The king of War - บทที่ 1777 แปดแม่ทัพแห่งเซิ่งกง
บทที่ 1777 แปดแม่ทัพแห่งเซิ่งกง
มู่ชงรู้ว่าในสมาคมผู้อาวุโสได้ออกประกาศ ให้มู่ฟางสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมือง ถึงกับเซ ถอยหลังไปหลายก้าว แล้วล้มลงบนโซฟา
สุนัขรับใช้รอบตัวเขา ก็มีสีหน้าซีดเซียวเช่นกัน
เป็นเวลานาน มู่ชงถึงได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห และพูดด้วยความโกรธ “ถือสิทธิ์อะไร? สมาคมผู้อาวุโสส่วนใหญ่ใช้นามสกุลอื่น พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาตัดสินและกำหนดตำแหน่งเจ้าเมืองของจวนมู่?”
“มู่ฟางเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง มีคุณสมบัติอะไรมาสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมือง? ผมไม่เห็นด้วย!”
พูดจบ เขาก็ลุกขึ้น และจากไปอย่างโมโห
ไม่นานเขาก็มาถึงห้องประชุม
ในเวลานี้ สมาคมผู้อาวุโสได้สิ้นสุดลง ทุกคน ต่างพูดและยิ้มให้กับหญิงวัยกลางคนที่ล้อมเอาไว้ และหญิงวัยกลางคนก็คือมู่ฟาง
“เจ้าเมืองมู่ ยินดีด้วย!”
“เจ้าเมืองมู่ ยินดีด้วยยินดีด้วย!”
…..
ทันทีที่มู่ชงเข้ามาในห้องประชุม ก็ได้ยินเสียงของทุกคนที่ร่วมแสดงความยินดีกับมู่ฟางสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
มู่ชงตะโกนเสียงดัง “ผมต่างหากที่เป็นทายาทผู้สืบทอดของจวนมู่ พวกคุณถือสิทธิ์อะไรที่มอบตำแหน่งเจ้าเมืองของผม ให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง?”
เสียงคำรามนี้ ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที
เหล่าฉีรีบก้าวไปข้างหน้า และรีบห้ามปราม “คุณชายมู่ นี่เป็นการตัดสินใจของสมาคมผู้อาวุโส คุณก็หยุดโวยวายเสียที อีกอย่าง แม้ว่าคุณจะไม่ใช่เจ้าเมือง คุณก็ยังเป็นหนึ่งในผู้ครองอำนาจสูงสุดของจวนมู่ พวกเรากำลังเตรียมตัว ให้คุณเข้าไปในสมาคมผู้อาวุโสและเป็นผู้อาวุโสของจวนมู่”
“หึหึ!”
มู่ชงหัวเราะอย่างเย็นชา ตาทั้งสองข้างจ้องมองเหล่าฉีอย่างไม่กะพริบแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโส? คุณคิดว่า ผมสนใจแค่ตำแหน่งผู้อาวุโสเหรอ? เดิมทีจวนมู่ก็เป็นของผมอยู่แล้ว พวกคุณมีสิทธิ์อะไรที่เอาตำแหน่งเจ้าเมืองของผม มอบให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง?”
สีหน้าของมู่ฟางแย่มาก เดินไปข้างหน้ามู่ชง มองมู่ชงแล้วพูดว่า “พี่ หยุดโวยวายสักที ได้ไหม?”
“เธอหุบปากเลย!”
มู่ชงตะโกนอย่างโกรธเคือง “ผู้หญิงสารเลวที่แต่งงานออกไปแล้ว ก็ยังจะแย่งจวนมู่เหรอ? ผมขอเตือนเธอรีบไสหัวกลับไปตระกูลฉินซะ เรื่องของจวนมู่ เธอไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยว”
“พอแล้ว!”
ในขณะนี้ เสียงที่โมโหก็ดังขึ้น กึกก้องไปทั่วจวนมู่
นักดาบเงาเพชฌฆาตเดินไปข้างหน้า สายตาที่เย็นชาจ้องไปที่ มู่ชงและพูดว่า “มู่ชง นายทำให้ฉันผิดหวังมาก ถ้าหากพ่อของนายเห็นสภาพตอนนี้ของนาย ก็คงจะผิดหวังมากเช่นกัน”
“เพื่ออำนาจ แม้แต่ฉันนายก็จำไม่ได้แล้ว”
มู่ชงโกรธมากและจ้องมองนักดาบเงาเพชฌฆาต และพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “คุณนี่เอง เอาตำแหน่งเจ้าเมืองของผม มอบให้กับมู่ฟาง ใช่ไหม?”
