The king of War - บทที่ 1724 เหล่าจิ่วเสียชีวิตในสนามรบ
วินาทีต่อมา เกิดฉากที่ทำให้ทุกคนช็อก!
ร่างของหยางเฉินรวดเร็วราวกับสายฟ้า และพุ่งไปข้างหน้าผู้แข็งแกร่งหลายคน และยังไม่ทันตอบสนอง ร่างกายก็ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
เมื่อร่างของหยางเฉินปรากฏขึ้นอีกครั้ง เห็นเพียงร่างของผู้แข็งแกร่งนับสิบคน ล้มลงกับพื้นทันที และที่คอของทุกคน ก็มีร่องรอยคราบเลือด ราวกับกลีบกุหลาบที่กำลังผลิบาน สีแดงสดมาก
ในอากาศ มีกลิ่นคาวเลือดแผ่กระจายออกอย่างแรง
เมื่อสักครู่ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่พุ่งเข้าหาหยางเฉินอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ได้ยืนอยู่ที่เดิมอย่างพร้อมเพรียงกัน ในเวลาที่แต่ละคนจ้องมองหยางเฉินนั้น เหมือนกับว่ากำลังดูสัตว์ประหลาด
เจ้าเมืองหวยเฉิงที่ถูกเจ้าเมืองมู่จ้องมอง ก็มีสีหน้าเฉื่อยชา ดวงตาจับจ้องไปที่กริชสีดำในมือของหยางเฉินที่ยังคงมีเลือดหยดอยู่
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เขาพูดด้วยความโกรธ “ของอาถรรพ์! ในร่างกายของเขาถึงกับมีมีดพกอาถรรพ์! เขาอยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระยะต้นเท่านั้น จะควบคุมของอาถรรพ์ได้อย่างไร?”
มีเพียงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ถึงจะสามารถควบคุมของอาถรรพ์ได้ นี่คือสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งวิถีบู๊ต่างรู้กัน
เมื่อสักครู่ หยางเฉินเพิ่งฝ่าทะลวงเข้าสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระยะต้นสำเร็จ และทุกคนที่อยู่ณ.สถานที่นี้ก็ได้เห็นมากับตาตัวเอง
แต่ตอนนี้ ในมือหยางเฉินกำลังถือมีดพกอาถรรพ์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเท่านั้น ถึงจะมีความหวังควบคุมของอาถรรพ์
เจ้าเมืองมู่ก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน เขารู้มานานแล้วว่าในมือหยางเฉินมีมีดพกอาถรรพ์และไม่เคยคิดวางแผนแย่งชิงมีดพกอาถรรพ์ เพียงแต่ว่าในเวลานี้หยางเฉินได้เปิดเผยมีดพกอาถรรพ์ ซึ่งจะทำให้ตัวเองได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึง สถานการณ์ปัจจุบันของหยางเฉิน เจ้าเมืองมู่สามารถเข้าใจความสิ้นหวังของหยางเฉินในการเปิดเผยมีดพกอาถรรพ์
เดิมที ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของตำราเทพสงครามกับสายเลือดคลั่ง ความแข็งแกร่งของหยางเฉิน ใกล้จะถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระยะปลาย แต่ช่วงเวลาที่เขาหยิบมีดพกอาถรรพ์ออกมา ออร่าวิถีบู๊ในร่างกายของเขา ได้บรรลุถึงระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด หรือกึ่งแดนเหนือมนุษย์ชั้นเก้าระยะต้น
อาจกล่าวได้ ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าไม่มีใครสามารถฆ่าหยางเฉินได้แล้ว
“ฆ่า!”
หยางเฉินส่งเสียงตะโกน และรีบวิ่งออกไป
“พุดพุดพุด!”
