The king of War - บทที่ 1766 วิ่งเพ่นพ่าน
บทที่ 1766 วิ่งเพ่นพ่าน
“คุณหยาง ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกัน?”
เวลานี้ บุคคลสำคัญของจวนมู่คนหนึ่ง เดินเข้ามาแล้ว มองทางหยางเฉินก่อนจะสอบถาม
อีกฝ่ายชื่อว่ามู่ชง เป็นลูกชายคนโตของเจ้าเมืองมู่ ความสามารถอยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น
หยางเฉินตอบด้วยสีหน้าขึงขัง “ผมกับคนของจวนซ่งเจรจาร่วมมือกันแล้ว พวกเขาไล่ผู้แข็งแกร่งฝ่ายอื่นที่ต้องจวนมู่ออกไปหมดแล้ว น่าจะไม่ลงมือต่อจวนมู่ชั่วคราว”
พอได้ยิน มู่ชงขมวดคิ้วแล้ว หน้าตาเผยแววความไม่พอใจ มองหยางเฉินแล้วพูดว่า “คุณเจรจาร่วมมืออะไรกับอีกฝ่าย? แล้วอีกฝ่ายจะรับปากจริงเหรอ?”
หยางเฉินไม่ได้ปิดบัง เล่าถึงการร่วมมือระหว่างเขากับซ่งอี้ออกมาแล้ว
ตอนที่มู่ชงรับรู้ว่าหยางเฉินอยากยอมให้จวนเมืองหวยเฉิงไป ชั่วขณะนั้นก็โมโหแล้ว “หยางเฉิน ใครอนุญาตให้นายทำแบบนี้กัน? พวกเราจวนมู่เสียสละมากมายขนาดนี้ ทุกอย่างของจวนเมืองหวยเฉิง ควรเป็นของพวกเราสิ”
“รอหลังจากคุณพ่อและนักดาบเงาเพชฌฆาตกลับมา พวกเราก็ลงมือต่อจวนเมืองหวยเฉิงได้แล้ว นายทำแบบนี้ ต่อไปพวกเราจะเพิ่มคู่ต่อสู้ที่ทรงอำนาจอีกกลุ่มนะสิ”
หยางเฉินขมวดคิ้วขึ้นมาแล้ว หลายวันนี้ที่อยู่จวนมู่ นอกจากเจ้าเมืองมู่และนักดาบเงาเพชฌฆาตแล้ว ก็ไม่ได้ไปพบปะพูดคุยกับคนอื่นๆ ในจวนมู่ และรู้เพียงแค่ว่า มู่ชงเป็นลูกชายคนโตของเจ้าเมืองมู่
เวลานี้ คำพูดพวกนี้ของมู่ชง ทำให้เขาโกรธเคืองอยู่บ้าง
“นี่คือคุณหมายความว่าอะไร?”
หยางเฉินยังไม่ได้เอ่ยปาก หวยหลันไม่พอใจเข้าแล้ว พูดจาแบบขุ่นเคือง “ความสูญเสียของจวนมู่ในตอนนี้สาหัสมาก คนที่ยังมีกำลังสู้รบจริงๆ กลัวว่ามีแค่ส่วนเดียว คุณจะเอาผู้แข็งแกร่งที่ไหนมาสู้กับเมืองซ่ง?”
“ถ้าไม่ใช่พี่หยางใช้เหตุผลว่าช่วยซ่งอี้ควบคุมจวนเมืองหวยเฉิง อาศัยแค่ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนด้านหลังซ่งอี้ ก็สามารถพังทลายจวนมู่ในตอนนี้ได้แล้ว”
“อีกอย่าง จวนเมืองหวยเฉิงไม่ใช่สิ่งของของพวกคุณจวนมู่ พี่หยางเองของที่ไม่ใช่เป็นของจวนมู่ไปแลกเปลี่ยนกับกลุ่มอิทธิพลที่จวนมู่ไม่มีทางรับมือได้ หรือว่ามันมีปัญหานักเหรอ?”
“ยังมีอีก ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ก่อนหน้าที่ท่านเงาเพชฌฆาตจะออกไปยังเคยบอกว่า หลังจากเขาออกไป ทุกอย่างของจวนมู่ ล้วนปล่อยให้พี่หยางเป็นคนตัดสินใจ”
บนใบหน้าของมู่ชง เต็มไปด้วยแววความโกรธ จ้องหวยหลันแบบตาไม่กะพริบ กัดฟันพูดว่า “ยัยเด็กคนนี้ปากดีเสียจริง ถ้าไม่ใช่พวกเธอ จวนมู่จะเป็นเช่นทุกวันนี้ได้เหรอ?”
