The king of War - บทที่ 1773 เป้าหมายที่แท้จริง
บทที่ 1773 เป้าหมายที่แท้จริง
มู่ชงขมวดคิ้วขึ้นแล้ว พูดด้วยเสียงเย็นชา “ถึงแม้หยางเฉินมีแค่แดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอด แต่ความสามารถเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลาง อาศัยแค่นักฆ่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางคนเดียว จะฆ่าเขาได้อย่างไร?”
มู่เหลียงผิงรีบตอบไปทันที “ผมเล่าสถานการณ์อันนี้ให้คนของสำนักเซิ่งกงฟังแล้วครับ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่า นักฆ่าของสำนักเซิ่งกง ล้วนเป็นนักฆ่าที่สามารถฆ่าศัตรูข้ามขั้นได้ ต่อให้เป็นนักฆ่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น นั่นก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่ความสามารถเทียบเท่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นกลางครับ”
“นักฆ่าของสำนักเซิ่งกง ระดับความเร็วโดดเด่น จะต้องฆ่าหยางเฉินทิ้งได้แน่ครับ คุณชายมู่ท่านวางใจได้เลยครับ”
ฟังมู่เหลียงผิงพูดมาขนาดนี้ มู่ชงถึงรู้สึกวางใจไม่น้อย เพียงแต่ในใจยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
หยางเฉินทิ้งเงามืดเอาไว้ในใจของเขาใหญ่เหลือเกิน หยางเฉินไม่ตาย เขายากจะสงบใจ
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ทั้งสองรอมาอีกครึ่งชั่วโมง มู่เหลียงผิงไม่ได้รับข่าวคราวของนักฆ่าเลย
มู่ชงพูดอย่างโมโห “สรุปมันเรื่องอะไรกัน? ตกลงไว้ว่าจะลงมือตอนตีหนึ่ง ตอนนี้ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่ส่งข่าวมาอีก?”
มู่เหลียงผิงรีบบอกว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ! คุณชายมู่ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจครับ ผมจะติดต่ออีกฝ่ายเดี๋ยวนี้เลย ถามดูหน่อยว่าสรุปสถานการณ์เป็นอย่างไร”
ไม่นาน มู่เหลียงผิงวางมือถือลงแล้ว พูดจาแบบหน้าลำบากใจ “คุณชายมู่ครับ ติดต่อไม่ได้ครับ บางที อีกฝ่ายอาจกำลังเตรียมลงมือกับหยางเฉินอยู่ ดังนั้นจึงไม่สะดวกรับโทรศัพท์มั้งครับ”
มู่ชงสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมความโกรธของตนเอง กัดฟันพูดว่า “หยางเฉิน มันจำเป็นต้องตาย!”
เวลานี้ ด้านนอกจวนมู่
ในความมืดมิด ผู้อาวุโสสองคนและคนหนุ่มหนึ่งคน ภาพคนทั้งสาม ผู้อาวุโสหนึ่งในนั้น มองทางชายหนุ่มแล้วพูดว่า “เจ้าเมืองน้อยครับ นักฆ่าของสำนักเซิ่งกงคนนั้น เข้าไปในจวนมู่อีกแล้ว พวกเราต้องลงมือไหมครับ?”
สามคนนี้ ย่อมเป็นซ่งอี้และผู้แข็งแกร่งแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนของจวนซ่ง
ซ่งอี้ส่ายหน้า หัวเราะบอกว่า “นักฆ่าที่เพิ่งก้าวสู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าคนเดียวเอง ต่อให้เขาเป็นคนของสำนักเซิ่งกง ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเฉิน”
ผู้แข็งแกร่งเมืองซ่งพูดด้วยเสียงทุ้ม “ถูกนักฆ่าของสำนักเซิ่งกงพัวพัน ไม่ใช่เรื่องดีอะไร ว่ากันว่าผู้นำของสำนักเซิ่งกง เป็นนักฆ่ากึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง และนักฆ่าของสำนักเซิ่งกง ล้วนเป็นนักฆ่าที่อยู่แดนเหนือมนุษย์ขั้นห้าขึ้นไป โดยเฉพาะสามารถฆ่าศัตรูข้ามขั้นได้”
ผู้แข็งแกร่งเมืองซ่งอีกคนหนึ่งพยักหน้า “สำนักเซิ่งกงเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งวงการวิถีบู๊ในโลกทั่วไป ผู้แข็งแกร่งที่ตายอยู่ในมือพวกเขา นับไม่ถ้วน อยากจะจ้างนักฆ่าของสำนักเซิ่งกง ราคาสูงมากเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพื่อฆ่าหยางเฉินแล้ว แม้แต่นักฆ่าของสำนักเซิ่งกงยังจ้างมาได้”
ซ่งอี้หัวเราะหึๆ แล้วบอกว่า”ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เป็นมู่ชง”
“มู่ชง!”
