The king of War - บทที่ 173 นี่คือคำเตือน
กวนเจิ้งซานพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “คุณหงตระกูลเมิ่งทำเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่ดีมั้ง? ”
“ทั้งๆที่เป็นจวงปี้ฝานเสแสร้งเอง เขาไม่สามารถจ่ายเงินได้ ตระกูลเมิ่งกลับว่าบีบบังคับเอาหนี้ก้อนนี้จากหยางเฉินให้ได้ มีสิทธิ์อะไร?” ในเวลานี้ซูซานก็สู้อย่างสุดชีวิต
“นี่เป็นเรื่องระหว่างตระกูลเมิ่งกับคุณหยาง พวกคุณเข้ามาแซง ไม่กลัวว่าจะสร้างความวุ่นวายให้ตระกูลของพวกคุณเหรอ?”
หงฝูเอ่ยปากพูดกล่าว สีหน้าเรียบเฉย แต่ว่ากลิ่นอายของการขู่กลับว่าเข้มข้นมาก
เป็นอย่างที่คิดว่า เขาพูดประโยคนี้ออกมาจากปาก สีหน้าของกวนเจิ้งซานและซูซานล้วนแต่ดูแย่อย่างมาก โดนเฉพาะซูซาน เธอรู้ดีอย่างมาก ถ้าหากเรื่องนี้ลากโยงถึงตระกูลซูแล้ว พ่อแม่ของเธอคงจะไม่ยอมปล่อยเธอแน่
แม้ว่าในใจของกวนเจิ้งซานจะค่อนข้างตึงเครียด แต่เมื่อคิดถึงวิธีการของหยางเฉิน เขาก็สงบอย่างมากทันที
ถ้าหากว่าตระกูลเมิ่งจะลงมือจัดการกับตระกูลกวนของฉันจริงๆ งั้นฉันก็ทำได้เพียงรับไว้แล้ว!“กวนเจิ้งซานพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
ในใจของซูซานสั่นคลอนเล็กน้อย จริงๆแล้วเธอคิดไม่ออกเลยว่า กวนเจิ้งซานเพื่อหยางเฉินแล้ว ถึงขนาดที่ว่ายอมปะทะตัวต่อตัวกับตระกูลเมิ่งอย่างไม่ลังเล
หงฝูที่มีท่าทีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเสมอมา ในเวลานี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย เขาเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของกวนเจิ้งซานแล้ว
มองไปยังหยางเฉินอีกครั้ง ยังคงเป็นท่าทีที่สงบจิตสงบใจ ไม่มีความเกรงกลัวอะไรเช่นนั้น
เมื่อคิดถึงว่าหยางเฉินมีบัตรทองดำที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับมัน ในใจของเขาก็ยิ่งจะกระสับกระส่ายมากขึ้น
“คุณชายชวน ฉันมีแผนการอย่างหนึ่ง การประมูลรอบสุดท้ายก็ถือว่าเป็นโมฆะ สาวงามหมายเลข1 พวกเราก็เก็บเอาไว้เอง คุณว่า เป็นยังไง?”หงฝูเอ่ยพูดออกมาทันที
ตอนที่เมิ่งชวนอยู่ที่หน้าประตูโดนหม่าชาวเตะลอยออกไป ก็เกิดความคิดของการแก้แค้นไว้แล้ว ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่ดี เขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไรกัน
“การประมูลของตระกูลเมิ่งของเรา พูดว่าเป็นโมฆะก็เป็นโมฆะงั้นเหรอ?”
เมิ่งชวนหัวเราะอย่างเยือกเย็น : “เดิมทีฉันยอมที่จะลดราคาของสาวงามหมายเลข1ให้กับเขา ในเมื่อเขาไม่รู้จักชั่วดี งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
“150 ล้าน ห้ามขาดแม้แต่บาทเดียว ถ้าไม่จ่ายเงิน งั้นก็ต้องตาย ให้เวลานายได้พิจารณา 1 นาที!”
เมื่อพูดจบลง เมิ่งชวนตบมือ ทันใดนั้นก็ปรากฏผู้แข็งแกร่งสวมใส่ชุดดำสิบกว่าคน ล้อมรอบหยางเฉินไว้ตรงกลางแล้ว
เมื่อเห็นคนเหล่านี้ รูม่านตาของหงฝูหดลงทันที พูดอย่างประหลาดใจว่า : “คุณชายชวน คุณพาคนพวกนี้มาเหรอ!”
จนถึงช่วงเวลานี้ หงฝูถึงเข้าใจ เหตุผลที่เมิ่งชวนเป็นศัตรูกับหยางเฉิน ไม่ใช่เพราะว่าช่วยจัดการเพื่อจวงปี้ฝาน แต่เป็นเพราะมีความแค้นกับหยางเฉิน
มิเช่นนั้นคงไม่มีทางพาคนคุ้มกันของตระกูลเมิ่งมาด้วย
มีคนสวมชุดดำทั้งหมด 12 คน ในมือของแต่ละคนล้วนแต่ถือกริชที่มีแสงสะท้อนแวววาบ ในเวลานี้เขาจ้องมองไปยังหยางเฉินด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น
กวนเจิ้งซานและซูซานสัมผัสถึงพลังจากบนตัวของคนเหล่านี้ ล้วนแต่ตกใจกลัวทั้งนั้น สีหน้าขาวเผือก
ซูซานจับที่มุมเสื้อผ้าของหยางเฉินโดยไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นคลอนเล็กน้อย
“พวกคุณออกกันไปก่อน!”