“จวนเมืองหวยเฉิงเป็นได้เฉพาะของพวกฉันจวนมู่ ไม่ว่าใครหน้าไหน ก็ไม่อาจเปลี่ยนความจริงข้อนี้ได้”
หวยหลันหัวเราะเยาะ “ถ้าพี่หยางไม่มีคุณค่าให้ใช้ประโยชน์ จวนมู่จะเปิดศึกกับจวนเมืองหวยเฉิงเพื่อพี่หยางงั้นเหรอ? อีกอย่าง ระหว่างจวนมู่กับจวนเมืองหวยเฉิง เดิมก็มีความแค้นกันมากอยู่ก่อน จวนมู่ของพวกคุณแค่มองเห็นคุณค่าของพี่หยางเข้าพอดี ถึงกล้าสู้กับจวนเมืองหวยเฉิงสักตั้ง”
“เธอนังตัวดีคนนี้ หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ชั่วขณะนั้นมู่ชงโมโหเดือดดาล ยกมือแล้วตบเข้าไปบนหน้าของหวยหลันแล้ว
“ป้าบ!”
ซึ่งในเวลานี้เองหยางเฉินยื่นมือข้างหนึ่งออกมาทันใด จับบนข้อมือของมู่ชงเอาไว้
ชั่วขณะหนึ่งมู่ชงตกใจ เขาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น หลังจากโดนหยางเฉินจับข้อมือไว้ รู้สึกเพียงว่าพละกำลังอันยิ่งใหญ่มากส่วนหนึ่ง ราวกับมีคีม จับข้อมือของเขาไว้แน่น
มู่ชงพูดแบบโมโห “หยางเฉิน นายอยากทำอะไร? นี่คือหลอกใช้จวนมู่เสร็จแล้ว ก็จะลงมือต่อคนของจวนมู่งั้นเหรอ?”
ในสายตาหยางเฉินมีแสงคมกริบแวบผ่าน จ้องมู่ชงเอาไว้ พูดจาเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าไม่ใช่เห็นแก่หน้าของเจ้าเมืองมู่ แค่คำพูดพวกนั้นที่คุณพูดมาเมื่อกี้ ผมก็ลงมือฆ่าคุณได้แล้ว”
ในสายตามู่ชงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเคยเห็นมากับตาตนเอง ความสามารถของหยางเฉินนั้นแกร่งแค่ไหน
ถึงแม้แดนวิถีบู๊มีเพียงแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด แต่ว่ากำลังต่อสู้ที่แท้ กลับเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง
เขามีแค่ความสามารถของแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น เดิมทีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลบนข้อมือ มู่ชงเจ็บปวด รีบบอกทันที “หยางเฉิน รีบปล่อยฉันออก!”
หยางเฉินพูดจาเสียงเย็นชา “ตอนนี้ที่ผมอยู่จวนมู่ต่อ ก็ไม่ใช่อยากได้จวนมู่แห่งนี้หรอก แต่ว่าก่อนที่นักดาบเงาเพชฌฆาตออกไป เคยสั่งผมเอาไว้ ถ้าคุณคิดว่า ผมแย่งจุดสนใจของคุณไปแล้ว คุณวางใจได้เลย รอให้ท่านเงาเพชฌฆาตกลับมาแล้ว ผมถึงจะออกไป”
พูดจบ เขาถึงปล่อยมู่ชงออก
มู่ชงรีบถอยหลังไปสามสี่ก้าว ตอนที่มองทางหยางเฉิน ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เดิมเขาคิดว่า หยางเฉินได้รับบาดเจ็บหนัก ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของสภาพสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นแดนวิถีบู๊ของหยางเฉิน ยังอยู่แค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด
ส่วนเขา ก็เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นแล้ว สามารถกดขี่หยางเฉินได้ กลับนึกไม่ถึงว่า แม้ว่าหยางเฉินจะได้รับบาดเจ็บ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉินอยู่ดี
หยางเฉินพูดแบบเสียงเย็นชา “เสี่ยวหลัน ส่งแขก!”
หวยหลันรีบเดินเข้ามา มองทางมู่ชงอย่างเฉยชาแล้วบอกว่า “ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ เชิญกลับไปเถอะ!”
