The king of War - บทที่ 1765 ตกลงร่วมมือด้วย
บทที่ 1765 ตกลงร่วมมือด้วย
ซ่งอี้ก็ไม่ได้รีบร้อนให้คำตอบ เพียงแค่มองหยางเฉินแบบยิ้มกริ่ม
ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายที่จ้องจวนมู่ตาเป็นมันเหล่านั้น ไม่ได้ลงมือเช่นกัน ต่างกำลังมองซ่งอี้อยู่
ถ้าเกิดซ่งอี้ร่วมมือกับจวนมู่ พวกเขาจะไม่มีโอกาสสักนิด นอกจากว่าซ่งอี้ตัดสินใจเปิดศึกกับจวนมู่ พวกเขายังถือว่ามีโอกาส
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ซ่งอี้ไม่ได้บอกคำตอบออกมาสักที เห็นได้ชัดว่ากำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน
หยางเฉินไม่ได้เร่ง ยังรอคำตอบของซ่งอี้มาโดยตลอด
สามารถพูดได้ว่า ชะตากรรมของจวนมู่ ตอนนี้ล้วนอยู่ในมือของซ่งอี้แล้ว
ผ่านไปสามนาทีเต็มๆ ในที่สุดซ่งอี้เอ่ยปากว่า “ทำไมผมต้องช่วยคุณด้วย?”
หยางเฉินตอบว่า “อย่างแรก คุณอยากจะยึดครองจวนมู่ไป นั่นไม่ง่ายเลย อย่างที่สอง ต่อให้คุณเอาจวนมู่ไปได้ คุณก็จะไม่สบายใจอยู่ดี เพราะคุณไม่รู้ว่าเจ้าเมืองมู่จะปรากฏตัวขึ้นเมื่อไร ยังมีนักดาบเงาเพชฌฆาตที่ความสามารถเทียบเท่ากึ่งแดนนภาขั้นหนึ่งอีกคนด้วย”
“แต่ถ้าคุณช่วยผมป้องกันจวนมู่เอาไว้ จวนมู่จะต้องทุ่มเทสุดความสามารถ เพื่อช่วยคุณยึดจวนเมืองหวยเฉิงมา พอเป็นแบบนี้ ต่อไปจวนมู่กับจวนเมืองหวยเฉิงก็คือพันธมิตรที่แยกกันแค่แม่น้ำสายหนึ่ง ส่วนกลุ่มอิทธิพลบางส่วนที่อยากจะได้จวนมู่และจวนเมืองหวยเฉิงไปครอง ก็ต้องชั่งน้ำหนักดูหน่อย ว่าตัวเองต้องรับมือกับกลุ่มอิทธิพลของคฤหาสน์เจ้าเมืองสองที่พร้อมกัน”
“ถ้าเป็นแบบนี้ คุณจะมีเวลาครอบครองมากขึ้น สามารถควบคุมจวนเมืองหวยเฉิงไว้ในมือตัวเองโดยสิ้นเชิง”
พูดเรื่องพวกนี้จบ หยางเฉินไม่พูดอะไรเพิ่ม จ้องซ่งอี้ด้วยดวงตาทั้งสอง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นซ่งอี้หัวเราะเสียงดังออกมา ยื่นมือข้างหนึ่งไปทางหยางเฉิน หัวเราะแล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”
ฟังคำพูดของซ่งอี้ ชั่วขณะนั้นหยางเฉินดีใจยกใหญ่ รีบยื่นมือออกมาจับมือด้วยกันกับอีกฝ่ายทันที “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ!”
ห่างไปไม่ไกลนัก ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายที่จ้องหยางเฉินและซ่งอี้กันมาตลอด ตอนที่พวกเขามองเห็นหยางเฉินและซ่งอี้จับมือกัน แต่ละคนสีหน้าดูแย่ถึงขีดสุด
เห็นได้ชัดว่า ซ่งอี้ก็ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่นาน หยางเฉินและซ่งอี้เดินกลับมา
ซ่งอี้กวาดสายตามองไปโดยรอบ พูดเสียงดังกังวาน “วันนี้เป็นต้นไป จวนมู่ก็คือพันธมิตรของจวนซ่ง ขอให้ทุกคนเห็นแก่หน้าของผมซ่งอี้ ออกไปจากที่นี่!”
