The king of War - บทที่ 1690 โอกาสชนะน้อยมาก
บทที่ 1690 โอกาสชนะน้อยมาก
ติงอู่จะไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของหวยเจิ่นได้ยังไงกัน เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าหากว่าตระกูลติงของผมต้องการความช่วยเหลือจากนายน้อยเมืองหวยเฉิงจริงๆ แล้วจะบอกแน่นอนครับ อย่างนั้นก็ขอขอบคุณนายน้อยเมืองหวยเฉิงก่อนแล้วกันนะครับ”
หวยเจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อเช่นนี้ งั้นผมก็ขอตัวกลับก่อนหากว่าผู้อาวุโสติงชางกลับมาแล้ว รบกวนแจ้งผมด้วยนะครับ”
ติงอู่พูดว่า “ครับ นายน้อยเมืองหวยเฉิงเดินทางปลอดภัยครับ!”
ไม่นาน หวยเจิ่นก็พาลูกน้องจากไป
มองดูทิศทางที่เขาจากไป ดวงตาของติงอู่หรี่ต่ำลง ภายในเบื้องลึกแววตา มีควาคมเข้มแฝงอยู่
“ติงชางละ?”
เมื่อติงอู่กลับเข้าบ้านตระกูลติงแล้วก็เอ่ยปากถาม
พ่อบ้านรีบเข้าไปหาแล้วเอ่ยปากพูดว่า “ตอบกลับท่านผู้นำครับ ท่านสองได้รับบาดเจ็บสาหัส กำลังรับการรักษาอยู่ครับ”
“ฮืม?”
คิ้วของติงอู่ขมวดเข้าหากัน “จากกำลังของเขาแล้ว แม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นยังสามารถสู้ด้วยได้ แล้วทำไมถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสละ? หรือว่าผู้แข็งแกร่งของจวนมู่จัดการเขางั้นหรอ?”
พ่อบ้านส่ายหัว “ท่านสองกลับมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส หมอวิเศษของตระกูลกำลังรักษาเขาอยู่ ส่วนเรื่องที่เกิดอะไรขึ้นนั้น คงจะมีแค่ท่านสองเท่านั้นที่รู้ครับ”
ติงอู่ขมวดคิ้ว พูดเสียงเข้มว่า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเมืองซ่านเฉิง คงกำลังจะแปรปรวนแล้วละ”
พ่อบ้านตะลึง “ท่านผู้นำครับ คงจะไม่ร้ายแรงขนาดนี้หรอกมั้งครับ?”
ติงอู่มองไปทางพ่อบ้าน พูดว่า “ติงชางบาดเจ็บสาหัสกลับมา คนที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่ามายังเมืองซ่านเฉิง แล้วถ้าหากมีจวนมู่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย นายคิดว่านี่คือเรื่องใหญ่มั้ย?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ในสายตาของพ่อบ้านล้วนเต็มไปด้วยความกังวลใจ พูดเสียงทุ้มว่า “ดูแล้ว เจ้าหนุ่มที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่าคนนั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนนี้ก็เหลือแค่รอท่านสองไขข้อสงสัยให้กับเราเท่านั้นแล้วละครับ”
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ติงชางมายังห้องของติงอู่
“พี่ใหญ่ครับ!”
ติงชางมองไปที่ติงอู่ สีหน้าของเขายังซีดเซียวอยู่บ้าง เสื้อผ้าบนร่างกาย ถูกเลือดย้อมจนแดงไปหมด
ติงอู่ดูออกในทันที ว่าไม่ใช่เพราะติงชางไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เป็นเพราะเพิ่งทำแผลเสร็จ แล้วมีเลือดไหลซึมออกมา แล้วก็ทำให้เสื้อผ้าของติงชางย้อมเป็นสีแดงอีกครั้ง
“รีบนั่งลง!”
ติงอู่รีบลุกขึ้น แล้วไปพยุงติงชางให้นั่งลงบนโซฟาด้านข้างด้วยตัวเอง
แล้วติงอู่ถึงได้เอ่ยปากถามเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมนายถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้?”
ติงชางไม่ได้พูดอะไร แต่แก้เสื้อผ้าของตัวเองออก แล้วเปิดรอยเลือดสามแห่งที่ท่อนบนของร่างกายออกมา
ติงชางพูดว่า “พี่ใหญ่ ดูสิครับ!”
