The king of War - บทที่ 1757 ศึกของแดนนภา
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นของจวนมู่ มองเห็นกับตาตนเองตอนที่ผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่ง โดนผู้ไร้นามบิดหักคอ ล้วนแล้วแต่ตกใจค้างกันหมด สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดผวา
นี่เป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาเลยนะ กลับโดนฆ่าในเสี้ยววินาทีแบบนี้แล้ว?
หยางเฉินทำหน้าตกใจเหมือนกัน เขารู้ว่าอาจารย์ของตนเองแกร่งมาก กลับนึกไม่ถึงว่า อาจารย์จะสามารถยิ่งใหญ่เกรียงไกรถึงขั้นนี้ได้
ผู้แข็งแกร่งแดนนภาตัวจริงเสียงจริงคนหนึ่ง บอกว่าฆ่าก็ฆ่าเลยเหรอ?
“ผู้ไร้นาม!”
เวลานี้ ผู้อาวุโสที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวคนหนึ่ง เดินออกมาทันใด มองทางผู้ไร้นาม สีหน้าอึมครึมถึงขีดสุด
ผู้ไร้นามทำหน้าไม่สนใจ จ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทางหยอกล้อแล้วบอกว่า “ในที่สุดพันธมิตรพิทักษ์ก็ยอมปรากฏตัวแล้วเหรอ?”
“พันธมิตรพิทักษ์!”
ได้ยินคำพูดของผู้ไร้นาม ลูกตาหยางเฉินหดตัวลง
ในช่วงเวลานี้ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาพหลับลึกมาโดยตลอด กลับใช้พลังจิตใจรับรู้ถึงเรื่องราวมากมาย และรู้จักพันธมิตรพิทักษ์อิทธิพลแห่งนี้
อิทธิพลชั้นนำแท้จริงแห่งหนึ่ง อยู่ที่พันธมิตรพิทักษ์ ผู้แข็งแกร่งทุกคน ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา
เพราะการมีอยู่ของพันธมิตรพิทักษ์ ผู้แข็งแกร่งแดนนภาถึงไม่กล้าแทรกแซงเรื่องบนโลกทั่วไป ว่าตามกฎเกณฑ์ของพันธมิตรพิทักษ์แล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนนภา ห้ามลงมือต่อผู้แข็งแกร่งที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภา
ผู้แข็งแกร่งเสื้อคลุมสีเขียวคนนั้นของพันธมิตรพิทักษ์ จ้องผู้ไร้นามอย่างเย็นชาพูดขึ้นว่า “นายรู้หรือเปล่าว่าตัวเองทำอะไรลงไป? ว่าตามกฎของสมาคม ถ้าไม่ผ่านความเห็นชอบของพันธมิตรพิทักษ์ การลงมือฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภา นี่คือโทษหนัก!”
ผู้ไร้นามพูดแบบโมโห “นายแม่งก็รู้ว่ามีกฎสมาคมอยู่ด้วยเหรอ? ว่าตามกฎของสมาคม ผู้แข็งแกร่งแดนนภา ห้ามลงมือต่อผู้แข็งแกร่งต่ำกว่าแดนนภา ตอนที่ลูกศิษย์ของฉันเกือบโดนผู้แข็งแกร่งแดนนภาฆ่าทิ้ง นายอยู่ที่ไหนกัน?”
“ตอนนี้ฉันฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งแล้ว นายเพิ่งรู้จักขัดขวาง? แม่งตอนแรกไปทำอะไรมา?”
ผู้ไร้นามในเวลานี้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ยังเป็นครั้งแรกที่หยางเฉินเห็นลักษณะของผู้ไร้นามโกรธเคืองขนาดนี้ ขณะเดียวกัน ในใจมีความกังวลระดับหนึ่ง
เขารู้เพียงว่า ผู้แข็งแกร่งแดนนภาห้ามลงมือต่อคนที่อยู่ต่ำกว่าแดนนภา กลับไม่รู้ชัดว่า ผู้แข็งแกร่งแดนนภาลงมือต่อผู้แข็งแกร่งแดนนภา ย่อมต้องผ่านความเห็นชอบของพันธมิตรพิทักษ์เช่นกัน
ปัจจุบันนี้ อาจารย์ฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งแล้ว ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วย อาจารย์จะมีอันตรายหรือไม่?
