The king of War - บทที่ 1700 ฆ่าทิ้งให้หมด
เมื่อได้ยินคำพูดของติงอู่ ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงคนอื่นๆ ต่างก็หันไปมองหวยเจิ่น
“ใช่แล้วครับ นายน้อยเมืองหวยเฉิง วันนี้ที่พวกเรามาจวนมู่ด้วยกัน ก็เป็นเพราะคุณสั่งให้เรามานะครับ”
“นายน้อยเมืองหวยเฉิง ตอนนี้คุณคงจะไม่ใช่เพราะเห็นว่าเรามีปัญหากับจวนมู่แล้ว จึงคิดจะไม่สนใจพวกเราหรอกใช่มั้ยครับ?”
…….
ชั่วขณะนั้น ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงทั้งหมด ต่างก็เอ่ยปากถาม
หวยเจิ่นเดินเข้าไปใกล้ ยิ้มเล็กน้อย “ทุกท่าน อย่าเสียงดังไป ฟังผมพูดครับ!”
แล้วทุกคนต่างก็เงียบลง และล้วนจ้องมองที่หวยเจิ่น
หวยเจิ่นพูดว่า “ก่อนอื่น ผมขอชี้แจ้งก่อน ว่าไม่ใช่ผมสั่งให้พวกคุณมา แต่เป็นเพราะบุคคลของตระกูลพวกคุณถูกฆ่า แล้วคนร้าย ตอนนี้ก็อยู่ในจวนมู่ เป็นพวกคุณเองที่เชิญให้ผมมาจวนมู่กับพวกคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทุกคนก็แย่มาก ติงอู่ขมวดคิ้ว หรี่ตาจ้องหวยเจิ่นและถามว่า “นายน้อยเมืองหวยเฉิง คุณผลักพวกเราให้เป็นศัตรูกับจวนมู่เสร็จแล้วก็คิดที่จะทิ้งพวกเราแล้วงั้นหรอครับ?”
ติงชางเองก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ถ้าหากนายน้อยเมืองหวยเฉิงไม่มีความคิดที่จะเผชิญหน้าต่อจวนมู่กับพวกเรา อย่างนั้นก็รบกวนคุณออกไปจากซ่านเฉิงซะตอนนี้เลยครับ!”
ถึงแม้ว่าตระกูลติงจะอยากได้การช่วยเหลือจากจวนเมืองหวยเฉิง แต่ถ้าหากหวยเจิ่นเพียงแค่หลอกใช้พวกเขาไปต่อกรกับจวนมู่ พวกเขาไม่มีทางยอมเป็นคนโง่
ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงคนอื่นๆ ต่างก็มองหวยเจิ่นด้วยสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน
หวยเจิ่นเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “ทุกท่าน พวกคุณเข้าใจผิดแล้วครับ ในเมื่อผมมาจวนมู่กับพวกคุณแล้ว แล้วจะให้ผมสนใจแต่ตัวเองได้ยังไงกัน? อย่างที่ผมเคยบอกที่บ้านตระกูลติง คนร้ายที่ฆ่าบุคคลสำคัญของตระกูลพวกคุณ ก็เป็นคนเดียวกับที่จวนเมืองหวยเฉิงของผมต้องการจะฆ่าเช่นกัน”
“ในเมื่อตอนนี้เขาอยู่จวนมู่ ผมก็ต้องขอตัวมันจากจวนมู่พร้อมกับพวกคุณแน่นอนอยู่แล้ว”
พูดจบ เขาก็โบกมือ “ทุกคนเข้าไปกับฉัน!”
เขาเดินนำไปทางจวนมู่ก่อน ด้านหลังยังมีผู้แข็งแกร่งเพ้าดำเดินตามอีกห้าคน สิ่งที่ทำให้ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงทุกคนตกใจก็คือ บนตัวผู้แข็งแกร่งเพ้าดำพวกนี้ กลับไม่มีกลิ่นอายบูโดแผ่ออกมาเลยสักนิด
แต่พวกเขาต่างก็รู้ดี ว่าผู้แข็งแกร่งที่สามารถถูกหวยเจิ่นนำตัวออกมาด้วย จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เมื่อติงอู่และติงชางมองตากันแล้ว ติงชางพยักหน้า แล้วก็พูดว่า “พี่ใหญ่ครับ พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ!”