เมื่อติงอู่เห็นรอยเลือดสามแห่งที่หน้าอกของติงชางแล้ว สีหน้าก็ตกใจอย่างหนัก พูดว่า “สิ่งนี้โดนอะไรทำร้ายมา? ทำไมบาดแผลถึงได้สาหัสเช่นนี้ ที่บาดแผลยังมีพลังการทำลายล้างที่รุนแรงแผ่กระจายมากเช่นนี้?”
ติงชางกัดฟันพูดว่า “เดิมทีผมคิดว่าบาดแผลแค่นี้ไม่เป็นอะไร แต่เมื่อให้หมอวิเศษของตระกูลตรวจเช็ก ผมถึงได้รู้ว่าบาดแผลสาหัสเช่นนี้ หมอวิเศษของตระกูล ได้ให้ผมใช้ยาจินชวงที่ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถห้ามเลือดของบาดแผลผมได้ และยังมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลเรื่อยๆไม่หยุด”
“หมอวิเศษของตระกูลบอกแล้ว ว่าบาดแผลของผม อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาอย่างวัน แล้วยังต้องเติมเลือดทุกครึ่งวัน แล้วใช้ยาจินชวงทุกสองชั่วโมง ถึงจะมีความหวังที่จะทำให้บาดแผลของผมหยุดนิ่งได้”
ขณะที่พูด บาดแผลของติงชาง ยังมีเลือดไหลออกมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆอย่างชัดเจน
พลังอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างหนึ่ง แผ่กระจายออกมาจากตัวของติงอู่ เขาพูดอย่างโมโหว่า “ผู้พิทักษ์ของเจ้าหนุ่มคนนั้นที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่าทำร้ายนาย?”
ติงชางส่ายหัว พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เป็นเจ้าหนุ่มคนนั้นที่จวนเมืองหวยเฉิงไล่ฆ่าเป็นคนทำครับ”
ติงอู่พูดอย่างตะลึงว่า “เป็นไปได้ยังไงกัน?”
ติงชางพูดว่า “ของอาถรรพ์!”
ติงอู่เบิกตาโตทันที “นายว่าไงนะ? ของอาถรรพ์? เขามีของอาถรรพ์?”
ในแววตาของติงชางเต็มไปด้วยความหวาดระแวง พูดเสียงทุ้มว่า “ผมได้ใช้เคล็ดลับครอบระฆังทองแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันมีดพกอาถรรพ์ในมือของเขาได้”
“จวนเมืองหวยเฉิงยอมเสียแรงมากมายขนาดนี้เพื่อต้องการไล่ฆ่าเจ้าหนุ่มคนนี้ น่าจะเป็นเพราะมุ่งเป้าไปที่ของอาถรรพ์ในมือของเขาแน่นอนครับ”
ในแววตาของติงอู่เต็มไปด้วยความกังวล และยังรู้สึกน่าอัศจรรย์เหมือนเคย แล้วถามต่อว่า “พลังของเจ้าหนุ่มคนนี้ ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดแล้ว?”
ติงชางส่ายหัว “เพียงแค่ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดเท่านั้นครับ อายุน่าจะยังไม่ถึงสามสิบ ผมมีลางสังหรณ์ว่าดาบเล่มนี้ น่าจะสร้างสัมพันธ์ระหว่างเขาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วตามพลังของเขา ไม่มีทางสามารถใช้ประสิทธิภาพของดาบเล่มนี้ได้แน่นอน”
ติงอู่ตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม “อายุไม่ถึงสามสิบ แดนบูโดก็ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดแล้ว? แล้วยังสร้างสัมพันธ์กับของอาถรรพ์ไว้ด้วย? จะเป็นไปได้ยังไงกัน?”
