรเหยียดหยามคุณ ยังขอให้คุณหยางยกโทษให้ผมด้วย!”
หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ “นี่คือท่าทีของนายที่ขอให้คนอื่นยกโทษให้งั้นเหรอ?”
ไฟโกรธในใจของเฉินอิงจวิ้นพลุ่งพล่าน แต่นึกถึงผลสุดท้ายจะถูกไล่ออกไปจากที่นี่ เขาจำเป็นต้องหาวิธีได้รับการให้อภัยจากหยางเฉิน
“คุณหยางครับ ผมเป็นคนโง่เขลา มีตาหามีแววไม่ คุณหยางได้โปรดมีเมตตากรุณา อย่าได้ถือสาคนตัวเล็กๆ อย่างผมเลยนะครับ”
เฉินอิงจวิ้นก้มศีรษะลงแล้ว ท่าทีและน้ำเสียงดูเคารพนอบน้อมที่สุด
แต่ไม่มีใครสามารถมองเห็น เขาก้มศีรษะลง เวลานี้ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้น
เขาเป็นคุณชายตระกูลเฉินที่น่าเกรงขาม ไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน แถมยังอยู่ต่อหน้าตระกูลร่ำรวยชั้นนำมากขนาดนี้อีก
ไม่ฆ่าหยางเฉิน สาบานว่าเขาไม่ใช่คนแล้ว
“คุณหยาง ผมสำนึกผิดแล้วครับ ขอให้ท่านปล่อยผมไปสักครั้ง!”
“คุณหยางครับ ผมก็ผิดไปแล้ว!”
……
เวลานี้ นอกจากหยวนเซ่า อีกสามคนที่เมื่อสักครู่นี้ถูกหงฝูเอ่ยชื่อต่างวิ่งมาวิงวอนด้านหน้าหยางเฉิน
หยางเฉินหัวเราะนิดๆ “ในเมื่อพวกนายสำนึกผิดแล้ว งั้นฉันจะปล่อยพวกนายไปสักครั้ง!”
“ขอบคุณครับคุณหยาง!” ชั่วขณะนั้นหลายคนดีใจ รีบกล่าวขอบคุณ
ในที่สุดเฉินอิงจวิ้นก็โล่งอกไปทีหนึ่ง แต่ตอนที่เขาคิดว่าตนเองสามารถอยู่ต่อไปได้ หยางเฉินกลับยื่นมือชี้ไปยังเขาแล้วพูดว่า “แต่ว่าเขา ฉันไม่ยกโทษให้!”
ความรู้สึกบนหน้าของเฉินอิงจวิ้นแข็งค้างในขณะนั้น คนอื่นๆ ต่างทำหน้าตกใจ
หลังหยางเฉินชี้ไปยังเฉินอิงจวิ้นเสร็จ ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ทันใดนั้นยื่นมือชี้หยวนเซ่าด้วย “ยังมีนายด้วย ฉันไม่ยกโทษให้!”
ไม่ว่าจะเป็นเฉินอิงจวิ้น หรือหยวนเซ่า ล้วนเป็นลูกชายของตระกูลร่ำรวยชั้นนำแห่งเมืองเฉิงโจว ปัจจุบันนี้ต่างถูกหยางเฉินพุ่งเป้าต่อหน้าสาธารณชน
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลร่ำรวยชั้นนำของเมืองเฉิงโจว แต่มีบทเรียนเมื่อสักครู่นี้แล้ว จึงไม่มีใครกล้าพูดในเวลานี้
ชั่วขณะหนึ่งหยวนเซ่าระเบิดอารมณ์ขึ้น แต่ก่อนหน้าที่เขาจะระเบิดออกมา หยวนมู่เข้ามาทันใด ตบไหล่ของหยวนเซ่าแล้ว
“พี่ เจ้าหมอนี่วอนหาที่ตาย!” หยวนเซ่าพูดอย่างโมโห
หยวนมู่ยกมือขึ้นตบทีหนึ่ง ตบลงบนหน้าของหยวนเซ่าอย่างแรง
ก่อนหน้านี้โดนตบทีหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังมาตบอีกที โดยเฉพาะต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
“หุบปาก! ถ้านายยังกล้าพูดจาไร้มารยาทกับคุณหยางอีก ก็ไสหัวออกไปจากตระกูลหยวนเลย!”