“ไป!”
ติงอู่พยักหน้า แล้วก็ตามหวยเจิ่นเข้าไป
ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงที่เดิมทียังกังวลกันเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ต่างก็ตามกันเข้าไป
หวยเจิ่นที่เดินนำอยู่ด้านหน้า มุมปากยกยิ้มชั่วร้าย
“หยุด!”
ในขณะนี้เอง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ต่างก็เข้ามาใกล้ ขวางไว้ตรงหน้าสุดของพวกหวยเจิ่นและคนอื่นๆ
“ที่นี่คือจวนมู่ ไม่อนุญาตให้คนนอกมาทำตัวเหิมเกริม!”
ผู้นำด้านหน้า คือผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด จ้องมองไปที่พวกหวยเจิ่นด้วยสีหน้าโมโห
หวยเจิ่นยิ้มแย้มพูดว่า “ผู้อาวุโสครับ วันนี้ที่พวกเรามา มีเพียงแค่เป้าหมายเดียว นั่นก็คือพาตัวหยางเฉินไป ขอรบกวนจวนมู่ส่งตัวออกมา แล้วพวกเราก็จะจากไปเองครับ”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดคนนั้นยิ้มเยาะ “คนที่พวกนายตามหา ไม่อยู่ที่จวนมู่! ฉันให้พวกเวลาพวกนายหนึ่งนาที ออกไปจากจวนมู่ให้หมดซะไม่อย่างนั้น รับผลกันเอง!”
เสียงเพิ่งสิ้นสุด พลังที่บ้าคลั่งอย่างหนึ่ง ได้แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา และครอบงำไปทั่ว
นอกจากหวยเจิ่นแล้ว ผู้นำตระกูลเศรษฐีเมืองซ่านเฉิงคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าหวาดกลัวกัน
จนกระทั่งตอนนี้ พวกเขาถึงได้รู้ว่า พวกเขาได้พาคนบุกเข้าจวนมูนแล้ว
หลายปีก่อน เจ้าเมืองท่านนั้นของจวนมู่ เป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างมาก ถูกคนในเมืองซ่านเฉิงเรียกว่า “เจ้าเมืองโหดเหี้ยม”
ในตอนนี้ถึงแม้สองขาจะพิการ นั่งอยู่บนรถเข็น แต่พลังก็ไม่อาจคาดการณ์ได้
ถ้าหากทำให้ท่านนั้นโมโห พวกเขาคงจะไม่ได้มีผลดีอะไรแน่นอน
หวยเจิ่นไม่ได้พูดอะไร ยิ้มแย้มจ้องมองอีกฝ่าย เหมือนว่าไม่กลัวเลยสักนิด
ผู้แข็งแกร่งเพ้าดำด้านหลังของเขา ถึงแม้จะไม่ได้ปล่อยกลิ่นอายบูโดออกมา แต่กลับทำให้ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ รู้สึกได้ถึงอันตราย
เวลานี้ มู่ฮว๋าได้เดินถึงห้องของเจ้าเมืองมู่แล้ว และพูดด้วยสีหน้ากังวลใจว่า “ท่านเจ้าเมืองครับ คนพวกนี้คิดว่ามีหวยเจิ่นสนับสนุนอยู่ จึงได้กล้สเข้ามาก่อเรื่องในจวนมู่ ผมแนะนำว่า ให้ส่งตัวทีมพิทักษ์เงาเพชฌฆาตออกไปลงมือเลยครับ”
สายตาของเจ้าเมืองมู่ฉายแววความคมเข้ม หรี่ตาพูดว่า “ฉันดูสิว่ารุ่นหลังของจวนเมืองหวยเฉิงคนนี้มีความมั่นใจอะไร ถึงได้กล้ามาขอตัวคนจากจวนมูของฉัน ไป ออกไปดูกัน!”
“ครับ!”
มู่ฮว๋าพยักหน้า แล้วเข็นเจ้าเมืองมู่ออกจากห้อง
อีกด้านหนึ่ง หยางเฉินกำลังอยู่กับเหล่าจิ่ว หวยหลัน และเฝิงเสียวหว่าน
จู่ๆเหล่าจิ่วก็ขมวดคิ้วพูดว่า “คนของจวนเมืองหวยเฉิง มาแล้ว!”