ฟังคำพูดของเขาแล้ว ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่าย สีหน้าอึมครึมกว่าเดิม แต่ว่าไม่มีใครออกไป
ในเวลานี้ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนหนึ่ง มองทางซ่งอี้ทันทีแล้วบอกว่า “คุณชายซ่ง คุณจัดการแบบนี้ ไม่เหมาะสมมั้ง?”
ซ่งอี้มองทางอีกฝ่ายทันใด ยกมุมปากขึ้นเบาๆ “ไม่เหมาะสม? งั้นคุณคิดว่า ผมควรทำอย่างไร ถึงจะเหมาะสม?”
อีกฝ่ายพูดจาด้วยเสียงเย็นชา “ผมคิดว่า พวกเราหลายฝ่าย น่าจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม!”
“หึๆ!”
ทันใดนั้นซ่งอี้หัวเราะออกมาแล้ว มองอีกฝ่ายเหมือนกับมองคนโง่แล้วพูดว่า “แข่งขันอย่างยุติธรรม? ได้สิ ในเมื่อคุณอยากแข่งขันอย่างยุติธรรม งั้นพวกเราก็แข่งกันสักตั้งก็ได้”
หลังจากคำพูดของเขาจบลง ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนของจวนซ่ง ราวกับลูกธนูที่ยิงออกจากคันธนู พุ่งไปทางผู้แข็งแกร่งกลุ่มนั้นในชั่วพริบตา
ถึงแม้อีกฝ่ายมีผู้แข็งแกร่งห้าคน แต่ทว่าคนที่แกร่งสุด เป็นแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายคนหนึ่ง ในบรรดาผู้แข็งแกร่งสี่คนที่เหลือ เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางสองคน และผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นสองคน
หลังจากผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนของจวนซ่งพุ่งเข้าไป เดิมทีพวกเขาไม่มีกำลังสู้กลับสักนิดเดียว นี่คือการบดขยี้ของฝ่ายเดียวโดยสิ้นเชิง
ผ่านไปหลายสิบวินาที กลุ่มเล็กที่ผู้แข็งแกร่งห้าคนรวมตัวกัน ผู้แข็งแกร่งทั้งห้า กลายเป็นศพกันหมด
ส่วนผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนนั้น กลับมาที่ด้านหลังของซ่งอี้อีกรอบ ราวกับเป็นเทพสงครามสองตน เฝ้าคุ้มครองซ่งอี้ไม่ขยับ
ในใจหยางเฉินแอบรู้สึกตกใจ ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนของจวนซ่ง กำลังสู้รบแกร่งที่สุด และเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับนักดาบเงาเพชฌฆาต ถ้าพวกเขาครอบครองของอาถรรพ์ไว้ เกรงว่ากำลังสู้รบคงบรรลุถึงระดับกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง
ทันใดนั้นหยางเฉินรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ถ้าเมื่อสักครู่ซ่งอี้ไม่ตกลงร่วมมือด้วย แต่กลับลงมือต่อจวนมู่ ลำพังเพียงสถานการณ์ของจวนมู่ในขณะนี้ เดิมทีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนนั้นของจวนซ่งเลย
ต่อให้นักดาบเงาเพชฌฆาตกลับมาแล้ว อาศัยแค่เขาคนเดียว ยังคงทำอะไรซ่งอี้พวกเขาไม่ได้เลย
“ยังมีใคร อยากสู้กับพวกเราจวนซ่งอีกสักตั้งอยู่ไหม?”
ซ่งอี้กวาดสายตามองโดยรอบ ถามขึ้นแบบหัวเราะเยาะ
ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายคนที่เหลือ แม้แต่ความกล้าจะสบตากับซ่งอี้ยังไม่มี ต่างถอยหลังไปหลายก้าวกันหมด กลัวโดนซ่งอี้เข้าใจผิดเอา
ซ่งอี้เอ่ยปากพูดอีกครั้ง “ถ้าไม่มี งั้นก็ไปให้พ้นสิ!”
ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายหลังมองหน้ากันและกัน ต่างหมุนตัวแยกย้ายไป
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่ายที่เดิมทีซ่อนอยู่รอบด้านของจวนมู่ ถอยหนีกันทั้งหมด ปัจจุบันนี้เหลือเพียงผู้แข็งแกร่งของจวนซ่งเท่านั้น
“ขอบคุณมากครับ!”
