The king of War - บทที่ 1767 ทำเกินเหตุเองจนเดือดร้อน
บทที่ 1767 ทำเกินเหตุเองจนเดือดร้อน
คำพูดของมู่ชงเพิ่งจบไป คนอื่นๆ ล้วนมองหน้าซึ่งกันและกัน และไม่มีใครตอบรับมู่ชงในวินาทีแรก
“คุณชายมู่ครับ ก่อนที่เจ้าเมืองจะออกไป ได้มอบจวนมู่ไว้ให้นักดาบเงาเพชฌฆาตแล้ว ส่วนนักดาบเงาเพชฌฆาตก่อนจะออกไป ก็มอบหมายจวนมู่ไว้ให้หยางเฉินอีก พวกเราแข่งขันกับหยางเฉินไม่ค่อยดีมั้งครับ?”
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางคนหนึ่ง มองทางมู่ชงแล้วบอกไป
มู่ชงยักคิ้วขึ้น พูดจาด้วยท่าทางไม่พอใจ “ถ้าไม่ใช่หยางเฉิน จวนมู่ของพวกเราจะประสบอันตรายแบบในวันนี้ได้เหรอ? อีกอย่างคุณพ่อผมมอบหมายจวนมู่ให้นักดาบเงาเพชฌฆาตแล้ว ถ้านักดาบเงาเพชฌฆาตอยากร่วมมือกับเมืองซ่ง ยอมปล่อยจวนเมืองหวยเฉิงให้ไป ผมไม่มีปัญหาสักนิด”
“คุณพ่อผมไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะมอบจวนมู่ให้หยางเฉิน เขามีสิทธิ์อะไรไปร่วมมือกับคนของเมืองซ่ง โดยที่ไม่ปรึกษากับพวกเราก่อน แถมจะเอาจวนเมืองหวยเฉิงที่เดิมควรเป็นของพวกเราไปยกให้คนอื่นเปล่าๆ?”
พอได้ยิน คนคนนั้นไม่พูดอะไรเพิ่มอีก หุบปากลงแล้ว
มู่ชงกวาดสายตามองโดยรอบ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ทำไม? หรือว่าพวกคุณลืมกันแล้ว เป็นหยางเฉินที่นำความสูญเสียมากขนาดนี้มาให้จวนมู่?”
“คุณชายมู่ครับ ท่านพูดถูกต้องครับ ถ้าไม่ใช่หยางเฉินนำความเดือดร้อนมาให้จวนมู่ของพวกเรา จวนมู่ของพวกเราจะเผชิญหายนะได้อย่างไรกัน?”
ผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางคนหนึ่ง กัดฟันแน่นแล้วพูดว่า “หยางเฉินถือว่าเป็นใครกัน? แค่เขาครอบครองความสามารถอยู่นิดหน่อย ก็มีสิทธิ์เป็นตัวแทนจวนมู่ของพวกเราแล้วเหรอ?”
“คุณชายมู่ ท่านอยากทำอะไร ผมสนับสนุนท่านทั้งนั้นครับ!”
“คุณชายมู่ ผมก็สนับสนุนท่านเหมือนกันครับ!”
……
ทันใดนั้น ผู้แข็งแกร่งจวนมู่กลุ่มหนึ่ง ต่างเอ่ยปากกันหมด แสดงออกว่าสนับสนุนมู่ชง
ในใจพวกเขาต่างเข้าใจดีว่า ถึงแม้ความสามารถของหยางเฉินแกร่งมาก แต่อย่างไรเสียก็เป็นคนนอก มู่ชงเป็นลูกชายของเจ้าเมืองมู่ และมีเพียงเขา ถึงเป็นคนนั้นที่มีความหวังที่สุดในการสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองคนใหม่ของจวนมู่
มู่ชงตอบรับแบบพึงพอใจทุกคนอย่างมาก พูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ดี ในเมื่อทุกคนล้วนสนับสนุนผม งั้นพวกเราจะประนีประนอมให้ใครไม่ได้โดยเด็ดขาด ใครก็อย่าคิดมาตัดสินใจใดๆ แทนพวกเรา!”
“คุณชายมู่ครับ ต่อไปนี้ พวกเราควรทำอย่างไรครับ?”
ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่คนหนึ่ง เอ่ยปากถามขึ้นทันใด
มู่ชงกวาดตามองทุกคน เอ่ยปากพูด “ทุกคนเสนอความคิดของตัวเองออกมาหน่อย”
ทุกคนตกใจกันอยู่บ้าง เดิมคิดว่ามู่ชงคิดแผนการที่ดีกว่าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่า มู่ชงอยากให้ทุกคนเสนอความคิดของตนเองออกไป
มู่ชงเหมือนรู้สึกถึงความคิดของทุกคนได้แล้ว สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร อธิบายว่า “ผมคิดแผนการไว้แล้ว เพียงแค่อยากจะฟังความเห็นของทุกคนดูด้วย ถ้ามีใครเสนอวิธีการที่ดียิ่งกว่า ก็ทำตามที่เขาว่ามา”
พูดจบ เขามองทางผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง พูดว่า “ลุงอู๋ คุณพูดมาก่อนแล้วกัน”
ลุงอู๋เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลาย และเป็นคนหนึ่งในบรรดาคนเหล่านี้ ที่ความสามารถแกร่งสุด และมีบารมีมากสุดอีกด้วย
หลังจากเงียบงันสักครู่ ลุงอู๋บอกว่า “คุณชายมู่ ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้ เดิมทีทำอะไรผู้แข็งแกร่งเมืองซ่งที่ด้านนอกไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หยางเฉินเจรจาร่วมมือกับคนของเมืองซ่งเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ พวกเราอยากได้จวนเมืองหวยเฉิงมาครองแทบจะไม่มีความหวังแต่อย่างใด”
พอได้ยิน มู่ชงขมวดคิ้วขึ้นมา พูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “ว่าตามที่คุณพูดมานี้ พวกเรายังต้องยอมปล่อยจวนเมืองหวยเฉิงออกไปงั้นเหรอ?”
ลุงอู๋ก้มหน้า ไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
เขามองสถานการณ์ขณะนี้ได้แจ่มชัดมาก นอกจากเจ้าเมืองมู่และนักดาบเงาเพชฌฆาตกลับมา ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครทำอะไรคนของเมืองซ่งได้
ปัจจุบันนี้ มีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคน กำลังเฝ้าด้านนอกจวนมู่อยู่ ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นต้นอีกคน ถึงแม้ความสามารถจะไม่ได้แกร่งมาก แต่อีกฝ่ายอายุน้อย ท่าทางสามสิบต้นๆ พรสวรรค์ด้านบูโดโดดเด่นเช่นนี้ ต่อให้ไม่ใช่เจ้าเมืองน้อยของเมืองซ่ง ก็คงต้องเป็นตัวเลือกที่มีสิทธิ์กลายเป็นเจ้าเมืองน้อยของเมืองซ่งอยู่ดี
เห็นคนอื่นๆ เงียบงันไม่พูดเหมือนกัน ชั่วขณะนั้นมู่ชงเดือดดาล ตวาดใส่ “พวกคุณเป็นสวะกันหรือไง? คนมากขนาดนี้ แม้แต่แผนการสักอันก็คิดกันไม่ได้?”
ผู้แข็งแกร่งของจวนมู่คนหนึ่ง พูดจาอย่างระมัดระวังทันใด “คุณชายมู่ครับ ท่านไม่ใช่บอกว่า ท่านคิดแผนการเอาไว้แล้วเหรอครับ? พวกเราฟังคำสั่งของท่านทุกอย่างเลยครับ”
มู่ชงโกรธจนแทบกระอักเลือด ถ้ามีแผนการอยู่จริง เขาคงสั่งการไปโดยตรงแล้ว เป็นเพราะไม่มี ดังนั้นถึงให้ทุกคนเสนอความคิดออกมากัน
เวลานี้ ผู้แข็งแกร่งจวนมู่ที่อายุค่อนข้างมากคนหนึ่ง พูดขึ้นกะทันหัน “คุณชายมู่ ผมมีความคิดที่กล้าหาญอยู่อันหนึ่งครับ”
มู่ชงรีบบอกทันที “คุณว่ามา!”