เห็นเพียงเขาโบกกรีชในมืออย่างบ้าคลั่ง และมีร่องรอยของกริชเป็นเส้นโค้งหลายเส้นในอากาศ ทุกครั้งที่ใช้กริช มันจะคร่าชีวิตผู้แข็งแกร่งหนึ่งคน
ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิง ทุกคนต่างหวาดกลัว และไม่มีใครกล้าเผชิญหน้าต่อสู้กับหยางเฉินแบบตัวต่อตัว
สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าเหล่านั้น เดิมทีก็มีจำนวนไม่มากนัก และส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะต้น แม้จะมาจัดการหยางเฉิน ก็ใช่ว่าจะสามารถฆ่าหยางเฉินได้ง่ายๆ
สำหรับผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางและระยะปลาย ได้ถูกเหล่าจิ่วกับผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของจวนมู่ขวางไว้แล้ว
และเจ้าเมืองหวยเฉิงก็ถูกเจ้าเมืองมู่จ้องอีกครั้ง ดังนั้น เวลาที่เหลือต่อจากนี้ เป็นเวลาของหยางเฉินที่ต้องแสดงเพียงลำพัง
สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ ทุกครั้งที่หยางเฉินฆ่าใครสักคน ร่างกายของเขาจะได้รับแรงกดดันอย่างน่ากลัว
เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในทุกส่วนของเขา กำลังจะฉีกขาดออกจากกันด้วยแรงกดอันน่าสะพรึงกลัวนี้ และบนผิวหนัง มีร่องรอยคราบเลือดปรากฏออกมาเป็นเส้นๆ
ไม่ใช่ร่องรอยคราบเลือดที่ศัตรูใช้อาวุธกรีดที่ร่างกายของเขา แต่เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาที่ปะทุออกมาตอนนี้มันน่าสะพรึงกลัวเกินไป และด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาที่อยู่ในแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดระยะต้น เป็นการยากที่จะแบกรับความแข็งแกร่งที่ปะทุออกมาตอนนี้
ความเจ็บปวดจากการที่ต้องเผชิญกับการสะท้อนกลับของของอาถรรพ์ทำให้หยางเฉินรู้สึกเจ็บปวดอย่างเหลือทน แต่ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน เขาก็ต้องทนกับมัน
เพราะเมื่อเขาแพ้ ไม่เพียงเขาจะตาย คนจำนวนมากก็ต้องตาย และคนรอบข้างเขา ก็จะมีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องแบกรับทุกอย่าง
“คำราม!”
ในอีกด้านหนึ่ง เหล่าจิ่วก็กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดเช่นกัน ภายใต้การถูกผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางสี่คนปิดล้อม ร่างกายเหล่าจิ่วเต็มไปด้วยคราบเลือด แต่คู่ต่อสู้ทั้งสี่คนที่เป็นผู้แข็งแกร่งในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลาง ก็ไม่รู้สึกดี ทุกคนต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส
เจ้าเมืองหวยเฉิงมองไปที่ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนที่ถูกหยางเฉินฆ่าตาย รู้สึกว่ากำลังมีเลือดไหลออกจากหัวใจตัวเอง เขาพูดด้วยความโกรธ “ทุกคนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ถอนตัวออกจากสนามทันที! ผู้แข็งแกร่งในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้า ใครที่สามารถฆ่าหยางเฉินได้ จะได้รับเงินรางวัลหมื่นล้าน! และจะมอบวิชาวิถีบู๊ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของจวนเมืองหวยเฉิง!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าต่างมีแรงบันดาลใจ
เจ้าเมืองมู่ก็ตะโกนทันที “ฆ่า! อย่าปล่อยให้ศัตรูหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว! ฆ่าให้หมด!”
ในเมื่อเจ้าเมืองหวยเฉิงต้องการให้ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงที่มีระดับต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าถอนตัวออกจากสนามต่อสู้ ถ้างั้นเขาจะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามถอนตัว
ตอนนี้เป็นเวลาที่จวนมู่จะได้ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในการลดพลังอำนาจของจวนเมืองหวยเฉิง เขาจะละทิ้งโอกาสที่ดีอย่างนี้ได้อย่างไร?
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
หลังจากที่ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ได้รับคำสั่งเจ้าเมืองมู่รีบวิ่งเข้าใส่ผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงอย่างบ้าคลั่ง
หยางเฉินเป็นผู้นำ พุ่งไปอยู่ข้างหน้า ทุกครั้งที่ลงมือใช้กริช สามารถฆ่าผู้แข็งแกร่งหนึ่งคนทันที ไม่ว่าจะเป็นแดนเหนือมนุษย์ขั้นเจ็ดหรือแดนขั้นแปดทั้งหมดถูกฆ่าตายในทันที
“เจ้าเมืองมู่ นี่คุณกำลังวางแผนที่จะต่อสู้ให้รู้แพ้ชนะกับจวนเมืองหวยเฉิงของเราใช่ไหม?”
เจ้าเมืองหวยเฉิงโกรธจัด จ้องไปที่เจ้าเมืองมู่แล้วถาม
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ยังพัวพันกับผู้แข็งแกร่งของเมืองหวยเฉิง เฉพาะหยางเฉินคนเดียว ไม่สามารถฆ่าคนจำนวนมากได้ แต่ตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่กำลังไล่ฆ่าผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าผู้แข็งแกร่งของจวนเมืองหวยเฉิงอยากถอยหนี ก็หนีไม่พ้น
เจ้าเมืองมู่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และพูดอย่างเย็นชา “ถ้าคุณต้องการต่อสู้ให้รู้แพ้ชนะ ผมจะสนับสนุนให้ถึงที่สุด!”