ยิ่งคิด ความกังวลในใจของหยางเฉินยิ่งเข้มขึ้น
ผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนนั้นของพันธมิตรพิทักษ์ สีหน้าอึมครึมไร้ที่เปรียบ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ผู้แข็งแกร่งแดนนภาของตระกูลเจียงไม่ได้ลงมือฆ่าลูกศิษย์ของนาย ถึงแม้ทำร้ายลูกศิษย์ของนายแล้ว แต่ว่าโทษก็ไม่ถึงสังหาร”
“ต่อให้ต้องสังหารเขา ก็ควรปล่อยให้เป็นพันธมิตรพิทักษ์ของพวกเราสังหารเขา นายมีสิทธิ์อะไรสังหารผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่ง?”
ผู้ไร้นามตะคอกใส่ “พูดเพ้อเจ้อห่าเหวอะไร! ฉันรู้แค่ว่า ผู้แข็งแกร่งแดนนภาอยากฆ่าลูกศิษย์ฉัน พันธมิตรพิทักษ์ก็ไม่มีคนลงมือทำอะไร ในเมื่อพวกนายไม่ลงมือ งั้นฉันเลยลงมือเองไง”
“ผู้ไร้นาม!”
ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์โกรธจัด พูดแบบกัดฟันแน่น “นายเลิกบิดเบือนประเด็นเถอะ ถ้าผู้แข็งแกร่งแดนนภาอยากฆ่าลูกศิษย์ของนาย ฉันต้องลงมืออยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้ ฉันมองเห็นแค่ว่า นายฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาคนหนึ่งแล้ว”
“ตอนนี้นายตามฉันไปรับการลงโทษที่พันธมิตรพิทักษ์อย่างเชื่อฟังเถอะ บางทีอาจจะยังมีทางรอด ไม่อย่างนั้น นายมีเพียงตายสถานเดียว!”
ชั่วพริบตาเดียว ลักษณะพลังยิ่งใหญ่แบบฟ้าถล่มดินทลาย กระจายออกมาจากบนตัวของอีกฝ่าย
วินาทีนี้ ทั่วทั้งจวนมู่ ล้วนถูกลักษณะพลังอันสยองขวัญนี้ปกคลุมไว้ตรงกลาง
ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าหยางเฉินเปลี่ยนไปมาก ถึงแม้จะไม่รู้ชัดถึงสถานะและความสามารถแท้จริงของอาจารย์ กลับรู้ดีว่า อาจารย์เพื่อช่วยชีวิตตนเองแล้ว ถึงล่วงเกินพันธมิตรพิทักษ์เข้า อิทธิพลยิ่งใหญ่ที่น่ากลัวมากแห่งหนึ่ง
โดยเฉพาะฟังจากคำพูดของผู้แข็งแกร่งพันธมิตรพิทักษ์ สถานการณ์ของอาจารย์อันตรายมาก
ผู้ไร้นามกลับทำหน้าไม่สนใจไยดี หัวเราะเยาะ จ้องอีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ชิงเฟิง นี่คือนายคิดจะลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”
ที่แท้ผู้ไร้นามรู้จักผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ท่านนี้ อีกฝ่ายชื่อว่าชิงเฟิง
ชิงเฟิงจ้องผู้ไร้นามอย่างเย็นยะเยือก ตะโกนแบบโมโห “ให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย รีบตามฉันไปรับการลงโทษที่พันธมิตรพิทักษ์ ไม่อย่างนั้น ผลลัพธ์มันร้ายแรงมาก!”
“พูดจางี่เง่าเยอะฉิบหาย!”
ผู้ไร้นามหัวเราะเยาะเย้ย มองทางหยางเฉินแล้วบอกว่า “นี่คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับการเคารพ อยากจะได้รับการเคารพนับถือ ก็ต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกรด้วยตัวเอง มีแค่ความสามารถยิ่งใหญ่แล้ว ถึงจะมีอิทธิพล”
“ถอยหลัง ต่อไปนี้ เป็นเวลาแสดงของอาจารย์!”
หยางเฉินรีบถอยหลังทันที
ทันใดนั้น ลักษณะพลังวิถีบู๊อันน่าสะพรึงกลัวที่สุด กระจายออกจากบนตัวของผู้ไร้นาม
ทั่วทั้งจวนมู่ ล้วนถูกกลิ่นอายที่เหมือนทำลายล้างสองอันปกคลุมไว้ หน้าทุกคนต่างเผยแววความหวาดผวาออกมา
การมีอยู่ของคนที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนนภาของตระกูลเจียงได้ในเสี้ยววินาที และผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ ทั้งสองคนล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจเทียบได้ของโลกนี้ ถ้าเปิดศึกกัน กลัวว่าทั้งจวนมู่ จะต้องโดนทำลายจนพินาศหมดกระมัง?