นักดาบเงาเพชฌฆาตพูดอย่างเย็นชา “ก่อนที่พ่อของนายจะจากไป ได้มอบจวนมู่ให้ฉัน ฉันหวังดีต่อจวนมู่ ถึงได้มอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับมู่ฟาง”
“หึหึ! ผู้ที่หวังดีต่อจวนมู่”
มู่ชงโกรธจนหัวเราะเยาะ “คิดไม่ถึงว่า จะมีวันหนึ่ง จวนมู่จะถูกคนนามสกุลอื่นมาควบคุม และแม้แต่ผมที่เป็นสายเลือดโดยตรงของจวนมู่ ลูกชายคนเดียวของพ่อ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรับตำแหน่งเจ้าเมืองช่างเป็นเรื่องที่น่าเยาะเย้ยจริงๆ!”
พูดจบ เขาก็มองไปที่นักดาบเงาเพชฌฆาตอย่างดุเดือด แล้วหันหลังเดินจากไปทันที
มองไปตามทิศทางที่มู่ชงจากไป นักดาบเงาเพชฌฆาตก็ถอนหายใจ มีความรู้สึกที่ซับซ้อนมาก
เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของจวนมู่ แต่เขากับเจ้าเมืองมู่เป็นเพื่อนและพี่น้องที่ดีมานานหลายปี ก่อนที่เจ้าเมืองมู่จะจากไปได้มอบจวนมู่ให้กับเขา เพื่อต้องการให้เขาช่วยปกป้องรักษาจวนมู่ไว้
เห็นได้ชัดว่า เจ้าเมืองมู่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองของจวนมู่ให้กับมู่ชง ถ้าเขาคิดดีแล้วจริงๆ เจ้าเมืองมู่ก็คงจะให้มู่ชงเป็นเจ้าเมืองน้อยของจวนมู่ไปนานแล้ว
ก็เป็นเพราะยังไม่ได้ตัดสิน ดังนั้นเขาจึงเสนอที่จะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับมู่ฟาง
“ท่านเงาเพชฌฆาต หรือว่า ท่านเอาตำแหน่งเจ้าเมือง มอบให้พี่ชายดีกว่า?”
จู่ ๆ มู่ฟางก็มาอยู่ตรงหน้านักดาบเงาเพชฌฆาต พูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ฉันไม่อยากให้เพียงเพราะตำแหน่งเจ้าเมือง จนต้องสูญเสียพี่ชายไป!”
นักดาบเงาเพชฌฆาตส่ายหัว ถอนหายใจ และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าหากมู่ชงเอาไหน พวกเราสมาคมผู้อาวุโสก็คงไม่มอบตำแหน่งเจ้าเมืองให้กับเธอหรอก หลายปีมานี้พ่อของเธอ ไม่ยอมให้มู่ชงเป็นเจ้าเมืองสักที ก็ได้อธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว”
“ในช่วงที่ผ่านมานี้ มู่ชงได้ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่ส่งผลเสียต่อจวนมู่ อาศัยการกระทำต่างๆของเขาในทุกวันนี้ เขาแทบไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเจ้าเมืองเลย ถ้าหากให้เขากลายเป็นเจ้าเมืองของจวนมู่จริงๆ เกรงว่าอีกไม่นาน พลังอำนาจของจวนมู่ก็คงจะถดถอยลงไปจนไม่เหลืออะไร
“มู่ฟาง เธอไม่ต้องคิดมาก ขอเพียงจำไว้ว่า ต่อจากนี้ไป เธอก็คือเจ้าเมืองของจวนมู่ ทุกเรื่องของจวนมู่ ขึ้นอยู่กับเธอ! อย่าทำให้พ่อของเธอผิดหวัง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักดาบเงาเพชฌฆาต ดวงตาของมู่ฟางแดงก่ำ พยักหน้าเล็กน้อย และพูดอย่างหนักแน่น “ท่านเงาเพชฌฆาต ฉันรู้แล้ว ท่านวางใจเถอะ ฉันจะพยายามดูแลจวนมู่อย่างดีที่สุด และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้จวนมู่ทรงพลังยิ่งๆขึ้น!”
นักดาบเงาเพชฌฆาตตบไหล่มู่ฟาง พยักหน้าและพูดว่า “ดี!”
“จริงสิ ถ้าหยางเฉินต้องการให้จวนมู่ช่วยเหลือ เธอรับปากเขาได้เลย เขาจะไม่ทอดทิ้งจวนมู่แน่และต้องจำไว้ ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม อย่าเป็นศัตรูกับหยางเฉิน ”
มู่ฟางรีบพยักหน้า “ท่านเงาเพชฌฆาต ไม่ต้องเป็นหว่ง ฉันรู้ว่าควรทำยังไง”
ในขณะนี้ ป่าทึบรอบนอกจวนมู่
หยางเฉินยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง และไม่นาน ร่างเงาชายหนุ่มคนหนึ่ง มีแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดสองคนติดตาม แล้วเดินเข้ามา
“พี่หยาง!”