ติงชางสีหน้าขมขื่น “พี่ใหญ่ครับ ผมพูดความจริงทั้งนั้น อีกฝ่ายอายุน้อยมากจริงๆ แต่กลับมีพลังในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดแล้ว และยังสามารถควบคุมมีดพกอาถรรพ์ได้ด้วยครับ”
ตามความรู้ของพวกเขาแล้ว สามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ของแดนบูโดได้ ก่อนอายุสามสิบ ถือว่าเป็นอัจฉริยะแล้ว และหากสามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าของแดนบูโดก่อนอายุสามสิบได้ ก็คืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอีกขั้น
แต่ว่าตอนนี้ เจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไม่ถึงสามสิบปี กลับสามารถเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดของแดนบูโดได้ จินตนาการได้ว่าภายในใจของพวกเขานั้นตกตะลึงมากเพียงใด
ต้องรู้ไว้ว่า แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดถือเป็นลุ่มน้ำแห่งหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งมากมายทั้งชีวิตนี้ล้วนติดอยู่ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นหกชั้นยอด ไม่สามารถก้าวเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นต้นได้
แต่หยางเฉินกลับถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดโดยที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี แล้วถือว่าเป็นอะไร? อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะของแดนอัจฉริยะ?
ยังไงซะติงอู่และติงชาง ไม่เคยได้ยินมาก่อนถึงคนหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านบูโดมากขาดนี้มาก่อน
ในเวลานี้ติงอู่พูดขึ้นว่า “เมื่อกี้นี้ หวยเจิ่นนายน้อยของจวนเมืองหวยเฉิง มาที่บ้านตระกูลติงของเรา เขามาหานาย เพื่ออยากจะรู้ว่า ระหว่างนายกับหยางเฉินเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมนายถึงได้พ่ายแพ้จากไป?”
“ก่อนที่หวยเจิ่นจะจากไป ยังจงใจแสดงออกเป็นนัยให้กับพวกเรา ว่าเราสามารถแย่งอำนาจปกครองเมืองซ่านเฉิงจากจวนมู่ได้ จวนเมืองหวยเฉิงยินดีที่จะช่วยเหลือตระกูลติงของเรา”
ติงชางตะลึงขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ พี่ตกลงไปแล้ว?”
ในสายตาของติงอู่มีความคมเข้มแฝงเข้ามา จ้องติงชางแล้วพูดว่า “นายไม่คิดว่าบ้านตระกูลติงของเราอยู่ในหนึ่งส่วนสามเอเคอร์แห่งนี้ มันเล็กไปงั้นหรอ?”
ติงชางพูดด้วยสีหน้ากังวลใจว่า “พี่ใหญ่ครับ เห็นได้ชัดว่าจวนเมืองหวยเฉิงคิดอยากจะใช้เราไปต่อกรกับจวนมู่ เมืองหวยเฉิงใกล้เคียงกับเมืองซ่านเฉิง ตอนนี้ภายในเมืองหวยเฉิง หุบเขาราชายาได้ถูกเมืองหวยเฉิงยึดครองแล้ว ได้ยินมาว่าแม้แต่ราชายา ก็พ่ายแพ้ต่อเจ้าเมืองหวยเฉิงแล้วนะครับ”
“พูดได้ว่า เมืองหวยเฉิงในตอนนี้ จวนเมืองหวยเฉิงยิ่งใหญ่อยู่เพียงผู้เดียว แล้วเมืองซ่านเฉิงของเราก็อยู่ใกล้เคียงเมืองหวยเฉิง คาดว่าจวนเมืองหวยเฉิงคิดอยากจะขยายเขตปกครองอำนาจของตัวเอง พวกเราห้ามร่วมมือกับพวกเขาเด็ดขาดนะครับ!”
“อีกอย่าง พลังของจวนมู่คาดเดาไม่ได้ แม้ว่าสองขาของเจ้าเมืองมู่จะพิการไปแล้ว แต่ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด ก็ไม่อาจรู้ได้ หากทำสงครามกับจวนมู่ในตอนนี้ โอกาสชนะของเรา แทบจะเป็นศูนย์ครับ!”
ติงชางส่ายหัว “เพียงแค่ถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดชั้นยอดเท่านั้นครับ อายุน่าจะยังไม่ถึงสามสิบ ผมมีลางสังหรณ์ว่าดาบเล่มนี้ น่าจะสร้างสัมพันธ์ระหว่างเขาไว้ ไม่อย่างนั้นแล้วตามพลังของเขา ไม่มีทางสามารถใช้ประสิทธิภาพของดาบเล่มนี้ได้แน่นอน”
ติงอู่หรี่ตามองติงชาง ในแววตาเต็มไปด้วยความคะนอง เอ่ยปากพูดว่า “นายว่าแล้วถ้าหากเราได้มีดพกอาถรรพ์นั้นมาละ?