ผู้แข็งแกร่งของเมืองซ่งสองคน ล้วนทำหน้าตกใจ
สำหรับพวกเขานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินกับจวนมู่ดีกันมาก จวนมู่เพื่อฆ่าหยางเฉินทิ้ง คาดไม่ถึงแม้แต่ผู้แข็งแกร่งของสำนักเซิ่งกงยังหามากันได้
ซ่งอี้พูดว่า “ลือกันว่า เจ้าเมืองมู่ถูกผู้แข็งแกร่งลึกลับพาตัวไป ตอนนี้เป็นหรือตายก็ไม่รู้ชัด ต่อให้มีชีวิตอยู่ กลัวว่าจะเป็นอันตรายมากกว่า ส่วนนักดาบเงาเพชฌฆาตได้รับบาดเจ็บหนัก จวนมู่คงมีคนไม่น้อยที่จ้องตำแหน่งของเจ้าเมืองเอาไว้อยู่ แต่ว่ามู่ชงคนนี้ กลับเป็นคนคนนั้นที่โอหังที่สุด และเป็นคนคนนั้นที่โง่เง่าที่สุดด้วย”
“สามารถใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของจวนมู่มาจ้างนักฆ่าสำนักเซิ่งกงได้ เกรงว่าคงมีแค่มู่ชงที่ทำแบบนี้ได้”
ฟังคำพูดของซ่งอี้แล้ว ผู้แข็งแกร่งจวนซ่งทำหน้าตกใจกันหมด
สำนักเซิ่งกงเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งวงการวิถีบู๊ ส่วนราคาที่จ้างนักฆ่าสำนักเซิ่งกงให้ลงมือก็สูงมากเหมือนกัน ไม่ว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลไหนๆ หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ล้วนต้องมอบกิจการไปให้ครึ่งหนึ่ง”
ที่ข้างกายซ่งอี้ ผู้แข็งแกร่งที่ชื่อว่าท่านหวังคนนั้น พูดขึ้นกะทันหัน “เจ้าเมืองน้อยครับ ว่าตามกฎของสำนักเซิ่งกง ถ้าเกิดรับภารกิจมาแล้ว จะดำเนินการลอบฆ่าบุคคลเป้าหมายจนตายให้ได้ ต่อให้หยางเฉินรอดมาได้ครั้งหนึ่ง แต่ว่าไม่มีทางรับประกันได้ว่า เมื่ออยู่ภายใต้การลอบฆ่าครั้งต่อไป เขาจะรอดชีวิตได้”
“ไม่อย่างนั้น พวกเราล้มเลิกการร่วมมือกับหยางเฉินเลยตอนนี้ อาศัยแค่ความสามารถของพวกเราจวนซ่ง อยากจะยึดจวนเมืองหวยเฉิง ก็ไม่ยากหรอกครับ”
ซ่งอี้ส่ายหน้า เอ่ยปากบอก “พวกคุณคิดจริงเหรอว่า ผมอยู่ที่นี่ต่อ คือเพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือของหยางเฉิน จากนั้นยึดจวนเมืองหวยเฉิง? ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ที่ผมสนใจคือหยางเฉินคนนี้ต่างหาก ด้วยอายุที่ไม่ถึงสามสิบปี ก็เหยียบเข้าแดนเหนือมนุษย์ขั้นแปดชั้นยอดได้ โดยเฉพาะแม้แต่จวนซ่งของพวกเรา ยังค้นหาเบื้องหลังของเขาไม่เจอ คนแบบนี้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?”
“อีกอย่าง คนที่สำนักเซิ่งกงอยากฆ่าคือหยางเฉิน ไม่ใช่พวกเรา พวกเราร่วมมือกับหยางเฉิน ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไร กลับกันเสียอีกช่วงที่เหมาะสม ถ้าพวกเราช่วยหยางเฉินไว้สักรอบ กลับจะเป็นเพราะเหตุนี้ถึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหยางเฉินลึกซึ้งเพิ่มไปอีก”
ชั่วขณะนั้นท่านหวังตกใจ “เจ้าเมืองน้อยครับ ท่านคงไม่ใช่อยากจะช่วยหยางเฉิน จัดการนักฆ่าของสำนักเซิ่งกงหรอกมั้งครับ?”