หยวนมู่ท่าทางโกรธเคือง แต่ทว่ากลับไม่มีใครสงสัยน้ำหนักคำพูดประโยคนี้ของเขา ที่ตระกูลหยวน หยวนมู่ถูกกำหนดให้เป็นผู้สืบทอดตระกูลหยวนแบบข้ามรุ่น จึงพอจะสามารถอธิบายความยอดเยี่ยมของเขาได้
เวลานี้หยวนเซ่าใจเย็นลงมาแล้ว ก้มหน้าอยู่ไม่กล้าพูดอะไร เขารู้ดี ในเมื่อหยวนมู่พูดออกมาแบบนี้แล้ว ย่อมมีเหตุผลของเขาเป็นธรรมดา
หยวนมู่เดินเข้ามา มองที่หยางเฉินแล้วเอ่ยปากบอก “คุณหยางครับ สำหรับที่น้องชายผมล่วงเกินคุณเรื่องนี้ ผมขอโทษอย่างมาก คุณวางใจได้ รอกลับถึงตระกูลหยวน ผมจะสั่งสอนเขาให้ดีแน่นอนครับ!”
พูดประโยคนี้จบ เขาหมุนตัวเดินไป ตอนที่เดินผ่านหยวนเซ่า ยังพูดตำหนิว่า “ยังไม่ไสหัวไปอีก!”
เรื่องเมื่อสักครู่นี้ทำให้ตระกูลหยวนขายขี้หน้าในบรรดาตระกูลใหญ่โตพอแล้ว ถ้าขืนยังอยู่ต่อ อย่างนั้นคงได้แต่หาเรื่องอัปยศมาให้ตนเองแล้ว
เฉินอิงจวิ้นหรี่ตาจ้องมองหยางเฉินทีหนึ่ง จากนั้นจึงหมุนตัวออกไปเช่นกัน
ทั้งโถงใหญ่เงียบอย่างมาก สายตาของทุกคนตกบนตัวของหยางเฉินไม่กะพริบ
ชายหนุ่มคนนี้ แม้แต่ผู้รับผิดชอบงานสำคัญของตระกูลเว่ยตระกูลใหญ่โตของเมืองเอกยังต้องทำตัวระมัดระวังเช่นนี้ สรุปเขาเป็นใครกันแน่?
ในหัวสมองของผู้คนมากมายต่างปรากฏความคิดหนึ่งที่เหมือนกันขึ้นมา
“คุณหยางครับ ไม่ทราบว่าการจัดการแบบนี้ ท่านพอใจหรือไม่ครับ?” หงฝูเผยรอยยิ้มออกมานิดๆ อย่างยากลำบาก
หยางเฉินยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณความช่วยเหลือของคุณหงมาก ผมพอใจอยู่แล้ว!”
“ทำให้คุณหยางพึงพอใจได้ งั้นก็ดีครับ!”
หงฝูยกข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วก้าวเท้าออกไป ขณะเดียวกันเอ่ยปากบอก “งานประมูลของคืนนี้ใกล้เริ่มแล้ว ขอให้ทุกท่านเตรียมตัวให้พร้อม!”
ในเวลานี้เอง หม่าชาวกลับมาที่ข้างกายของหยางเฉิน พูดเสียงเบาๆ “คุณเซี่ยถูกขังเอาไว้ครับ รอบด้านวางเล่ห์กลไว้หมดเลย ไม่มีทางช่วยได้ แต่ที่ยืนยันได้คือคุณเซี่ยจะถูกนำมาเป็นของประมูลครับ”
เริ่มแรกหยางเฉินนึกถึงจุดนี้ไว้แล้ว จึงไม่ได้แปลกใจนัก
“ที่อยู่ด้วยกันกับคุณเซี่ยยังมีสาวงามระดับสูงสี่คนครับ ผมสงสัยว่าก่อนหน้านี้เรื่องที่ท่านให้ผมไปค้นหานั้น จะเกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่งครับ” หม่าชาวพูดต่อไปอีก
“อืม นายออกไปก่อน!”