หยางเฉินพูดกับซูซานและกวนเจิ้งซานทันที
“คุณจะทำยังไง?”
ซูซานพูดถามอย่างเคร่งเครียด
“เรื่องราวยังไม่ได้คลี่คลาย ฉันจะต้องอยู่ที่นี่ต่อ”
หยางเฉินพูดอย่างราบเรียบ
ซูซานและกวนเจิ้งซานที่อยู่ได้ในเวลานี้ ยังคงยืนอยู่ข้างตัวเองเช่นเคย กลับทำให้ในใจของเขาซาบซึ้งใจเล็กน้อย
“ถ้าหากว่าวันนี้แกไม่จ่าย 150ล้าน ใครก็ห้ามออกไปจากที่นี่ทั้งนั้น!”
เมิ่งชวนพูดพร้อมยิ้มอย่างเยือกเย็น
เขายกมือขึ้นดูนาฬิกาแล้ว : “ครบหนึ่งนาทีแล้ว พูดตัวเลือกของแกออกมาสิ!”
คนที่สวมใส่ชุดดำทั้ง 12 คน ก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างเบียดเสียด กริชที่อยู่ในมือสาดส่องประกายความเยือกเย็นออกมา
หยางเฉินก็ยังคงมีท่าทางที่เงียบสงบเช่นเคย ส่ายๆหน้า : “มีชีวิตอยู่ดีๆไม่ดีเหรอ?ทำไมจะต้องรนหาที่ตาย?”
เมื่อเขาพูดจบ จู่ๆก็ก้าวเท้าเข้าไปยังเมิ่งชวนทันที
ในเวลานี้ เมิ่งชวนมีความรู้สึกเหมือนโดนสัตว์ร้ายจับจ้องทันที เหงื่อไหลลงดังแปะๆ
“หยุดนะ!หยุดเดี๋ยวนี้!”
เมิ่งชวนคำรามเสียงดังขึ้นมาแล้ว : “ถ้าหากแกกล้าจะก้าวเท้าแม้แต่ก้าวเดียว งั้นก็รอรับความโกรธของฉันได้เลย !”
“ฮู้ว~”
เมื่อเมิ่งชวนพูดจบลง ก็มีเงาสายฟ้าเกิดขึ้นทันที
“เปรี้ยง!”
ท่ามกลางความตกใจของทุกคน หยางเฉินที่ถูกล้อมไว้ข้างในด้วยผู้แข็งแกร่งที่ห่างไกลออกไปสิบกว่าเมตร ทันใดนั้นก็มาถึงตรงหน้าของเมิ่งชวน
ผู้คนยังไม่ทันได้เรียกสติกลับคืนมา ก็เห็นเมิ่งชวนถูกหยางเฉินจับคอแล้ว ยกขึ้นด้วยแขนข้างเดียว
สองขาของเมิ่งชวนลอยบนอากาศ ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน นัยน์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ปล่อยนะ!”
เมิ่งชวนใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้ว ผู้คนถึงจะเรียกสติกลับมาได้ หงฝูคำรามด้วยความโกรธออกมาทันที
ถ้าหากเมิ่งชวนตายในที่งานประมูลที่เขารับผิดชอบ ถึงแม้ว่าจะมีสิบปาก เขาก็พูดอธิบายได้ไม่ชัดเจน
ผู้แข็งแกร่งที่สวมชุดดำทั้ง 12 คนนั้น ทำได้เพียงห้อมล้อมหยางเฉินไว้ แต่กลับว่าไม่มีใครสักคนที่กล้าจะเดินก้าวเข้ามา
ความเป็นความตายของเมิ่งชวนอยู่ในกำมือของหยางเฉิน ใครจะกล้าบุกเข้ามา?
ซูซานเบิกตากว้างแล้ว แม้ว่าเธอจะมองไม่ชัดเจนว่าหยางเฉินมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของเมิ่งชวนได้ยังไง แต่ในเวลานี้ ในที่สุดเธอก็มั่นใจแล้ว การลอบสังหารณ์ที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูของตระกูลซูเมื่อครั้งก่อน หยางเฉินก็ได้ช่วยเหลือเธอไว้แบบนี้
กวนเจิ้งซานรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตัวเองเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง หายใจอย่างรวดเร็ว
ส่วนผู้ร้ายจวงปี้ฝาน ตัวสั่นอย่างรุนแรง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แกบอกว่า อยากให้ฉันจ่ายเงิน 150?ไม่เช่นนั้นจะฆ่าฉันตาย?”