มู่ชงไม่ได้สนใจหวยหลัน จ้องหยางเฉินไม่กะพริบอยู่แวบหนึ่ง จากนั้นเดินสะบัดออกไป
หลังจากมู่ชงออกไป หวยหลันพูดแบบโกรธแค้น “ไอ้สารเลวคนนี้ ยังเป็นพวกต่ำต้อยที่ไม่สำนึกบุญคุณเสียจริง ถ้าไม่มีพี่หยางล่ะก็จวนมู่คงพังพินาศไปแล้วมั้ง?”
เฝิงเสียวหว่านก็พูดอย่างเดือดดาลมากเหมือนกัน “รู้แต่แรก คงไม่รักษาพวกเขาแล้ว”
เวลานี้หยางเฉินพูดว่า “พอแล้ว ไม่ต้องโกรธหรอก ที่จวนมู่ มีคนมากมายที่คิดกันว่า ฉันเป็นคนนำวิกฤติใหญ่ขนาดนี้มาให้จวนมู่พวกเขาย่อมไม่ชอบพวกเราเป็นธรรมดา”
“ถึงเป็นเจ้าเมืองมู่ก็มีความคิดใช้ประโยชน์จากพวกเราเหมือนกัน แต่เป็นจวนมู่ให้ความช่วยเหลือจริง พวกเราถึงมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ เจ้าเมืองมู่มีบุณคุณต่อพวกเรา พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยกับคนบางส่วนของจวนมู่”
หวยหลันพูดแบบท่าทางไม่ยินยอม “พวกเขายังไม่ใช่สนใจกำลังแฝงบนตัวของพี่หยางหรอกเหรอ และบวกกับมีความแค้นต่อจวนเมืองหวยเฉิง ไม่อย่างนั้นจวนมู่คงไม่สนใจพวกเราแน่นอน”
หยางเฉินหัวเราะขมขื่น “เอาล่ะ อย่าคิดมากเลย รอท่านเงาเพชฌฆาตกลับมาแล้ว พวกเราค่อยออกไปกัน”
สองสาวต่างพยักหน้า ทันใดนั้นเฝิงเสียวหว่านพูดด้วยตาที่แดงก่ำ “ถ้าปู่จิ่วกลับไปด้วยกันกับพวกเราได้ งั้นคงจะดีมากแค่ไหน?”
พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นหยางเฉินเงียบงันไป ในดวงตาปกคลุมด้วยละอองหมอกชั้นหนึ่ง
เดินบนเส้นทางนี้ ถ้าไม่มีเหล่าจิ่ว ไม่รู้ว่าเขาจะตายไปสักกี่รอบกัน
“พวกเธอวางใจได้ ฉันจะต้องหาร่างของปู่จิ่วให้เจอแน่นอน!”
หยางเฉินกำหมัดทั้งสองแน่นทันที พูดด้วยท่าทางจริงจัง
ตอนนี้พวกเขาแทบจะแน่ใจได้ว่า ศพของเหล่าจิ่วโดนดอกเตอร์แบล็กเอาไป
ดอกเตอร์แบล็กสร้างฐานทัพวิจัยใต้ดินที่จวนเมืองหวยเฉิง ใช้ศพของผู้แข็งแกร่งมาทำวิจัยโดยเฉพาะ ปัจจุบันนี้วิจัยศพมีชีวิตของแดนเหนือมนุษย์ออกมาหลายร่าง
หลังจากมู่ชงออกมาจากทางนั้นของหยางเฉิน ก็เรียกผู้แข็งแกร่งของจวนมู่ส่วนหนึ่งมารวมตัว
“หยางเฉินไอ้เวรคนนี้ อยู่ลับหลังพวกเรา ไปตกลงร่วมมือกับผู้แข็งแกร่งของเมืองซ่งแล้ว จะช่วยเมืองซ่งควบคุมจวนเมืองหวยเฉิง พวกเรารับปากไม่ได้เด็ดขาด จวนเมืองหวยเฉิงเป็นได้แค่ของพวกเราเท่านั้น!”
มู่ชงพูดจาแบบโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “ตอนนี้ คือช่วงอันตรายที่สุดของจวนมู่ พวกเราจะปล่อยให้คนนอกสักคนมาวิ่งเพ่นพ่านในจวนมู่ไม่ได้ พวกเราต้องรวมพลังกันขึ้นมา ไม่ให้คนนอกสักคนเดียวกลายมาเป็นเจ้าของของพวกเราจวนมู่ได้เด็ดขาด”