หยางเฉินยกมือขึ้นกล่าวขอบคุณ
ซ่งอี้หัวเราะแล้ว จากนั้นเอ่ยปากบอกว่า “คุณไปก่อนเถอะ ในเมื่อผมรับปากร่วมมือกับคุณแล้ว ย่อมไม่คืนคำเป็นแน่ รอคุณจัดการที่จวนมู่เสร็จเรียบร้อย พวกเราค่อยไปเมืองหวยเฉิง”
“ได้ครับ!”
หยางเฉินพยักหน้า หมุนตัวกลับไปที่จวนมู่แล้ว
“เจ้าเมืองน้อย ท่านจะร่วมมือกับจวนมู่จริงเหรอครับ?”
หยางเฉินเพิ่งออกไป ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดคนหนึ่ง เอ่ยปากถามขึ้นทันใด
ซ่งอี้หยักหน้า หรี่ตาตอบว่า “คนหนุ่มที่อายุไม่ถึงสามสิบปี ก็ครอบครองแดนวิถีบู๊ของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดได้แล้ว แม้กระทั่งฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายได้ในเสี้ยววินาที ย่อมไม่ธรรมดาเด็ดขาด”
ผู้แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งพูดด้วยเสียงทุ้ม “พรสวรรค์ด้านบูโดของชายคนนี้น่าสะพรึงกลัวมากจริงๆ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายในพริบตา ใช้พลังแห่งธาตุน้ำแล้ว ลูกธนูน้ำสองอันแข็งตัวขึ้นในความเงียบงัน น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง แทงดวงตาของคนนั้นจนบอด”
“จากนั้นถือโอกาสใช้มีดอาถรรพ์ฆ่าอีกฝ่ายในพริบตา จิตสำนึกการต่อสู้แกร่งมาก”
ลูกตาของซ่งอี้หดตัว มองทางผู้แข็งแกร่งจวนซ่ง พูดอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก “คุณหมายความว่า เขาใช้ความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด ฝึกฝนพลังแห่งธาตุน้ำออกมาแล้วงั้นเหรอ?”
ผู้แข็งแกร่งจวนซ่งพยักหน้า “ถูกต้องครับ! ถึงแม้หลบซ่อนลูกธนูน้ำสองอันนั้นไว้ได้ดีมาก แต่ว่าผมมองเห็นแล้ว”
ผู้แข็งแกร่งจวนซ่งอีกคนหนึ่งก็บอกว่า “ผมก็เห็นเหมือนกันครับ”
ซ่งอี้หรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย “ใช้ความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด ก็สามารถฝึกฝนพลังแห่งธาตุน้ำออกมาได้ ยังทำให้คนตกใจเสียจริงนะ!”
พูดจบ เขาพูดแบบจริงจังทันที “ค้นหาให้ผม ผมอยากรู้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเขา!”
“ครับ!”
ผู้แข็งแกร่งจวนซ่งรีบตอบรับทันใด
เวลานี้ หยางเฉินกลับมาถึงจวนมู่แล้ว
“พี่หยาง!”
เห็นหยางเฉินกลับมา เฝิงเสียวหว่านกับหวยหลันรีบเข้ามาหา สองสาวทำหน้าเป็นห่วงเหมือนกัน
หยางเฉินส่ายหน้าเล็กน้อย สีหน้าซีดเซียวไร้ที่เปรียบ ความรู้สึกอ่อนเพลียอันรุนแรงเข้าโจมตี
ถึงแม้เป็นวิธีที่ทำให้คนแกร่งขึ้นในเวลาสั้นๆ ล้วนมีผลข้างเคียง
เฝิงเสียวหว่านใช้การฝังเข็ม ฝืนบังคับเพิ่มความสามารถของหยางเฉินไปแดนหนึ่งภายในเวลาสั้นๆ ปัจจุบันนี้ ประสิทธิผลที่แกร่งขึ้นเลือนหาย ก็ต้องแบกรับความอ่อนเพลียหลังจากพลังแกร่งขึ้น
เฝิงเสียวหว่านรีบเข้าไปทันที หยิบเข็มออกมา หลังจากปักเข็มบนจุดตามร่างกายของหยางเฉินทีเดียวหลายสิบเล่ม ในที่สุดหยางเฉินก็รู้สึกดีขึ้นมามากเลยทีเดียว
หยางเฉินถึงรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ถอนหายใจแล้วพูดว่า “โดยเฉพาะไม่ใช่ความสามารถที่เป็นของตัวเอง ฉันในตอนนี้ ยังอ่อนแอเกินไป”