หยางเฉินไม่สนใจความตกตะลึงของผู้คน เงยหน้ามองใบหน้าที่ขาวซีดไร้สีสันนั่น เอ่ยปากถาม
เมิ่งชวนพูดไม่ออกเลย ถูกหยางเฉินจับคอไว้ เขาก็เกิดความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะถูกฆ่าตาย แม้ว่าหยางเฉินจะไม่บีบคอของเขาก็ตาม ตัวเองก็จะต้องขาดอากาศหายใจตายแน่
“คุณหยาง คุณอย่าเพิ่งวู่วาม มีอะไรก็พูดกันดีๆ ปล่อยคุณชายชวนก่อน โอเคไหม?”หงฝูพูดอย่างตึงเครียด
หยางเฉินไม่ได้สนใจ เมื่อเห็นรูม่านตาของเมิ่งชวนค่อยๆเริ่มหย่อนยานลง เขาถึงจะปล่อยมือทันที
ร่างกายของเมิ่งชวนเหมือนกับโคลนเหลว ไหลลงสู่พื้นดิน หายใจเฮือกใหญ่ทันที
“ตอนนี้ แกบอกฉันมา ยังต้องการ 150 ล้านจากฉันอีกไหม?”
เท้าข้างหนึ่งของหยางเฉินเหยียบที่ศีรษะของเมิ่งชวน มองไปยังเมิ่งชวนตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมเอ่ยถาม
“ไม่เอาแล้ว ฉันไม่ต้องการสักบาทเดียว สาวงามหมายเลข 1 ก็มอบให้แกฟรีๆเลย!”
เมิ่งชวนพูดด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว ในเวลานี้ถูกเหยียบศีรษะไว้ จะวางท่าวางทางเหมือนเมื่อกี้ได้ไง?
“งั้นยังไม่ปล่อยคนเขาอีก!”
หยางเฉินพูดตำหนิ
“หงฝู แกยังจะมายืนอยู่ตรงนี้อีกทำไม?รีบไปปล่อยผู้หญิงคนนั้นออกมาสิ!”เมิ่งชวนพูดคำรามเสียงดังออกมา
อย่างรวดเร็ว เซี่ยเหอถูกพาตัวออกมาแล้ว ตอนที่เธอเห็นหยางเฉินกำลังเหยียบลงที่ศีรษะของเมิ่งชวน ก็รู้ว่าตัวเองได้รับการช่วยเหลือแล้ว
“พวกคุณพาเธอออกไปก่อน!”
หยางเฉินเอ่ยพูดออกมาทันที เห็นได้ชัดว่าพูดกับกวนเจิ้งซานและซูซาน
ซูซานที่กำลังคิดอยากจะพูดอะไรออกมา กวนเจิ้งซานก็เอ่ยปากพูดว่า : “คุณซู เราไปกันก่อนเถอะ ไม่ต้องรบกวนคุณหยางแล้ว”
ซูซานถึงได้ล้มเลิก กัดริมฝีปากสีแดงเบาๆ มองไปยังหยางเฉินอย่างเป็นกังวลแวบหนึ่ง พร้อมทั้งหันหลังเดินจากไป
“คุณหยาง ปล่อยคนไปเรียบร้อยแล้ว คุณว่า จะปล่อยคุณชายชวนได้หรือยัง?”
หงฝูยืนอยู่ที่เดิมไม่กล้าจะขยับสักนิด พูดอย่างระมัดระวัง
“อันที่จริง ฉันไม่ได้อยากจะขัดใจกันกับตระกูลเมิ่งเลย แต่ว่า พวกแกอยากจะยั่วยุให้ฉันโมโหให้ได้ วันนี้ก็ถือว่าให้บทเรียนกับพวกแกแล้วกัน ถ้าหากยังมีครั้งหน้าอีก งั้นก็คงจะไม่จบกันง่ายๆแบบนี้อีกแล้ว”
เมื่อหยางเฉินพูดจบแล้ว ก็เอาเท้าออกทันที พร้อมหันหลังเดินจากไป
คนที่สวมชุดดำทั้ง 12 คนนั่น หลีกทางให้เป็นแถวโดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังจ้องเขม็งไปยังหยางเฉินเช่นเคย พร้อมรอฟังคำสั่งของเมิ่งชวนทุกเมื่อ
แววตาของเมิ่งชวนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม อยากจะสั่งฆ่าหยางเฉิน แต่ก็ไม่กล้า
หงฝูใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ขยิบตาไปทางเมิ่งชวนอย่างไม่หยุดหย่อน กลัวว่าเขาจะวู่วาม สั่งให้ลงมือจัดการเฉินหยางจริงๆ
จนกระทั่งหยางเฉินเดินออกจากประตูห้องโถงไป เมิ่งชวนก็ไม่ได้สั่งการอะไร
แต่ในเวลานี้ หยางเฉินก็หยุดลงทันที หยิบปากกาเซ็นชื่อที่วางไว้บนโต๊ะข้างๆขึ้นมา สะบัดมือออกไป
“ฟิ้ว!”
ปากกาเซ็นชื่อเหมือนกระสุนที่ยิงด้วยความเร็วสูงยังไงอย่างนั้น ปักเข้าไปกลางหน้าผากของจวงปี้ฝานทันที