อีกฝ่ายถึงบอกว่า “จากสถานการณ์ตอนนี้ของจวนมู่ เดิมทีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งเมืองซ่ง เจ้าเมืองหายตัวไปแล้ว ส่วนนักดาบเงาเพชฌฆาตครั้งนี้ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก ยังเสียแขนไปข้างหนึ่งอีก กลัวว่าความสามารถคงลดลงไปมาก เขารักษาความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดไว้ได้ นั่นเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว”
“สำหรับพวกเรานั้น สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรักษาจวนมู่ไว้ รอเจ้าเมืองกลับมา แต่ไม่ใช่คิดจะไปฮุบจวนเมืองหวยเฉิงเอาไว้”
“ในเมื่อความสามารถของพวกเราในตอนนี้ ฮุบจวนเมืองหวยเฉิงเอาไว้ไม่ได้ ไม่สู้อาศัยโอกาสครั้งนี้ คิดหาวิธีคบหาเป็นพันธมิตร?”
พอได้ยิน มู่ชงขมวดคิ้วขึ้นมา พูดอย่างเย็นชา “เหล่าฉี ความคิดอันนี้ของคุณ ยังไม่ใช่เหมือนกับหยางเฉินเหรอ?”
เหล่าฉีส่ายหน้า “ไม่เหมือนครับ! ถ้าเป็นหยางเฉินให้ความร่วมมือกับเมืองซ่ง แล้วยึดจวนเมืองหวยเฉิงมา คนของเมืองซ่ง ต้องยอมรับเพียงแค่หยางเฉินแน่ ถึงตอนนั้นหยางเฉินก็อาจจะเข้าครอบครองบ้านคนอื่นโดยพลการ แย่งจวนมู่ไปแล้ว”
“แต่ถ้าเป็นคุณชายมู่ คบหากับพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่แล้ว จากนั้นสัญญาว่าจะช่วยเหลืออีกฝ่ายยึดจวนเมืองหวยเฉิงมา ท่านก็คือผู้มีบทบาทหลัก อาศัยกำลังของพันธมิตร ยังสามารถเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งของท่านในจวนมู่ได้อีกด้วย ขอเพียงวันหนึ่งเจ้าเมืองมู่ไม่กลับมา จวนมู่คงเป็นท่านที่ตัดสินใจครับ”
พอได้ยิน ชั่วขณะนั้นมู่ชงมีความรู้สึกสว่างตรงหน้า รีบถามไปทันที “เหล่าฉี งั้นคุณคิดว่า พวกเราคบหากับใครได้?”
เหล่าฉีตอบว่า “ย่อมเป็นคนของจวนเมืองซ่งอยู่แล้วสิครับ!”
มู่ชงเข้าใจขึ้นมาฉับพลัน หัวเราะออกมาเสียงดังแล้วบอกว่า “ได้เรื่องนี้มอบหมายให้คุณมารับผิดชอบ ตอนนี้คุณไปหาคนของเมืองซ่งเถอะ”
เหล่าฉีบอกว่า “คุณชายมู่ครับ ท่านไปพบกับคนของเมืองซ่งด้วยตนเองจะดีกว่าครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเพียงทำแบบนี้ ถึงแสดงความจริงใจของพวกเราออกมาได้ครับ”
ชั่วขณะหนึ่งมู่ชงลังเลพอสมควร เขารู้ว่า ผู้แข็งแกร่งของเมืองซ่ง ไล่กลุ่มอิทธิพลฝ่ายอื่นๆ ที่จ้องอยากได้จวนมู่ถอยหนีไปหมด ข้างกายของซ่งอี้ ยังมีผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอยู่สองคน
เขากลัวว่าหากเจรจาไม่ดีเข้า อีกฝ่ายจะฆ่าเขาเอาได้ง่ายๆ
แต่ว่า นึกถึงตำแหน่งของผู้นำจวนมู่ ในดวงตาของมู่ชงเร่าร้อน กัดฟันตอบว่า “ได้ งั้นผมจะไปกับคุณสักรอบ เจอหน้าคนของเมืองซ่งหน่อย!”
ไม่นาน เรื่องที่มู่ชงพาคนไปหาซ่งอี้ ถูกหยางเฉินรับรู้แล้ว
หวยหลันพูดจาแบบโมโหเดือดดาล “พี่หยาง ไอ้สารเลวคนนี้ ไม่ใช่คนเกินไปแล้ว ทั้งที่พี่ไปคุยกับคนของเมืองซ่งเสร็จแล้ว เขายังไปหาฝ่ายหนึ่งอีก”
หยางเฉินหัวเราะเฉยๆ บอกว่า “เธอวางใจก็พอ เขาทำไม่สำเร็จหรอก ไปหาคนของตระกูลซ่ง กลัวว่าจะทำเกินเหตุจนเดือดร้อนเข้านะสิ”