หวยหลันสีหน้าประหม่าขึ้นมาทันที “คงจะไม่ใช่เจ้าเมืองหวยเฉิงมาเองหรอกใช่มั้ย?”
เหล่าจิ่วส่ายหน้า “ไม่น่าใช่!”
หวยหลันโล่งใจขึ้น พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “คนของจวนเมืองหวยเฉิงมาจวนมู่ จะต้องพุ่งเป้ามาที่พี่หยางแน่นอน ไม่รู้ว่าจวนมู่จะแบกรับแรงกดดันไหวหรือเปล่า”
เหล่าจิ่วพูดว่า “ทางที่ดีพวกเราก็เตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับการเดินทางตลอดเวลาเถอะ เพื่อป้องกันว่าจวนมู่จะแบกรับไม่ไหว แล้วยอมทิ้งพวกเรา”
หยางเฉินส่ายหัว พูดว่า “สบายใจได้ กว่าเจ้าเมืองมู่จะหาหมอวิเศษที่สามารถรักษาขาของเขาได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วจะปล่อยให้พวกเราเป็นอะไรไปในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ได้ยังไง?”
หวยหลันพยักหน้า “พี่หยางพูดถูก หลังจากที่ขาของเจ้าเมืองมู่พิการ ผู้มีอำนาจบางคนในซ่านเฉิงก็เริ่มโลเลคิดมาแทนที่ คาดว่าเจ้าเมืองมู่เองก็อยากจะใช้โอกาสนี้ จัดการแก้ไขอำนาจเมืองซ่านเฉิงให้ดีๆสักหน่อย”
“เดิมทีเขาก็คิดอยากจะแก้ไขอำนาจเมืองซ่านเฉิงอยู่แล้ว แล้วจะทิ้งพวกเราในสถานการณ์นี้ได้ยังไงกัน? นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากรักษาขาแล้ว”
หยางเฉินเองก็พูดว่า “เสี่ยวหลันพูดถูก ดังนั้นตอนนี้พวกเราไม่ต้องกังวลอะไรเลย อยู่จวนมู่อย่างเงียบๆ เพียงแค่เจ้าเมืองหวยเฉิงไม่มาที่จวนมู่ด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรพวกเราได้”
เหล่าจิ่วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็อยู่กันอย่างสบายใจเถอะ!”
และในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ กำลังเผชิญหน้าอยู่กับหวยเจิ่นที่นำหน้าผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง
หวยเจิ่นหรี่ตามองผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดแล้วพูดว่า “ยังไงซะผู้อาวุโสก็เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา แต่ยังจะพูดโกหกอีกงั้นหรอครับ?”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดของจวนมู่คนนั้นขมวดคิ้ว “ความหมายของนาย คือว่าฉันกำลังโกหกงั้นหรอ?”
หวยเจิ่นพยักหน้า “หรือว่าไม่ใช่งั้นหรอครับ?”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดของจวนมู่คนนั้นพูดเสียงเย็นชาว่า “นายบอกว่าหยางเฉินอยู่ที่จวนมู่ของเรา มีหลักฐานมั้ย?”
หวยเจิ่นยิ้มเล็กน้อย “มีหลักฐานอยู่แล้วครับ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะมาขอตัวคนที่จวนมู่ได้ยังไงกัน? ก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่งก็เท่านั้น จวนมู่ทำแบบนี้เพื่อคนคนเดียว ไม่คุ้มค่าหรอกครับ”
“หึ!”
ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ยิ้มเยาะ “ฉันบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี เวลาสามนาทีถึงแล้ว ออกไปจากจวนมู่เดี๋ยวนี้!”
“แล้วถ้าพวกเราไม่ไปละครับ?”
หวยเจิ่นหรี่ตาจ้องอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม
ในเวลานี้เอง น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าก็ได้ดังขึ้นมา “ในเมื่อไม่ยอมไป งั้นก็ฆ่าทิ้งให้หมดซะ!”
เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา ทุกคนต่างก็ตกตะลึง!
สายตาของทุกคนต่างก็หันไปมองยังทิศทางที่ประโยคนั้นดังมา เห็นเพียงแค่มู่ฮว๋า กำลังเข็นเจ้าเมืองมู่เดินมาทางนี้
และประโยคเมื่อกี้ ก็คือเจ้าเมืองมู่เป็นคนพูด