ซ่งอี้หัวเราะนิ่งๆ “ผมแค่พูดว่า ช่วยอย่างเหมาะสม ช่วยเขาสักหน่อย ไม่ใช่จะลงมือฆ่าคนของสำนักเซิ่งกง”
พอได้ยิน ผู้แข็งแกร่งจวนซ่งทั้งสองคนเข้าใจทันที ท่านหวังพยักหน้าตอบว่า “เจ้าเมืองน้อย ผมเข้าใจแล้วครับ!”
ซ่งอี้มองทางส่วนลึกของจวนมู่ หัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “หยางเฉินทางนั้น กลัวว่าคงปะทะฝีมือกับนักฆ่าของสำนักเซิ่งกงแล้ว”
เวลานี้ หยางเฉินที่เฝ้าอยู่ข้างกายนักดาบเงาเพชฌฆาต ชั่วขณะนั้นลืมตาขึ้น ในสายตามีจิตอาฆาตดุเดือดแวบผ่าน พูดเสียงเย็นชา “นึกไม่ถึงยังกล้ามาอีก”
ตั้งแต่เริ่มต้นที่นักฆ่าคนนั้นเหยียบเข้าสู่จวนมู่อีกครั้ง เขาก็รับรู้ถึงอีกฝ่ายได้
ทันใดนั้นหยางเฉินเอ่ยปากบอก “ฉันไม่สนว่าแกเป็นใคร รีบออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ฉันจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้น รับผิดชอบผลสุดท้ายเอาเอง!”
เขาเพิ่งพูดจบลง ความหนาวเย็นแฉลบผ่าน อีกฝ่ายกระโจนมาทางหยางเฉินโดยตรง ในมือกุมมีดสั้นที่ประกายมันวาวไว้เล่มหนึ่ง
หยางเฉินยักคิ้ว “ไม่เจียมตัว!”
ระหว่างที่พูด มีดอาถรรพ์ในมือของเขา ฟันเข้าไปยังอีกฝ่ายแล้ว
“ฉิ้ง!”
นักฆ่าตาไวลงมือเร็ว ชั่วขณะที่สำนึกถึงอันตรายมาเยือน รีบยกมีดขึ้นทันที
ครั้งนี้ มีดของนักฆ่าไม่ได้หัก
มีดสองเล่มปะทะเข้าด้วยกัน นักฆ่าถูกโจมตีจนถอยไปหลายสิบก้าว
หยางเฉินหรี่สายตาขึ้นเล็กน้อย “มีดอาถรรพ์เหรอ?”
ปะทะกับมีดอาถรรพ์ของเขาแล้วไม่หัก คงต้องเป็นของอาถรรพ์แน่นอน
เขายังตกใจพอสมควรจริงๆ ผู้แข็งแกร่งที่ต่ำกว่าแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอด ยากมากที่จะควบคุมของอาถรรพ์ไว้ได้ ใช้งานของอาถรรพ์ จะโดนกลับมาแว้งกัดแรงมาก
ตอนที่นักฆ่าลอบฆ่าเขาในครั้งแรก ใช้เพียงมีดธรรมดาเล่มหนึ่งเท่านั้น ครั้งนี้กลับใช้มีดอาถรรพ์
เห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายก็กลัวโดนของอาถรรพ์แว้งกัด ดังนั้นการลอบฆ่าครั้งที่สอง ถึงหยิบของอาถรรพ์อันนี้ออกมา
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นคือ อีกฝ่ายใช้ความสามารถแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้น ควบคุมของอาถรรพ์เอาไว้ได้ ดูแล้วที่มาของอีกฝ่ายยังไม่ธรรมดา
ในเวลานี้เอง นักฆ่าพุ่งเข้ามาทางหยางเฉินอีกครั้ง หยางเฉินรีบกวัดแกว่งมีดอาถรรพ์ในมือ
เพียงแค่ เขาเพิ่งกวัดแกว่งมีดอาถรรพ์ออกไป นักฆ่าที่เตรียมพร้อมตั้งแต่แรก ขยับเท้าทันใด ฝืนร่างกายปรับเปลี่ยนทิศทาง สวนผ่านกับหยางเฉินไป
ชั่วขณะนั้นหยางเฉินสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ด้านหลังของเขาคือเตียงคนไข้ของนักดาบเงาเพชฌฆาต เป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่เขา แต่เป็นนักดาบเงาเพชฌฆาต
“แกกล้าเหรอ!”
หยางเฉินตะโกนอย่างโมโห ชั่วพริบตาเดียวหมุนตัว ในเวลาเดียวกัน ยังนำมีดในมือใช้เป็นมีดนินจาทันที เขวี้ยงออกไปใส่นักฆ่า