“ตูม!”
ในขณะนั้นเอง เหล่าจิ่วคุกเข่าด้วยขาข้างเดียวลงบนพื้นทันที ดูเหมือนบนพื้นจะสั่นสะเทือน
เดิมทีเจ้าเมืองมู่กับเจ้าเมืองหวยเฉิงที่กำลังจะต่อสู้กัน ต่างมองมา
เห็นเพียงเหล่าจิ่วคุกเข่าด้วยขาข้างหนึ่ง เลือดเต็มตัว หลังจากทาน ยาร่างอสูรร่างกายของเขาที่ใหญ่ขึ้นมาก ก็ค่อยๆหดเล็กลง และกลับคืนสู่สภาพเดิม
เดิมทีผู้แข็งแกร่งทั้งสี่คนที่อยู่ในระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะปลายที่ได้ปิดล้อมเขาไว้ ได้เสียชีวิตไปแล้วสองคน และตอนนี้ที่ยังเหลืออีกสองคน ร่างกายก็เต็มไปด้วยบาดแผล และหายใจหอบ
เห็นได้ชัดว่า พลังของทั้งสามคนมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองหวยเฉิงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์ช่วยผมจริงๆ ประสิทธิภาพของยาร่างอสูรได้หมดอายุลง และตอนนี้ เขาทำได้เพียงรอตายเท่านั้น! เจ้าเมืองมู่คุณต้องการต่อสู้ให้รู้แพ้ชนะกับจวนเมืองหวยเฉิงของเราไม่ใช่เหรอ? ผมจะสนับสนุนคุณ!”
หลังจากนั้น เขาก็ตะโกนว่า “ทุกคน อย่าปล่อยให้ถอยออกแม้แต่ก้าวเดียว ฆ่าให้หมดทุกคน!”
สีหน้าของเจ้าเมืองมู่ดูแย่มาก เมื่อสักครู่เป็นเพราะว่าเหล่าจิ่วและหยางเฉินได้ระเบิดพลังที่เหนือชั้นกว่าของพวกเขาออกมา จึงทำให้จวนมู่อยู่ในสถานการณ์ปราบปรามจวนเมืองหวยเฉิง แต่ตอนนี้ ยาร่างอสูรที่เหล่าจิ่วได้ทานเข้าไปหมดอายุแล้ว ไม่มีพลังต่อสู้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อสักครู่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางที่รอดชีวิตจากการปิดล้อมเหล่าจิ่ว ตอนนี้ได้ปลิดตัวออกมา แม้แต่หยางเฉินก็จะถูกฆ่าเช่นกัน
เมื่อเหล่าจิ่วและหยางเฉินตาย จวนมู่จะไม่มีพลังอำนาจที่จะต่อสู้ได้อีก
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
เจ้าเมืองหวยเฉิงชี้นิ้วไปที่เหล่าจิ่ว และพูดเสียงดัง
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ระยะกลางทั้งสอง พยายามฝืนร่างกายตัวเอง และเดินทีละก้าวไปทางเหล่าจิ่ว
เหล่าจิ่วหายใจหอบ ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ทันใดนั้นเขาก็เหลือบมองไปทางหยางเฉิน ด้วยสีหน้าขมขื่น “ขอโทษ ผมพยายามทำสุดกำลังแล้ว!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางทั้งสอง ทันใดนั้นก็ระเบิดพลังออกมาเต็มที่ และพุ่งไปทางเหล่าจิ่ว
“ตูม!”
“ตูม!”
เสียงที่ชนกันสองครั้งติดต่อกัน ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางทั้งสองคนได้โจมตีหวังปลิดชีวิต ได้ชกบนร่างของเหล่าจิ่วอย่างหนัก
มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเหลาจิ่ว แม้ลมหายใจในร่างกายของเขาค่อยๆจางหายไป แววตาค่อยๆเลือนลาง แต่ยังคงจ้องมองไปทิศทางของหยางเฉินเสมอ
ดูเหมือนว่าหยางเฉินจะสัมผัสได้อะไรบางอย่าง และทันใดนั้นก็หันหัวหลับมา เห็นพอดี ฉากที่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าระยะกลางทั้งสองคน กำลังโจมตีเหล่าจิ่วพร้อมกัน
ฉากนี้ เหมือนกับค้อนที่หนักหน่วง กระแทกเข้าที่หัวใจของหยางเฉิน
“ท่านเก้า!”
หยางเฉินตะโกนอย่างโกรธจัด ราวกับคนบ้าคลั่ง และรีบวิ่งไปทางเหล่าจิ่ว