ชิงเฟิงจ้องผู้ไร้นามตาไม่กะพริบ พูดด้วยเสียงเย็นชา “นายอยากสู้กับฉันสักตั้ง? นายพิจารณาถึงผลลัพธ์แล้วเหรอ?”
ผู้ไร้นามขี้เกียจพูดไร้สาระ ขยับเท้า กระโจนไปทางชิงเฟิงโดยตรง
เห็นเพียงป้ายสุสานแผ่นนั้นที่ก่อนหน้านี้ช่วยหยางเฉินจากการโจมตีเอาชีวิตของท่านเหอเอาไว้ ดึงขึ้นมาจากดินฉับพลัน ก่อนจะทุบลงไปยังชิงเฟิงโดยตรง
ทุกคนตกใจค้างหมดแล้ว เคยเจออาวุธสารพัดแบบ กลับไม่เคยเห็นมาก่อนว่า มีคนเอาป้ายสุสานมาเป็นอาวุธต่อสู้
เห็นเพียงในมือของชิงเฟิง มีดาบยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
ตามองเห็นป้ายสุสานกำลังจะร่วงลงมา ชิงเฟิงเหวี่ยงดาบยาวในมือ
“ฉิ้ง!”
ดาบยาวร่วงลงบนแผ่นป้ายสุสานอย่างแรง เสียงดังสนั่นทีหนึ่ง ดังไปทั่วทั้งพื้นที่
กลิ่นอายวิถีบู๊อันสยองขวัญ ราวกับคลื่นทะเลยักษ์ โหมซัดสาดไปทั่วทุกสารทิศ
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์มากมาย อยู่ภายใต้ลักษณะพลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ถูกสั่นสะเทือนจนลอยไปหลายสิบเมตรทันที
ถึงแม้หยางเฉินจะถอยหลังไปมากแล้ว อยู่ภายใต้การจู่โจมของกลิ่นอายนี้ ยังคงถอยไปสิบกว่าก้าว
โจมตีทีเดียว ก็สั่นสะเทือนเลือนลั่นเช่นนี้ นี่คือความยิ่งใหญ่ของผู้แข็งแกร่งแดนนภา
ส่วนชิงเฟิง ก็อยู่ภายใต้การกระแทกที่สยองขวัญอันนี้ ร่างกายถอยหลังไปสิบกว่าก้าวเหมือนกัน สีหน้าซีดเผือดครู่หนึ่ง
ผู้ไร้นามหัวเราะเยาะ “ผู้แข็งแกร่งของพันธมิตรพิทักษ์ที่น่าเกรงขาม มีความสามารถแค่นี้เองเหรอ? ฉันขอเตือนนายนะ รีบไสหัวกลับไปจะดีกว่า อย่ามาขายขี้หน้าอยู่ที่นี่เลย”
“นายรนหาที่ตาย!”
ชิงเฟิงถูกยั่วโมโหถึงที่สุด บนดาบยาวนั้น ระเบิดกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งออกมาในชั่วพริบตา
ผู้ไร้นามหัวเราะเยาะ ถือโอกาสโบกมือ ป้ายสุสานแผ่นนั้น ดึงขึ้นจากพื้นดินอีกครั้ง ทุ่มเข้าไปยังชิงเฟิงโดยตรงอีกครั้งหนึ่ง
“ฉิ้งๆๆ!”
ชิงเฟิงรีบกวัดแกว่งดาบยาวในมือ ร่างกายถอยหลังติดต่อกัน
แต่ละครั้งที่โจมตี ล้วนมีกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัว โหมซัดสาดไปทั่วสารทิศ ผู้แข็งแกร่งในจวนมู่ ถอยหลังไปไกลถึงพันเมตรตั้งแต่นานแล้ว
ส่วนอาคารสิ่งก่อสร้างบริเวณใกล้สนามรบ ล้มพังติดต่อกัน
นับวันการโจมตีของผู้ไร้นามยิ่งแกร่งกล้าขึ้น ส่วนชิงเฟิงกลับถอยหลังไปติดๆ สีหน้าแพ้อย่างยับเยิน
ถึงแม้จะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนนภา ก็มีการแบ่งแยกระดับความแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่า ความสามารถของชิงเฟิง ไม่เท่าผู้ไร้นาม ถ้าหากสู้ต่อไปอีก ชิงเฟิงมีเพียงตายสถานเดียว