เมื่อซ่งอี้เห็นหยางเฉิน ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก
หยางเฉินพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า “พี่ซ่ง ผมเตรียมพร้อมแล้ว สามารถช่วยคุณยึดครองจวนเมืองหวยเฉิงได้ทุกเมื่อ คุณตัดสินใจจะลงมือเมื่อไหร่?”
ซ่งอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มองไปที่หยางเฉินและพูดว่า “คุณจะไปจากจวนมู่เหรอ?”
หยางเฉินไม่ได้ปิดบังแม้แต่น้อย พยักหน้า “ออกมานานแล้ว ถึงเวลากลับไปสักที”
ซ่งอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองไปที่ท่านหวังที่อยู่ข้างๆ แล้วสั่งว่า “ท่านหวัง คุณสั่งการลงไป ให้คนของเราเตรียมพร้อม และคอยรอคำสั่งจากผม !”
ท่านหวังพยักหน้า “ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
“พี่หยาง!”
ซ่งอี้มองไปที่หยางเฉินแล้วพูดว่า “ในเมื่อพี่หยางรีบร้อนจะจากไป ถ้างั้นผมก็จะไม่เสียเวลาของพี่หยางแล้ว อีกสามชั่วโมง เจอกันที่จวนเมืองหวยเฉิง ดีไหม?”
หยางเฉินพยักหน้า “ตกลง!”
พูดจบ เขาก็กำลังจะหันหลังจากไป
“พี่หยาง!”
ทันใดนั้นซ่งอี้ก็พูดขึ้น
หยางเฉินหันกลับมา มองซ่งอี้อย่างสงสัย ซ่งอี้พูดว่า “เมื่อคืนนี้ นักฆ่าที่โจมตีคุณ คือนักฆ่าของสำนักเซิ่งกง”
ได้ยินคำพูดของซ่งอี้ รูม่านตาของหยางเฉินก็หดตัวลงทันที รีบเดินเข้าไปหาซ่งอี้และพูดเสียงดัง “ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับสำนักเซิ่งกงคุณบอกผมสิ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่หยางเฉินได้ยินเกี่ยวกับพลังอำนาจของสำนักเซิ่งกง แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือ ฉินยีซึ่งเป็นน้องเมียของเขา ตอนนี้เป็นนักฆ่าระดับแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นต้นของสำนักเซิ่งกง
เหตุผลที่เขารีบจากไป ก็คือต้องการตามหาฉินยีให้เจอโดยเร็วที่สุด คิดไม่ถึงว่า ซ่งอี้ถึงกลับรู้เรื่องการลอบสังหารเมื่อคืนนี้ และยังรู้ด้วยว่านักฆ่าที่ลอบสังหารเขา มาจากสำนักเซิ่งกง
ซ่งอี้พูดอย่างเคร่งขรึม “สำนักเซิ่งกง เป็นองค์กรนักฆ่าชั้นนำของแดนวิถีบู๊ แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งจะสู้ตระกูลบู๊โบราณไม่ได้ ว่ากันว่าหัวหน้าของสำนักเซิ่งกง เป็นผู้แข็งแกร่งของกึ่งแดนนภาขั้นหนึ่ง”
“นอกจากหัวหน้าของสำนักเซิ่งกงแล้ว สำนักเซิ่งกงยังมีแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นยอดอีกแปดคนเป็นผู้พิทักษ์ ที่รู้จักกันในนามของแปดนายพลแห่งสำนักเซิ่งกง นอกจากนี้แล้ว ยังมีแดนเหนือมนุษย์ขั้นเก้าชั้นปลายกับชั้นกลาง และยังมีผู้แข็งแกร่งชั้นต้น มีหลายสิบคน”
“ถ้าคุณต้องการเชิญสำนักเซิ่งกงลงมือ ก็ต้องเอาทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเป็นค่าตอบแทน แต่ไม่ว่างานอะไร ที่ สำนักเซิ่งกงรับไว้ ก็จะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน ถ้าครั้งนี้นักฆ่าไม่สามารถฆ่าคุณได้ ครั้งต่อไป สำนักเซิ่งกงก็จะจัดนักฆ่าที่แข็งแกร่งกว่ามาฆ่าคุณ จนกว่าจะฆ่าคุณให้ตายถึงจะยอมรามือ”