หยางเฉินตอบแบบหน้าตาไร้ความรู้สึก
หม่าชาวท่าทางผิดหวัง เดิมทีคิดว่าหยางเฉินจะก่อความวุ่นวายที่งานประมูล นึกไม่ถึงกลับเลือกพยายามอดกลั้นเพื่อให้เรื่องสงบ
ซูซานมองหม่าชาวที่จากไปแวบหนึ่ง ในใจแอบตกใจหน่อยๆ
ถึงแม้เธอจะเห็นหม่าชาวเป็นครั้งแรก แต่กลับสามารถสัมผัสกลิ่นอายที่น่าเกรงกลัวอย่างยิ่งบนตัวของหม่าชาวได้ เธอมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นคนฝีมือดีแกร่งสุดของตระกูลซู ก็ไม่ใช่คู่แข่งของหม่าชาว
แววตาเธอดูเย้ายวน ดวงตาที่มองหยางเฉินเปล่งประกาย นับวันเธอยิ่งสงสัยในตัวผู้ชายคนนี้
คนที่สามารถนำบัตรทองดำออกมาได้ สามารถทำให้หงฝูไล่คนจากตระกูลร่ำรวยชั้นนำห้าคนออกไปเพื่อเขาได้ แถมข้างกายยังมีผู้แข็งแกร่งระดับเยี่ยมแบบหม่าชาวคนหนึ่ง จะเป็นแค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงธรรมดาขนาดนี้ได้เหรอ?
ในขณะเดียวกันเฉินอิงจวิ้นและพี่น้องตระกูลหยวนก็ออกมาจากคลับหลงเถิง
“พี่ พี่คิดจะปล่อยเจ้าหมอนั่นไปแบบนี้จริงเหรอ?” หยวนเซ่าถามอย่างหน้าตาไม่ยินยอม
หยวนมู่หัวเราะเยาะ “ไม่ว่ามันเป็นใคร กล้าทำให้ตระกูลหยวนของฉันเสียหน้า นั่นคือศัตรูของตระกูลหยวน จะปล่อยมันไปได้ยังไง?”
ในดวงตาของหยวนเซ่าเต็มไปด้วยแสงอาฆาต กัดฟันพูด “พี่ ผมอยากฆ่ามันให้ตาย!”
หยวนมู่ไม่ได้สนใจ แต่มองทางเฉินอิงจวิ้นที่ด้านข้าง เอ่ยปากบอกว่า “อิงจวิ้น เรื่องนี้ นายมีแผนการอะไร?”
ในใจเฉินอิงจวิ้นแอบก่นด่าและเจ้าเล่ห์ แต่ภายนอกยังแสดงท่าทางเดือดดาลกัดฟันแน่น “พี่มู่ เรื่องนี้เดิมทีเป็นเพราะผม พี่วางใจได้ ผมจะจัดการให้ดีครับ!”
เขารู้จักกับพี่น้องตระกูลหยวนนานขนาดนี้ พี่น้องสองคนนี้เป็นคนอย่างไร เขาเข้าใจเป็นอย่างดี
ถ้าเวลานี้ปัดความรับผิดชอบ หยวนมู่ต้องไม่ช่วยเขาเป็นแน่ แต่ถ้าเขาแบกความรับผิดชอบเอาไว้เอง ไม่แน่ว่าหยวนมู่อาจจะลงมือ
“ได้!”
ที่ทำให้เฉินอิงจวิ้นนึกไม่ถึงคือหยวนมู่ไม่ได้เกรงใจแม้แต่น้อย เอ่ยปากบอกว่า “ในเมื่อนายมีแผนการไว้แล้ว งั้นฉันจะไม่เข้าไปแทรก ถ้าจัดการไม่ได้ บอกฉันได้ทุกเมื่อ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยคิดหาทางอีกที”
ในใจเฉินอิงจวิ้นหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่แสดงออกมาไม่ได้ เพียงแค่พยักหน้าให้ “พวกพี่รอดูผลงานก็พอครับ!”